ทองพุ่งไม่หยุด! จบรอบขาลง
ราคาทองคำพุ่งขึ้นอย่างร้อนแรง หลังจาก "นายเจอโรม พาวเวล" ประธาน ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด ส่งสัญญาณชัดในการกล่าวสุนทรพจน์ที่แจ็กสันโฮล ว่า อาจจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ในการประชุมวันที่ 16 - 17 กันยายน 2568 ซึ่งมุมมองดังกล่าว ได้จุดกระแสแรงหนุนราคาทองคำโลก และทองไทยทะยานขึ้นทันที
ล่าสุด สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนธันวาคม ปรับตัวเพิ่มขึ้น 36.90 ดอลลาร์ หรือ 1.09% แตะที่ระดับ 3,418.50 ดอลลาร์/ออนซ์
ขณะที่ราคาทองไทยเปิดตลาดเช้าวันเสาร์ที่ 23 สิงหาคม 2568 พุ่งขึ้นทันที 200 บาทต่อบาททองคำ
โดยทองคำแท่ง รับซื้อบาทละ 51,550 บาท ขายออก 51,650 บาท
ทองรูปพรรณ รับซื้อบาทละ 50,513 บาท 12 สตางค์ ขายออก 52,450 บาท
สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น.ได้สัมภาษณ์ "นายวรชัย ตั้งสิทธิ์ภักดี" รองเลขาธิการสมาคมค้าทองคำ ถึงทิศทางราคาทองคำ โดย "นายวรชัย" กล่าวว่า ตลาดคาดการณ์อยู่แล้วว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย ในเดือนกันยายน หากเกิดขึ้นจริง มีโอกาสสูงที่ราคาทองคำจะจบรอบขาลง และเข้าสู่ช่วงขาขึ้น
"นายวรชัย" กล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้มีนักเคราะห์คาดการณ์ว่า ราคาทองโลกปีนี้จนถึงปีหน้า มีโอกาสขึ้นไปแตะ 3,600 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือคิดเป็นราคาทองไทยที่ไม่ต่ำกว่า 54,000 บาทต่อบาททองคำ
ขณะที่ "นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) มองแนวโน้มราคาทองคำในช่วงเดือนกันยายน มีโอกาสกลับมาเป็นสัญญาณบวก เนื่องจากตลาดคาดการณ์ว่าเฟดก็จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ในวันที่ 16-17 กันยายน ดังนั้นวายแอลจีจึงคาดการณ์ว่าในเดือนกันยายน มอาจจะมีโอกาสเห็นราคาทองคำขึ้นไปแตะจุดสูงสุดเดิมที่เคยทำไว้ที่ 3,500 ดอลลาร์/ออนซ์
นอกจากนี้ ทองคำยังได้รับแรงสนับสนุนจากสถาบันการเงินขนาดใหญ่ เช่น UBS ได้ปรับเป้าหมายราคาทองคำเป็น 3,600 ดอลลาร์/ออนซ์ ภายในไตรมาส 1 ปี 2569 ซึ่งใกล้เคียงกับเป้าหมายของวายแอลจี ที่ให้ไว้ที่ 3,600-3,700 ดอลลาร์/ออนซ์
ขณะที่ Goldman Sachs ได้คงคาดการณ์ราคาทองคำที่ 4,000 ดอลลาร์/ออนซ์ ในช่วงกลางปี 2569 อีกทั้งในระยะยาวยังมีกระแส De-Dollarization ลดทอนบทบาทดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักของ BRICS มาสนับสนุนราคาทองคำ อย่างไรก็ตามมองกรอบการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในประเทศ ไว้ที่ 50,700-52,200 บาทต่อบาททองคำ
"นางพวรรณ์" กล่าวอีกว่า สำหรับนักลงทุนรายย่อยที่ต้องการลงทุนระยะยาวนั้น แนะนำสะสมแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน DCA (Dollar-Cost-Average) เป็นอีกหนึ่งวิธีที่น่าสนใจ เพราะจะทำให้นักลงทุนสามารถสร้างวินัยการสะสมทอง และเข้าถึงราคาทองได้หลากหลาย อีกทั้งปัจจุบันยังสามารถตั้งเวลาซื้อล่วงหน้าได้อีกด้วย
จากนี้ต่อไปจะต้องจับตาการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด อย่างใกล้ชิด เพราะนี่คืออีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ ที่ส่งผลต่อราคาทองคำให้ปรับขึ้นนั่นเอง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook: https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews