จีนในเกมสงครามอิหร่าน
ไม่มีใครรู้แน่ว่าสมรภูมิสงครามอิหร่านจะยืดเยื้อต่อไปยาวนานเพียงใด แม้ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดี จะพยายามสื่อสารว่าต้องการจบให้เร็ว กดดันให้ทั้งอิหร่านและอิสราเอลหยุดยิง แต่ไม่มีใครรู้ว่าถึงหยุดยิงกันได้จะเพียงพักรบชั่วคราวหรือถาวร
และไม่มีใครรู้ว่าอิหร่านจะแก้แค้นเอาคืนสหรัฐฯ ที่โดดเข้าร่วมสงครามและทิ้งระเบิดฐานทดลองนิวเคลียร์ของอิหร่านเพิ่มอีกไหม ด้วยวิธีการใด และจะเอาคืนเมื่อใด ตอนนี้ที่ยังไม่เอาคืนหรือที่บอกว่าโจมตีฐานทัพสหรัฐฯ ตอบโต้คืนแล้ว (โดยที่สหรัฐฯ บอกป้องกันได้หมดและไม่เกิดความเสียหายเลย) แต่จริงๆ ไม่มีใครรู้หรอกครับว่าอิหร่านจะกลับมาหาจังหวะและตอบโต้ใหม่แรงกว่านี้ หรือกลับมาแก้แค้นด้วยวิธีการอื่นอีกไหมในอนาคต
ถ้าเราดูประวัติศาสตร์ของสงคราม ไม่มีสงครามครั้งไหนที่ปลูกฝังความแค้นความเกลียดชังฝังรากระหว่างกันเช่นนี้แล้วจะสามารถจบสงครามได้เร็ว ดูอย่างรัสเซียบุกยูเครนก็ยากจะจบเร็วดังที่รัสเซียหวัง ยืดเยื้อยาวนานมาจนปัจจุบัน การเข้าร่วมสงครามของสหรัฐฯ ในอัฟกานิสถานและอิรักในอดีตเองก็ลากยาวเกินกว่าที่กองทัพสหรัฐฯ ประเมินไว้เมื่อตอนเริ่มต้นสงครามมาก
คำถามคือ ในเชิงยุทธศาสตร์ จีนมองสมรภูมิอิหร่านที่กำลังลุกเป็นไฟนี้อย่างไร สำหรับจีน โลกที่ปั่นป่วนขึ้นย่อมไม่ดีต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและความมั่นคงทางพลังงานของจีน แต่ในขณะเดียวกัน สมรภูมิใหม่นี้ก็ย่อมเบี่ยงเบนความสนใจของสหรัฐฯ ออกจากจีนและภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก
สมาธิของสหรัฐฯ จะเสียไปกับปัญหาใหม่ที่ตะวันออกกลางที่มีแนวโน้มจะยืดเยื้อลุกลาม นอกเหนือจากแนวรบยูเครน-รัสเซีย ซึ่งก็ยังจบลงไม่ได้ สหรัฐฯ ก็จะมีเรื่องปวดหัวเพิ่ม การรวมสมาธิและพลังในการจัดการจีนโดยตรงของสหรัฐฯ ย่อมลดลง
ตอนนี้มีความหวาดกลัวว่าอิหร่านอาจแก้เผ็ดสหรัฐฯ โดยการปิดช่องแคบฮอร์มุซที่น้ำมันปริมาณถึงร้อยละ 20 ของโลกต้องลำเลียงผ่านช่องแคบนี้ มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐฯ ออกมาบอกว่าจีนต้องช่วยกดดันอิหร่าน และจีนต้องบอกกับอิหร่านให้ชัดเจนว่าห้ามปิดช่องแคบฮอร์มุซเด็ดขาด เพราะคนที่จะเสียหายมากที่สุดคือจีนและประเทศในตะวันออกกลาง จีนจะเสียหายมากเพราะขนน้ำมันมาใช้ไม่ได้ ส่วนประเทศตะวันออกกลางก็ส่งน้ำมันออกขายไม่ได้เช่นกัน
ฝรั่งจะวิเคราะห์ว่า คนที่จะเสียหายมากที่สุดหากปิดช่องแคบฮอร์มุซก็คือจีน ที่เป็นผู้ซื้อน้ำมันรายใหญ่ของอิหร่านและตะวันออกกลาง ส่วนคนที่จะอาจได้ประโยชน์โดยเปรียบเทียบที่สุดกลับจะเป็นสหรัฐฯ เพราะสหรัฐฯ จะขายน้ำมันได้มากขึ้น และยุโรปเองก็จะต้องหันพึ่งพลังงานสหรัฐฯ มากขึ้นเมื่อแหล่งน้ำมันอื่นติดขัดในการขนส่ง
แต่จริงๆ สหรัฐฯ เองก็จะเจ็บหนักจากราคาน้ำมันที่จะพุ่งช็อกโลกและเศรษฐกิจโลกที่จะปั่นป่วนกันหมดเช่นเดียวกัน เรื่องนี้จึงเป็นเกมวัดใจ เพราะจีนเองถึงพึ่งน้ำมันจากอิหร่านจริง แต่ก็คิดเป็นสัดส่วนเพียงร้อยละ 10 ของปริมาณน้ำมันทั้งหมดของจีน ถึงส่งมาไม่ได้จีนก็ไม่ถึงกับตาย แต่สหรัฐฯ ที่ตลาดหุ้นอาจฟองสบู่แตกจากความปั่นป่วน อาจมีอะไรที่ต้องเสียมากกว่าก็ได้ในเกมที่ทุกคนพร้อมจะพังไปด้วยกัน
ถัดมามีคนถามว่าสมรภูมิอิหร่านที่ร้อนแรงขึ้น หมายความอย่างไรต่อสมรภูมิทะเลจีนใต้และไต้หวัน อย่างในทะเลจีนใต้ก็มีข่าวว่าขณะที่สหรัฐฯ เรียกเรือรบลาดตระเวนกลับเพื่อเตรียมรับสถานการณ์ความผันผวนในตะวันออกกลาง จีนเองก็ยกระดับปฏิบัติการในทะเลจีนใต้ขึ้นมาทันที
ส่วนสมรภูมิไต้หวันนั้น มีคำถามว่าจีนจะอาศัยจังหวะชุลมุนหรือจังหวะที่สหรัฐฯ พัวพันสงครามในตะวันออกกลาง เปิดแนวรบใหม่เพิ่มที่ไต้หวันหรือไม่ โดยจีนอาจคาดหวังว่าสหรัฐฯ จะมาช่วยไม่ทันหรือไม่มีกำลังเพียงพอจะรับศึกหลายด้านพร้อมกัน ซึ่งถ้าจีนเดินหมากนี้จริง เราคงเรียกว่าเป็นสงครามโลกครั้งที่ 3 ได้เลย
แต่ผมไม่คิดว่าจะเกิดขึ้น เพราะสีจิ้นผิงมีวิธีเดินหมากที่แตกต่างจากทรัมป์อย่างสิ้นเชิง ขณะที่ทรัมป์ชอบเดิมพันและชอบเดินหมากเสี่ยง ดังที่เขาเสี่ยงเอาสหรัฐฯ เข้าร่วมสงครามอิหร่านในครั้งนี้และเข้าร่วมระเบิดฐานนิวเคลียร์ของอิหร่าน เพราะเขาเดิมพันว่าอิหร่านถึงจุดอ่อนแอขีดสุดและอิหร่านไม่มีกำลังเพียงพอจะตอบโต้สหรัฐฯ หรือถึงตอบโต้ การตอบโต้ก็จะจำกัดวงได้ สหรัฐฯ รับมือได้ และจะไม่ลุกลามใหญ่โต
แต่สีจิ้นผิงนั้นเป็นสไตล์ตรงกันข้าม คือชอบเดินเกมช้าแต่ชัวร์ จะไม่ทำอะไรจนกว่าจะมั่นใจแน่นอนว่าตนเอาอยู่และชนะได้แน่ เราเห็นชัดจากตัวอย่างจากการรับมือวิกฤตโควิดที่จีนเลือกที่จะไม่เสี่ยงใดๆ เลยด้วยการใช้มาตรการล็อกดาวน์อย่างเข้มข้น และจะเปิดเมืองเมื่อคิดว่าปลอดภัยและความสูญเสียต่ำแล้วเท่านั้น ศึกไต้หวันก็เช่นกัน จีนจะเปิดฉากสงครามก็ต่อเมื่อมั่นใจแล้วว่าจะชนะได้แน่ ซึ่งตอนนี้จีนยังไม่มั่นใจพอ
ยิ่งต้องต่อกรกับทรัมป์ที่เอาแน่เอานอนไม่ได้และคาดเดาได้ยาก ย่อมทำให้จีนประเมินลำบากว่าหากเปิดศึกไต้หวันแล้ว สหรัฐฯ จะมาช่วยหรือไม่อย่างไร ทรัมป์ที่กลับไปกลับมาได้ตลอดดังที่เราก็เห็นในเรื่องอิหร่าน ที่ช่วงแรกทรัมป์บอกว่าสหรัฐฯ จะไม่ยุ่ง แต่จบด้วยสหรัฐฯ เข้าร่วมสงครามและทิ้งระเบิดอิหร่าน ก็แสดงให้เห็นชัดเจนว่าทรัมป์นั้นประเมินยาก และพร้อมเปลี่ยนทุกนาที
ในไต้หวันเองหลายคนจึงชอบใจที่ทรัมป์สนับสนุนพันธมิตรอิสราเอลอย่างเต็มที่ ไม่ทิ้งกัน ซึ่งแสดงให้เห็นว่านโยบายการต่างประเทศของทรัมป์ ก็ไม่ใช่นโยบายโดดเดี่ยวไม่ยุ่งกับโลก แบบที่หลายคนคิดว่าทรัมป์ทิ้งยูเครน ทิ้ง NATO เสียทีเดียว แต่อีกด้านหนึ่งของเหรียญของทรัมป์ก็คือนโยบาย ‘สันติภาพมาจากความแข็งแกร่ง’ (Peace Through Strength) ซึ่งหมายถึงสหรัฐฯ ต้องพร้อมโชว์พาวเวอร์และแสนยานุภาพด้านการทหารให้ทุกคนยำเกรง จนไม่กล้าหือหรือต่อกรกับสหรัฐฯ
แต่ในที่สุดแล้ว หากสมรภูมิอิหร่านลุกลามและไม่จบเร็วแบบที่ทรัมป์หวัง (ซึ่งผมมองไปในทิศทางนั้น) และทรัมป์ต้องการให้จีน ซึ่งเป็นผู้ซื้อน้ำมันและเป็นกระเป๋าเงินใบใหญ่ของอิหร่านช่วยสหรัฐฯ ในการกดดันให้อิหร่านเข้าสู่โต๊ะเจรจา ยอมรับเงื่อนไขของสหรัฐฯ หรือหลีกเลี่ยงที่จะปิดช่องแคบฮอร์มุซให้โลกปั่นป่วนกันหมด อิหร่านก็อาจเป็นไพ่อีกใบของจีนที่จะใช้ต่อรองกับสหรัฐฯ ในเกมสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ที่กำลังดำเนินอยู่ เช่นเดียวกับไพ่เกาหลีเหนือและไพ่รัสเซียที่จีนเองก็มีอำนาจต่อรองระดับหนึ่งต่อเพื่อนเหล่านี้ที่พึ่งพาจีนเป็นอย่างมาก
ภาพ: Ken Ishii – Pool / Getty Images, FOTOGRIN via ShutterStock