“ทนายชนินทร์” ยัน อาชีพทนาย อย่ากังวลกับกระแสหรือคำวิจารณ์
"ทนายชนินทร์" ยืนยัน อาชีพทนาย อย่ากังวลกับกระแสหรือคำวิจารณ์ ต้องยืนหยัดทำหน้าที่อย่างซื่อสัตย์ สุจริต
นายชนินทร์ แก่นหิรัญ ทนายความเขากระโดง ได้ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงอาชีพทนายความที่ทำหน้าที่หลายบทบาท ว่า “ทนายอาชีพ ยืนบนกฎหมาย ไม่ใช่บนการเมือง” จะบอกเพื่อนๆ ว่า ตนไม่ใช่ทนายดังอะไร เป็นเพียงทนายความโนเนมคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตทำงานบนเส้นทางสายกฎหมายมานานหลายสิบปี รับว่าความเพื่อเลี้ยงชีพและดูแลครอบครัว ทำงานไปตามที่ผู้ว่าจ้างฝากฝังมา บางคดีชนะ บางคดีแพ้ นั่นคือความจริงที่ทนายทุกคนต้องเจอ
และทั้งหมดนี้คือบทเรียนที่สอนว่า ทนายความไม่ใช่คนตัดสินคดี เราเป็นเพียงส่วนหนึ่งของกระบวนการยุติธรรม หน้าที่ของเราคือใช้ความรู้และความพยายามปกป้องสิทธิของลูกความ ภายใต้กรอบกฎหมายและจรรยาบรรณ
นายชนินทร์ กล่าวว่า ตนไม่ปฏิเสธว่า เป็นทนายความครอบครัว “ชิดชอบ” และทนายความของคุณอนุทิน ชาญวีรกูล มานานกว่า 20 ปี ได้รับความไว้วางใจให้ทำคดี และให้คำปรึกษามาโดยตลอด การได้รับเกียรติให้ไปทำงานในหลายหน่วยงานรัฐวิสาหกิจที่ผ่านมาก็เพื่อรักษาผลประโยชน์ขององค์กรตามอำนาจหน้าที่เท่านั้น ส่วนที่มีการพูดถึงว่าตนเคยเป็นประธานอนุกรรมการกฎหมาย การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ก็เป็นความจริง
แต่ต้องชี้แจงว่า ตนได้รับหน้าที่นั้นในปี 2563 ขณะที่คดีเขากระโดงและคดีที่เกี่ยวข้องได้สิ้นสุดไปตั้งแต่ปี 2560–2561 แล้ว ดังนั้นจึงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการพิจารณาคดีเหล่านั้นแต่อย่างใด
"วันนี้ที่ผมเข้ามาทำหน้าที่ ก็ใช้เพียงพยานหลักฐานที่ปรากฏในสำนวนศาลฎีกา ซึ่งเป็นเอกสารที่ทั้งฝ่ายโจทก์และจำเลยในคดีนั้นๆ ได้ยื่นไว้ในศาลอยู่แล้ว เพียงแต่มีข้อเท็จจริงบางประการที่ถูกละเลยหรือบกพร่องในการนำเสนอ ผมจึงถือเป็นหน้าที่ของทนายความที่จะต้องนำเสนอความจริงที่ถูกปกปิดไว้ให้ศาลได้รับทราบครบถ้วนเท่านั้น
ส่วนงานคดีที่ปรากฏตามข่าว ยอมรับ พรรคพวกล้วนๆ ที่ผ่านมาผมทำคดีเพื่อค่าจ้างมามาก เพราะทนายก็ต้องทำงานเลี้ยงชีพ แต่ก็มีหลายครั้งที่เลือกทำเพื่อประชาชนที่ถูกละเมิดสิทธิ์ ถูกอำนาจรัฐกดทับ หรือเพื่อส่วนรวมโดยไม่ได้รับค่าตอบแทนเลย เป็นเพียงการช่วยพรรคพวก เพื่อนฝูงตามวิถีของคนที่มีเพื่อนมีพี่มีน้องกัน ไม่ได้หวังผลประโยชน์อื่นใด" นายชนินทร์ กล่าว
ทนายชนินทร์ กล่าวอีกว่า ในโลกการเมือง นักการเมืองและพรรคการเมืองทุกฝ่ายต่างก็มีทนายความของตัวเอง แต่สิ่งที่แตกต่างคือ ฝ่ายใดที่กุมสื่อ มักใช้เป็นเครื่องมือทางอำนาจ สร้างการชี้นำ และเชื่อว่าสังคมเห็นและรู้จากการกระทำ ไม่ต้องคาดเดา เพราะสุดท้ายความจริงก็มักจะปรากฏ
"ผมจึงอยากฝากถึงน้องๆ ทนายความรุ่นใหม่ว่า อย่ากังวลกับกระแสหรือคำวิจารณ์เกินไป ความสำเร็จของทนายไม่ได้วัดที่ชื่อเสียงหรือการเป็นข่าว แต่คือการทำหน้าที่อย่างซื่อสัตย์สุจริต ไม่ทิ้งลูกความเมื่อเขาต้องการ และยืนหยัดรักษาศักดิ์ศรีวิชาชีพ แม้เราจะเป็นเพียงทนายธรรมดา ๆ แต่ถ้าทำด้วยหัวใจและความถูกต้อง นั่นก็คือความภูมิใจสูงสุดแล้ว ผมไม่เก่ง ไม่ดัง แต่ภูมิใจที่ได้เป็นทนายความอาชีพ และอยากให้ทุกคนที่อยู่ในเส้นทางนี้ภูมิใจเหมือนกันครับ" ทนายชนินทร์ กล่าว
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook: https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews