“พิชัย” บินกลับไทย รับดีล “ภาษีสหรัฐ” ยังไม่จบ เตรียมยื่นข้อเสนอใหม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (4 ก.ค.68) นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะหัวหน้าคณะเจรจาการค้าและภาษีกับสหรัฐอเมริกา หรือ “ทีมไทยแลนด์” โพสต์คลิปวิดีโอ ความยาว 4.19 นาที
นายพิชัย กล่าวว่า ขณะนี้ตนอยู่ระหว่างการเปลี่ยนเครื่องที่ประเทศเกาหลีใต้ หลังจากได้ประชุมกับหลาย ๆ ฝ่ายตลอดเวลาที่อยู่ในสหรัฐฯ และเมื่อประชุมสุดท้ายเสร็จ ตนและคณะได้เดินทางไปยังสนามบินทันที จึงไม่สามารถรายงานได้ในทันทีเพราะอยู่บนเครื่องบิน โดยขอสรุปผลการเจรจาภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariff) กับสหรัฐฯ ดังนี้
การเยือนสหรัฐฯ ครั้งนี้ ทีมไทยแลนด์ได้พบทั้งภาครัฐซึ่งเป็นระดับนโยบาย ภาคเอกชนที่ลงทุนในไทยมาอย่างต่อเนื่อง และภาคเกษตรของสหรัฐฯ ซึ่งรัฐบาลสหรัฐฯ ให้ความสำคัญมาก การพบกับทั้ง 3 กลุ่มหลักช่วยให้ทีมเจรจาไทยได้ข้อมูลเชิงลึกจากผู้เกี่ยวข้องโดยตรง ซึ่งสามารถสะท้อนถึงระดับนโยบายที่จะตัดสินใจ หรือ Policy Maker ซึ่งคาดว่าจะนำปัจจัยเหล่านี้ไปพิจารณาร่วมด้วย
ในการเจรจาระดับนโยบาย นายพิชัยได้เข้าพบ Mr. Jamieson Greer ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (U.S. Trade Representative: USTR) และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ
“ในการพบกันครั้งนี้ เราได้รับฟีดแบ็กที่สำคัญมากว่า สหรัฐฯ มีความเชื่อมั่นและมั่นใจในประเทศไทยในฐานะพันธมิตรทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน ซึ่งความร่วมมือที่ผ่านมาเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย การพูดคุยยังช่วยให้เราเข้าใจแนวคิดของผู้บริหารระดับสูงว่าลึก ๆ แล้วพวกเขาต้องการอะไรเพิ่มเติมจากที่แสดงออก เพื่อจะนำไปประกอบการทำงานและเจรจาทางเทคนิคต่อไป” นายพิชัยกล่าว
“จากการเจรจาวันนี้ ผมคิดว่าเป็นไปด้วยดี ทางสหรัฐฯ เองก็กล่าวขอบคุณที่ไทยมีความกระตือรือร้นในการเข้าร่วม เราเองก็ยืนยันว่าจะนำฟีดแบ็กที่ได้กลับไปจัดทำข้อเสนอใหม่เพิ่มเติมเพื่อประโยชน์ของทั้งสองฝ่าย”
นายพิชัย ย้ำว่า จุดยืนของคณะทำงานไทย คือ การเจรจาต้องนำไปสู่ข้อตกลงที่สามารถปฏิบัติได้จริง มีความยั่งยืน และเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองประเทศ หรือ “win-win solution” แม้ว่าจะยังไม่มีข้อสรุปสุดท้ายในขณะนี้ แต่ทีมไทยแลนด์จะเดินหน้าทำงานอย่างต่อเนื่อง
“ทั้งผมและคณะทำงานจะต้องทำงานกันให้หนักมากขึ้น เพื่อปรับเงื่อนไขให้เกิดความชัดเจน และเข้าใจร่วมกันว่าเป็นผลประโยชน์ของทั้งสองฝ่าย เพื่อให้ได้ข้อตกลงที่เป็นประโยชน์ร่วมกันในระยะยาว”