รัฐบาลใช้ 5 กองทุนเร่งเยียวยาประชาชนจากชายแดนไทย-กัมพูชา
ทำเนียบ 31 ก.ค.-รัฐบาลใช้ 5 กองทุนเร่งเยียวยาประชาชนจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ขณะที่ปั๊มน้ำมัน ปตท. บ้านผือ อ.กันทรลักษ์ ผวจ.ศรีสะเกษ ให้พลังงานจังหวัด แรงงาน ลดขั้นตอนเร่งช่วย ธ.กรุงไทย ช่วยดูแลภาระหนี้
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา (ศบ.ทก.) เปิดเผยว่า มาตรการและแนวทางดูแลช่วยเหลือพี่น้องประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์สู้รบตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา ทั้งผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและผู้เสียชีวิต จากกองทุนต่างๆ ดังนี้
1.กองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี ดังนี้ กรณีเสียชีวิต รายละ 1,000,000 บาท กรณีทุพพลภาพ รายละ 700,000 บาท กรณีบาดเจ็บสาหัส รายละ 200,000 บาท กรณีบาดเจ็บมาก รายละ 100,000 บาท กรณีบาดเจ็บเล็กน้อย รายละ 50,000 บาท
2.กองทุนยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม
3.เงินเยียวยาจากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
4.เงินเยียวยาจากกระทรวงมหาดไทย (ปภ)
5.การช่วยเหลือจากหน่วยงานตามสิทธิที่เกี่ยวข้องอื่นๆอาทิ กระทรวงพลังงาน กระทรวงแรงงาน เป็นต้น
กรณีความคืบหน้าสถานีบริการน้ำมัน ปตท. บ้านผือ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้รับความเสียหายจาก กัมพูชายิงจรวด BM-21 ตกในพื้นที่ นายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ได้ประสานให้การช่วยเหลือผู้ประกอบการแล้ว ในด้านภาระหนี้ของผู้ประกอบการธนาคารกรุงไทยได้เข้าไปพูดคุยช่วยเหลือเยียวยาในเรื่องการลดดอกเบี้ยหรือการยกเว้นดอกเบี้ยด้วยแล้วกับเจ้าของปั๊ม และมีการดูแลการประกันภัยอาคารและที่เกี่ยวข้องกับบริษัทประกันที่ได้ประกันไว้กับทิพยประกันภัย และกรุงเทพประกันภัย รวมทั้งกรมธุรกิจพลังงานและพาณิชย์จังหวัด เจ้าหน้าที่ช่างตวงวัด เข้าตรวจสอบระบบหัวจ่ายน้ำมัน ที่เสียหายจากสะเก็ดระเบิด ขณะที่ แรงงานจังหวัด แจ้งสิทธิ์ติดตามการชดเชยสำหรับลูกจ้างผู้ประกอบการปั๊มน้ำมันและลูกจ้างของผู้เช่าร้านค้าในปั๊มน้ำมันด้วยแล้ว ตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคม 2568
สำหรับประชาชนที่ได้รับผลกระทบและผู้ประสบภัยจังหวัดศรีสะเกษ ได้แจ้งสิทธิ์การเยียวยาตามสิทธิ์ที่เกี่ยวข้องแล้ว ส่วนผู้ที่เสียชีวิตจำนวน 8 ราย ได้ส่งเรื่องขอรับการช่วยเหลือจากกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ จังหวัดมีพื้นที่ได้รับผลกระทบรวม 39 ตำบล 498 หมู่บ้าน มีราษฎรได้รับความเดือดร้อนจำนวน 113,771 ครัวเรือน รวมประชาชน 303,586 คน
“ล่าสุด กรมบัญชีกลางยังได้อนุมัติขยายวงเงินทดรองราชการในอำนาจผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน กรณีภัยอันเนื่องมาจากการกระทำของกองกำลังจากนอกประเทศ เป็นจังหวัดละ 100 ล้านบาท ใน 7 จังหวัด (จ.สระแก้ว จ.จันทบุรี จ.ตราด จ.สุรินทร์ จ.ศรีสะเกษ จ.บุรีรัมย์ และ จ.อุบลราชธานี และขยายวงเงินทดรองราชการในอำนาจอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (อุทกภัย วาตภัย น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม) จำนวน 6 จังหวัด ดังนี้ 1. จ.น่าน 2. จ.เชียงราย 3. จ.พะเยา 4. จ.ลำปาง 5. จ.เชียงใหม่ 6. จ.แพร่” นายจิรายุ กล่าว.-314.-สำนักข่าวไทย