"วิโรจน์" ยกเคสคดีดังเทียบคดี "น้องเมย" ลั่นต่างกันราวฟ้ากับเหว
วันที่ 22 กรกฎาคม 2568 ศาลมณฑลทหารบกที่ 12 จังหวัดปราจีนบุรี อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาในคดีการเสียชีวิตของ "น้องเมย" นายภคพงศ์ ตัญกาญจน์ นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 ซึ่งเสียชีวิตจากการถูกรุ่นพี่ 2 นายธำรงวินัย ภายในโรงเรียนเตรียมทหาร เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2560 ศาลมีคำพิพากษาจำคุกจำเลย 4 เดือน 16 วัน และปรับ 15,000 บาท โดยให้รอลงอาญา 2 ปี พร้อมระบุเหตุผลว่า “จำเลยยังเยาว์วัย ไม่เคยมีประวัติเสียหาย และควรได้รับโอกาสกลับตัวรับใช้ชาติในอนาคต”
ล่าสุด "วิโรจน์ ลักขณาอดิศร" สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ระบุว่า
ศาลทหาร กระบวนการยุติธรรมที่ลักลั่น และวัฒนธรรมลอยนวลพ้นผิด ที่บั่นทอนภาพลักษณ์ของกองทัพ
จากกรณีการเสียชีวิตของ “เมย” ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ อายุ 19 ปี นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 โรงเรียนเตรียมทหาร หมดสติและเสียชีวิต เมื่อ 17 ต.ค.60 หลังถูกรุ่นพี่สั่งธำรงวินัย ซึ่งกระบวนการยุติธรรมของศาลทหาร ได้ถูกวิพากษ์วิจารณ์จากสังคมมาโดยตลอด โดยเริ่มตั้งแต่
ศาลทหารชั้นต้น (ช่วงปี 2561-2562): ศาลมีคำพิพากษาให้ รอการกำหนดโทษ นักเรียนเตรียมทหารรุ่นพี่ที่ถูกฟ้องร้องในคดีทำร้ายร่างกาย ส่วนคดีอื่นๆ ที่ครอบครัว "เมย" ภคพงศ์ ฟ้องร้องนั้น พนักงานสอบสวน และอัยการบางส่วนได้มีคำสั่งไม่ฟ้อง
ศาลอุทธรณ์ (คำพิพากษาในส่วนคดีแพ่ง ต.ค.2566): สำหรับคดีอาญา ศาลอุทธรณ์ได้มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นในบางคดี ส่วนในคดีแพ่งที่ครอบครัวน้องเมยฟ้องร้อง กระทรวงกลาโหม และกองบัญชาการกองทัพไทย ศาลอุทธรณ์ได้มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้กระทรวงกลาโหมชดใช้เงินจำนวนหนึ่งแก่ครอบครัวตัญกาญจน์
ศาลฎีกา (กรกฎาคม 2568): เมื่อวันที่ 22 ก.ค. 2568 ศาลทหารสูงสุด มีคำพิพากษาชั้นฎีกา ให้ยืนตามศาลชั้นอุทธรณ์ จำเลยมีความผิดทำร้ายร่างกาย ทำโทษโดยฝ่าฝืนคำสั่งกลุ่มนักเรียนโรงเรียนเตรียมทหาร และด้วยอายุจำเลยไม่เคยได้รับโทษ การจะลงโทษจำเลยก็ไม่เป็นประโยชน์ ให้จำเลยปรับปรุงตัวรับราชการต่อไป จึงลงโทษจำคุกรุ่นพี่ 4 เดือน 16 วัน ปรับ 15,000 บาท รอลงอาญา 2 ปี
สรุปก็คือ ผู้กระทำความผิดด้วยการซ้อมทรมาน จนทำให้ “เมย” ถึงแก่ความตาย ได้รับโทษเพียงจำคุก 4 เดือน 16 วัน ปรับ 15,000 บาท รอลงอาญา 2 ปี เท่านั้นเอง และการให้ผู้กระทำความผิดยังคงรับราชการต่อไป ทำให้สังคมต้องตั้งคำถามว่า กองทัพจะให้คนที่ลุแก่อำนาจทำร้ายเพื่อนทหารร่วมชาติจนถึงแก่ความตาย เป็นทหารต่อไปจริงๆ หรือครับ พฤติกรรมแบบนี้ไม่ใช่ทหาร แต่เป็นพฤติกรรมโจร การเอาโจรมาเป็นทหารไม่มีทางทำให้กองทัพเป็นกองทัพที่ดีได้
นี่ขนาดผู้เสียหายเป็นนักเรียนเตรียมทหารนะครับ ความยุติธรรมยังบิดเบี้ยวขนาดนี้ ถ้าผู้เสียหายเป็นพลเรือน สังคมจะคาดหวังความยุติธรรมได้อย่างไร
เมื่อนำเอามาเปรียบเทียบกับกรณีของการเสียชีวิตของ พลทหารวรปรัชญ์ พัดมาสกุล อายุ 18 ปี ที่ค่ายนวมินทร์ จ.ชลบุรี ที่ถูกครูฝึก และรุ่นพี่ ซ้อมทรมานจนถึงแก่ความตาย ซึ่งศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2 มีคำพิพากษาว่าการกระทำความผิดของจำเลยทั้ง 13 คน มีความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ 2565 มาตรา 5 และมาตรา 35 วรรคสาม พิพากษาจำคุก จำเลยที่ 1 (ครูฝึก) 20 ปี จำคุกจำเลยที่ 2 (ครูฝึก) 15 ปี จำคุกจำเลยที่ 1 ถึง 13 (ผู้ช่วยครูฝึก) คนละ 10 ปี
เมื่อเปรียบเทียบผลแห่งคดีของทั้ง 2 กรณี ก็สมควรที่ประชาชนจะตั้งข้อสังเกตถึงความลักลั่นของการพิจารณาคดีของศาลทหาร และศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ อย่างมาก ซึ่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากภาคประชาชน ย่อมส่งผลต่อภาพลักษณ์ของกองทัพอย่างมาก และทำให้วัฒนธรรมลอยนวลพ้นผิดบั่นทอนความไว้เนื้อเชื่อใจของประชาชนอย่างต่อเนื่อง
นอกจากคำพิพากษาที่แตกต่างกันราวฟ้ากับเหวแล้ว ตลอดระยะเวลา 8 ปี ในการต่อสู้คดีของครอบครัวตัญกาญจน์ ต้องเผชิญกับการขัดขวาง และการข่มขู่มาโเดยตลอด การเข้าถึงหลักฐานเอกสารต่างๆ ก็ยาก พยานที่จะมาให้ข้อมูลเพื่อความเป็นธรรมแก่คุณเมย ก็ถูกข่มขู่ เรียกได้ว่ากระบวนการยุุติธรรมถูกบ่อนทำลายมาตลอดเส้นทางในทุกขั้นตอน จนกระทั่งมีคำพิพากษา
ผมยืนยันว่า การปฏิรูปกองทัพ จำเป็นต้องกลัดกระดุมเม็ดแรกให้ถูกต้องก่อน นั่นก็คือ “การปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมของกองทัพ” ซึ่งจำเป็นต้องมีการแก้ไขปรับปรุง พ.ร.บ.ธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ.2498 พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 และ พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ.2559
ความยุติธรรมที่ไม่ลักลั่น การยุติวัฒนธรรมลอยนวลพ้นผิดเท่านั้น ที่จะทำให้กองทัพได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจากประชาชน ในขณะเดียวกันก็จะเป็นกลไกในการควบคุมไม่ให้ทหารนอกรีต กระทำการอันป่าเถื่อนโหดร้ายลุแก่อำนาจ ซึ่งจะทำให้การปฏิบัติภารกิจทางการทหารของกองทัพมีความเคร่งครัดทางวินัย เคารพต่อหลักสิทธิมนุษยชน และมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น
หากมีการทุจริต ทหารต้องขึ้นศาลพลเรือน
ขอบคุณข้อมูจาก Wiroj Lakkhanaadisorn - วิโรจน์ ลักขณาอดิศร