ผลสอบที่ดินเขากระโดง ชัดเจนเป็นของรัฐ
ก.มหาดไทย 1 ส.ค.-“ภูมิธรรม-เดชอิศม์” เผยผลสอบที่ดินเขากระโดง ชัดเจนเป็นของรัฐ ร.5 พระราชทาน ฟ้าผ่าเพิกถอน “สนามฟุตบอล-แข่งรถ” วันพรุ่งนี้ ยึดคำสั่งศาลฎีกา-ศาลปกครองเป็นที่ดินการรถไฟ หากครอบครองที่ดินโดยชอบให้ฟ้องเรียกเสียหาย-มีแนวทางเยียวยา พร้อมตรวจสอบ ขณะที่ “พรพจน์” ขอย้ายพ้นอธิบดีกรมที่ดิน
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย แถลงความคืบหน้า การตรวจสอบคำสั่งอธิบดีกรมที่ดิน กรณีไม่เพิกถอนโฉนดที่ดินบริเวณเขากระโดง ตำบลอีสาณและตำบลเสม็ด อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์
โดยนายภูมิธรรม ระบุว่า เรื่องที่ดินเขากระโดง มีข้อค้างคา ข้อขัดแย้ง หรือพิจารณาที่แตกต่างกันมาตลอด และตนได้รับการร้องเรียนจากประชาชน ทั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ได้ยื่นหนังสือมา ที่ขอให้พิจารณาวินิจฉัยว่า เขากระโดงเป็นที่ดินของรัฐเมื่อศาลมีคำสั่งแต่เหตุใดจึงไม่มีการจัดการให้เหมาะสมและถูกต้องเป็นไปตามคำสั่งของศาล โดยได้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม โดยมีนายเดชอิศม์ ในฐานะกำกับดูแลกรมที่ดินเป็นผู้รับผิดชอบ เพื่อไต่สวนเรื่องต่างๆ
นายเดชอิศม์ กล่าวว่า ที่ดินกว่า 5,000 ไร่อยู่ที่อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ ศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกา และคำพิพากษาแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ว่าที่ดินดังกล่าวเป็นของการรถไฟแห่งประเทศไทย เมื่อศาลฎีกาพิพากษาแล้วทางการรถไฟฯ ได้ทำหนังสือถึงกรมที่ดิน เพื่อให้ทำการเพิกถอนโฉนดที่ดิน แต่ในขณะนั้นกรมที่ดินเพิกเฉย ไม่ทำตามศาลฎีกา การรถไฟแห่งประเทศไทยได้ทำการฟ้องกรมที่ดินกับศาลปกครองกลาง เพื่อให้กรมที่ดินเพิกถอนตามคำสั่งศาลฎีกา แต่ปรากฏว่าศาลปกครองกลางได้พิพากษาว่า ให้เพิกถอนโฉนดตามคำพิพากษาของศาลฎีกา ส่วนไหนที่ไม่มีปัญหาเรื่องขอบเขตให้เพิกถอนตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 61 วรรค 8 ได้เลย แต่ยังมีส่วนหนึ่งที่มีการแย้งเข้ามา เรื่องขอบเขตที่ดินข้างนอก เมื่อมีปัญหาแบบนี้ ท้ายของคำพิพากษาของศาลปกครองมีคำสั่งว่าให้อำนาจอธิบดีกรมที่ดินตั้งคณะกรรมการขึ้นมาหนึ่งชุด เพื่อทำประมวลกฎหมายมาตรา 61 วรรคสอง ให้กรรมการชุดนี้มีอำนาจหน้าที่ร่วมกับการรถไฟฯ เพื่อสอบเขตที่ไม่ชัดเจน เพื่อให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น จากนั้นจะได้เพิกถอนตามคำพิพากษาของศาลฎีกา
แต่ในขณะนั้นกรมที่ดิน ตั้งคณะกรรมการขึ้นมา ซึ่งตามที่คณะกรรมการจะทำให้ครบตามคำสั่งศาลฎีกา ที่เป็นขอบเขตที่ละเอียด แต่ปรากฏว่าตามรายงานไม่มีการสอบเขตเลย แถมมีคำสั่งว่าให้ยุติเรื่อง ด้วยเหตุผลต่างๆนานา อธิบดีกรมที่ดินเห็นชอบตามมติของคณะกรรมการชุดนั้น หลังจากนั้นเป็นที่พูดถึงกันมีพี่น้องทั้งประเทศไทย ทำไมกรมที่ดิน ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของศาลฎีกา นอกจากไม่ปฏิบัติตามแล้ว ยังปฎิบัติตรงข้ามค้านสายตาชาวไทย ค้านสายตาผู้พิพากษา เมื่อตนได้รับตำแหน่ง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้รับโอกาสจาก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มากำกับดูแลกรมที่ดิน ได้รับหนังสือร้องเรียนเกือบทุกวันว่า จะแก้ปัญหาอย่างไรกับเรื่องเขากระโดง เมื่อเป็นเช่นนี้จึงตั้งคณะกรรมการขึ้นมาอีกชุดหนึ่ง เพื่อตรวจสอบว่าคำสั่งของอธิบดีกรมที่ดินถูกต้องหรือไม่ โดยผลสรุปของคณะกรรมการระบุว่าคณะกรรมการชุดนั้นตามมาตรา 61 วรรค 2 ไม่ได้ทำตามกระบวนการที่ครบถ้วน ฉะนั้นคำสั่งของอธิบดีกรมที่ดินเลยไม่ชอบ ตนจึงหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติมว่าระหว่างกรมที่ดินและการรถไฟมีการสอบเขตแล้วหรือไม่ ผลปรากฏว่าใน ปี 2567 กรมที่ดินและการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้ร่วมกันสอบแนวเขตมาชัดเจนแล้ว วันนี้สรุปได้ว่าอธิบดีกรมที่ดินมีอำนาจเพิกถอนโฉนดเขากระโดงตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 61 วรรค 8 ได้เลย
ขณะที่นายเชรษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า คำพิพากษาของศาลฎีกาที่ 842-876/2560 คำพิพากษาของศาลฎีกาที่ 8027/2561 ศาลอุทธรณ์ภาค 3 หมายเลขคดี เลขแดง ที่ 1112/2563 และคำพิพากษาศาลปกครองกลาง เลขแดงที่ 548/2566 ศาลที่มีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วว่าที่ดินพิพาทเป็นที่ดินของรัฐ และเป็นกรรมสิทธิ์ของการรถไฟแห่งประเทศไทย เป็นที่ดินรถไฟที่มีไว้ใช้ในราชการตามพระราชบัญญัติจัดวางการรถไฟและทางหลวง พ.ศ.2464 มาตรา 3 (2) และได้รับความคุ้มครองมาตรา 6 (1) และ(2) โดยมีขอบเขตพื้นที่ตามพระราชกฤษฎีกาและแผนที่แสดงเขตที่ดินเพื่อสร้างทางรถไฟ และเพื่อจัดหาแหล่งวัสดุมาใช้ในการก่อสร้างทางรถไฟและลำเลียงอิฐ ซึ่งจัดทำขึ้นเสร็จเรียบร้อย 18 พฤษภาคม 2465 กรมที่ดินและอธิบดีกรมที่ดิน ซึ่งถือเป็นหน่วยงานของรัฐและเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ จึงต้องผูกพันและมีหน้าที่ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาล เนื่องจากมีหน้าที่และอำนาจในการคุ้มครองสิทธิในที่ดินของบุคคล และการจัดการที่ดินของรัฐรวมทั้งดำเนินการเกี่ยวกับการคุ้มครองป้องกันที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน คือเป็นทรัพย์สินของแผ่นดิน ดังนั้นกรมที่ดินและอธิบดีกรมที่ดิน จึงมีหน้าที่ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาล โดยการตรวจสอบและเพิกถอนโฉนดที่ดินหนังสือรับรองการทำประโยชน์หรือหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินออกให้ในที่ดินของรัฐซึ่งตนมีหน้าที่ต้องปฏิบัติและแก้ไข คำสั่งทางปกครองตามคำพิพากษาของศาลฎีกาศาลอุทธรณ์ภาค 3 และศาลอุทธรณ์กลาง เมื่อคดีถึงที่สุดแล้ว
โดยนายภูมิธรรม กล่าวย้ำว่า จากกรณีดังกล่าวได้รับการร้องเรียนเรื่องเขากระโดงและสื่อมวลชนมีการเปิดประเด็นว่าการดำเนินการนั้นโดยชอบหรือไม่ เนื่องจากขัดกับที่ศาลปกครอง ศาลฎีกา และศาลอาญา ที่ได้มีการสรุปและตัดสินไปแล้วว่า ที่ดินนี้เป็นของการรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งเรื่องการบังคับใช้ซึ่งหากดูแผนที่ที่ได้รับพระราชทานโปรดเกล้าฯ จากรัชกาลที่ 5 ซึ่งบ่งบอกว่าเป็นที่ดินของหลวงและเป็นที่ดินของรัฐโดยแท้ และเมื่อปี 2465 มีการออกพระราชกฤษฎีกา และขณะนั้นมีชาวบ้านครอบครอง 18 ครอบครัว และการรถไฟแห่งประเทศไทยได้ไปซื้อที่ดินมาจากชาวบ้าน ถือเป็นเครื่องพิสูจน์ในอดีตที่ดินที่มีการครอบครองจากชาวบ้านได้ขายให้การรถไฟ ซึ่งถือว่าเป็นที่ดินของการรถไฟโดยชอบทั้งหมด เพราะฉะนั้นโดยกระบวนการทางกฎหมายที่ดินต่างๆจะต้องถูกประกาศยกเลิกขีดฆ่าออกจากสารระบบเพราะเป็นที่ดินของรัฐ ซึ่งถือเป็นพื้นฐานที่สำคัญ หลังจากที่มีได้ดำเนินการและฟ้องร้องกัน
นายภูมิธรรม ยังกล่าวอีกว่า ใจกลางของที่ดินทำสนามฟุตบอลและสนามรถแข่งรถของที่ดินแปลงนี้ จึงมิชอบด้วยกฎหมาย จึงไม่มีเหตุที่ทำให้เอกชนมายึดครองและที่ดินของรัฐ แล้วมาอ้างว่าเป็นที่ดินของตัวเอง จากการสืบสวนสอบสวนได้เชิญผู้ที่เกี่ยวข้อง สรุปออกมาอย่างไรก็ยืนยันว่าเป็นที่ดินของรัฐและศาลได้พิจารณาเรื่องนี้แล้วชัดเจน
อย่างไรก็ตามตามมาตรา 61 (8) กรมที่ดินมีอำนาจเพิกถอนได้ทันที ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป เพราะฉะนั้นที่ดินเหล่านี้ตกเป็นของรัฐ จึงจะดำเนินการตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป ส่วนที่ดินชายขอบที่มีปัญหาอยู่บ้าง ที่มีการทับซ้อน จะต้องมีการตรวจสอบหากเป็นเอกชนรายได้ก็จะต้องมีการดำเนินการต่อจากนั้นให้เกิดความชัดเจนตามกรอบของที่ดิน
เมื่อถามว่าประชาชนที่ได้ที่ดินมาโดยสุจริตจะต้องเยียวยาอย่างไร นายภูมิธรรม ระบุว่า ก็เป็นไปตามกระบวนการความยุติ และตามกฏหมาย แต่ทั้งหมดนี้ต้องถือว่าเป็นที่ดินของรัฐ สามารถยึดครองได้ และขีดฆ่าโฉนดที่ดินได้ ถ้าใครได้มาอย่างถูกต้องก็ให้ว่าไปตามกฏหมายมีสิทธิ์เสนอเรื่องเข้ามาฟ้องร้องก็ได้ ว่ากันไปตามกระบวนการ แต่ต้องยืนยันว่าที่ดินตอนนี้เป็นของรัฐ ถ้าจะมีการขอเช่าต่อก็ว่าไปตามกระบวนการไม่ว่ากัน
เมื่อถามว่าเป็นเกมไล่บี้ เครือข่ายพรรคภูมิใจไทยและบ้านใหญ่บุรีรัมย์ ต่อเนื่องจากการโยกย้ายอธิบดีกรมการปกครอง และอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น นายภูมิธรรม ระบุว่า ไม่ใช่การไล่บี้ เพราะสื่อมวลชนทุกสาขาไล่บี้เรื่องนี้กับตนมาโดยตลอด โดยเมื่อตนเข้ามาทำหน้าที่ได้มีประชาชนเข้ามายื่นเรื่องให้ตรวจสอบ พร้อมย้ำว่าไม่เกี่ยวกับการไล่บี้หรือไม่ไล่บี้ใคร หรือไม่พอใจใครหรือพอใจใคร แต่เกี่ยวกับที่ศาลฎีกาและศาลปกครองมีคำสั่งที่เป็นยุตติแล้ว และที่ผ่านมามีการดำเนินการตามคำสั่งของศาลไม่ครบถ้วน ซึ่งได้มีการมาเคลียร์และดูตรงนี้ทั้งหมด โดยพบว่า สามารถดำเนินการตามกฎหมาย 61 วรรค 8 ซึ่งสามารถดำเนินการนำที่ดินกลับมาเป็นของรัฐตามที่ประชาชนเฝ้ามองอยู่ ซึ่งว่ากันไปตามกฏหมาย ซึ่งตรงนี้หากใครมองว่าไม่ชอบอย่างไรก็สามารถเรียกร้องความเป็นธรรมได้ แต่เรามีหน้าที่ทำให้ที่ดินส่วนนี้ กลับมาเป็นที่ดินของรัฐ เพราะไม่เช่นนั้นจะมีปัญหาในเรื่องของการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และยังมีอีกกฎหมายที่เราต้องรับผิดชอบร้ายแรง
เมื่อถามว่าคนที่จะมาเพิกถอนที่ดินเริ่มตั้งแต่พรุ่งนี้ จะเป็นอธิบดีคนใหม่ใช่หรือไม่ และจะใช้แนวทางตามที่กล่าวข้างต้นใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุว่า ไม่ว่าจะเป็นอธิบดีท่านไหนก็ต้องดำเนินการ เพราะเป็นคำสั่งศาล ที่ได้มีคำสั่งมายังกรมที่ดิน และอำนาจเพิกถอนเป็นของกรมที่ดิน แต่ถ้าไม่มี ก็เป็นผู้บังคับบัญชาระดับต่างๆ ที่จะต้องบังคับดำเนินการ
โดยจังหวะที่นายภูมิธรรม เดินออกจากห้องแถลงข่าว ผู้สื่อข่าวยังถามนายภูมิธรรม ว่า จะได้อธิบดีกรมที่ดินคนใหม่เมื่อไหร่ นายภูมิธรรม ตอบว่า อยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไร ส่วนจะเร็วหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับกระบวนการทั้งหมด ที่ตนนั้นดูแลเรื่องการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอยู่แล้ว
ส่วนงบประมาณที่จะต้องนำมาใช้ในการเยียวยานั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า ก็ต้องชัดเจนก่อนว่าใครที่มีส่วนเกี่ยวข้อง และก็ต้องดำเนินการไปตามกฎหมายละเมิด.-319.-สำนักข่าวไทย