KSS ชู 5 กลยุทธ์ลงทุน ตั้งรับก่อนข้อสรุปเจรจาภาษี “ไทย-สหรัฐ”
ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (4 ก.ค. 68) บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุผ่านบทวิเคราะห์ถึงกลยุทธ์การลงทุนในช่วงที่ ไทย-สหรัฐ กำลังหาข้อสรุปการเจรจาการค้า หลังจากเวียดนามเป็นชาติแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEA) ที่ได้รับข้อเสนอจากสหรัฐฯที่ 20% สำหรับสินค้าที่ผลิตในเวียดนาม ส่วนสินค้ากลุ่ม Transshipping จะถูกเก็บที่ 40% นอกจากนี้ เวียดนามจะงดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ
ทั้งนี้ ฝ่ายนักวิเคราะห์ได้แบ่งเป็น 5 Scenario ที่จะมีผลต่อการลงทุนระยะถัดไปและกลยุทธ์เพื่อให้นักลงทุนเตรียมความพร้อมล่วงหน้า ดังนี้
1.) กรณีไทยได้ดีลภาษี 10-15% ดีกว่าเวียดนามคาด SET Index จะตอบรับทางบวก Bullish ที่ 3-5% ซึ่งไทยถูกมองเป็นพันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์ (Fund Flow) ไหลกลับไทย เน้นลงทุน กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม อาทิ WHA, AMATA รับ FDI China plus 1, กลุ่ม Export Tech เน้นลงทุน DELTA, KCE และ HANA รวมไปถึงกลุ่มส่งออก TU, ITC, AAI, CPF และ STA
รวมไปถึงแนะนำลงทุนกลุ่มนำเข้า กรณีไทยตกลงงดภาษีนำเข้า สินค้าสหรัฐฯ อาทิ COM7, ADVICE, SYNEX, BE8, BBIK, GULF และ GPSC อีกทั้งแนะนำกลุ่ม Infra+Import Technology Play อาทิ ADVANC และ TRUE
2.) กรณีไทยได้ดีลภาษี 15-18% ดีกว่าเวียดนามเล็กน้อยคาด SET แกว่งตัวในกรอบ 1,130-1,180 แนะนำลงทุนหุ้น Selective Export อาทิ KCE และ HANA
รวมไปถึงกลุ่มนิคมฯ อย่าง WHA และ AMATA (ยังสะสมได้) กลุ่มนำเข้า (กรณีไทยตกลงงดภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐเช่นกัน) ADVANC, COM7, ADVICE และ INSET อีกทั้งแนะนำกลุ่มนำเข้าก๊าซ อาทิ PTTGC, GPSC และ BGRIM
3.) กรณีไทยได้ดีลภาษี 19-21% เท่าเวียดนามประเมินเป็นกลางถึงบวกแคบต่อ SET ส่วนหุ้นเด่นเน้นกลุ่ม Domestic Defensive อาทิ BDMS และ CPALL, กลุ่มโรงไฟฟ้า คือ GULF และ GPSC และหากเปิดเมือง-ท่องเที่ยวแนะนำลงทุน อาทิ MINT CENTEL ขณะที่กลุ่มเช่าซื้อแนะนำ KTC และ MTC
4.) กรณีไทยได้ดีลภาษี 22-25% แย่กว่าเวียดนาม SET มีโอกาสแกว่งต่ำกว่า 1,100 จุด แนะนำเน้นหุ้นพลังงาน คือ PTTEP และ BANPU รวมถึงโรงพยาบาล อาทิ BDMS กลุ่ม Domestic Laggards คือ ADVANC GULF และเช่าซื้อ KTC MTC และ SAWAD
5.) กรณีไทยถูกเก็บภาษี >25% (Worst Case) SET ปรับฐานและมีโอกาสปรับลงทดสอบ low เก่า บริเวณ 1,053 จุด เน้นหุ้นดอกเบี้ยลด KTC MTC และกลุ่ม High Yield คือ ADVANC และ AP กลุ่มหนี้สูง อาทิ TRUE, MINT และ CPALL กลุ่ม Energy Defensive อาทิ GULF BCPG กลุ่ม Healthcare อาทิ BDMS BCH และ CHG รวมทั้งกลุ่มท่องเที่ยว CENTEL และ ERW