ผู้นำโลกห่วงหนัก! เร่งไทย-กัมพูชา “หยุดยิง-เปิดโต๊ะเจรจา” หลังเหตุปะทะรุนแรง
เหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาที่ปะทุขึ้นในปลายเดือนพฤษภาคมและรุนแรงขึ้นในวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 ได้กลายเป็นประเด็นที่ทั่วโลกจับตาอย่างใกล้ชิด เมื่อมีรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 12 ราย รวมถึงเด็กและทหารไทยหนึ่งนาย โดยมีการใช้ทั้งเครื่องบินรบ F-16 จากฝ่ายไทย และจรวดจากฝั่งกัมพูชาในการตอบโต้กัน ส่งผลให้หมู่บ้านบริเวณชายแดนได้รับความเสียหายและเกิดกระแสความห่วงใยจากนานาประเทศถึงเสถียรภาพในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
จีนแสดงท่าที “กังวลอย่างยิ่ง” โดย กัวเจียคุน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนระบุว่า ไทยและกัมพูชาเป็นเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดกับจีน และมีบทบาทสำคัญในอาเซียน จึงควรบริหารจัดการความขัดแย้งอย่างเหมาะสมผ่านกระบวนการเจรจา พร้อมย้ำว่าจีนยังคงยึดมั่นในจุดยืนที่เป็นธรรม เป็นกลาง และพร้อมมีบทบาทเชิงสร้างสรรค์เพื่อคลี่คลายสถานการณ์
ด้านมาเลเซียในฐานะประธานอาเซียนปี 2568 โดยนายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม ได้ติดต่อโดยตรงกับผู้นำทั้งไทยและกัมพูชา พร้อมแสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์ และเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายยุติการสู้รบทันทีเพื่อเปิดทางสู่การเจรจา โดยระบุว่า “สันติภาพคือทางเลือกเดียว” พร้อมเผยว่าได้รับสัญญาณบวกจากทั้งกรุงเทพฯ และพนมเปญว่ามีความพร้อมพิจารณาเส้นทางสันติภาพดังกล่าว และมาเลเซียพร้อมทำหน้าที่เป็นตัวกลางหากจำเป็น
ญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกาก็ออกแถลงการณ์ในทิศทางเดียวกัน โดยกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นเรียกร้องให้ทั้งสองประเทศ “ยับยั้งชั่งใจ” และใช้การเจรจาเป็นหนทางหลัก ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม แสดงความกังวลอย่างยิ่งต่อการสู้รบที่ทวีความรุนแรง โดยเฉพาะผลกระทบต่อพลเรือน พร้อมเรียกร้องให้ยุติการโจมตีทันที และยืนยันจุดยืนให้ใช้แนวทางสันติวิธีในการแก้ไขข้อพิพาท
สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาทวีความตึงเครียดอย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 28 พฤษภาคม หลังเกิดการยิงปะทะกันซึ่งส่งผลให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิตหนึ่งนาย และนำไปสู่การลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างทั้งสองประเทศลงสู่จุดต่ำสุดในรอบหลายทศวรรษ