อยากมีลูก แต่กลัวเงินไม่พอ? บทเรียนชีวิตจริง จากคุณแม่สายลงทุน วางแผนการเงินยังไงให้รอด
อยากมีลูก แต่กลัวเงินไม่พอ!
นี่อาจเป็นคำถามที่วนเวียนอยู่ในหัวของคนรุ่นใหม่จำนวนไม่น้อย เมื่อเห็นค่าครองชีพพุ่งสูงขึ้น เศรษฐกิจผันผวน และความมั่นคงในงานประจำไม่เหมือนเดิม หลายคนจึงลังเลกับการเริ่มต้นสร้างครอบครัว เพราะกลัวว่าภาระทางการเงินจะหนักเกินรับไหว
แต่ความจริงแล้ว “การมีลูก” ไม่ได้หมายถึง “การจมอยู่กับหนี้และความกังวล” เสมอไป หากพ่อแม่รู้จักวางแผนล่วงหน้าอย่างมีระบบ ตั้งแต่ค่าใช้จ่ายแรกเกิด การศึกษาของลูก ไปจนถึงการสร้างความมั่นคงให้ครอบครัวในระยะยาว การเงินที่ดูเหมือนเป็นอุปสรรค ก็สามารถกลายเป็นเครื่องมือสร้างความอุ่นใจได้
นั่นคือสิ่งที่ “นุช - วราพรรณ วงศ์สารคาม” อดีตพยาบาลและนักวิชาการสาธารณสุขค้นพบและพิสูจน์ด้วยตัวเอง จากคนทำงานประจำที่ต้องคุมรายจ่ายให้รอดเดือนต่อเดือน เธอเลือกหันมาเรียนรู้การลงทุนแบบเน้นคุณค่า (VI) และเปลี่ยนแนวทางจัดการเงินให้ครอบครัว จนไม่เพียงสร้างอิสรภาพทางการเงินได้สำเร็จ แต่ยังมี “พิมพ์เขียว” การเงินที่พร้อมส่งต่อให้ลูกในอนาคต
“วราพรรณ” เจ้าของเพจ VI บ้านๆ ซึ่งปัจจุบัน ยังขึ้นแท่นเป็นกรรมการและเลขานุการสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า (ประเทศไทย) ThaiVI ให้สัมภาษณ์ ในรายการ Thairath Money Night Stand ว่า ชีวิตการเงินในวัยเด็กของตนเอง อยู่กับพ่อแม่ที่เป็นข้าราชการ มีพี่น้อง 3 คน ฉะนั้นจะติดภาพความฝืดเคืองของครอบครัวมาตั้งแต่วัยเยาว์
คำว่า “เงินจะไม่พอ” เกิดขึ้นบ่อยครั้ง แต่ก็ถูกปลูกฝังโดยอาม่า ให้รู้จักคุณค่าของ “เงิน” ประหยัดอย่างมีเหตุผล รู้จักเก็บออม และ ซื้อของเท่าที่จำเป็นเท่านั้น และนี่ก็คือจุดเริ่มต้นของการสร้างนิสัยรักการออมและการลงทุน ที่เกิดขึ้น ตั้งแต่เริ่มแรก “วัยทำงาน” ที่มีรายได้เป็นของตัวเอง
เงินเดือนก้อนแรก ปูทางความมั่นคง
เงินเดือนก้อนแรกของใครหลายๆคน อาจให้เป็นของขวัญให้ตัวเอง หรือ พ่อแม่ แต่สำหรับ “วราพรรณ” กลับกลายเป็น โอกาสในการจัดสรรเงินในแบบฉบับของตัวเอง ซึ่งเบื้องหลัง ยังมาจากการเลือกทำงานใกล้บ้าน เพื่อหวังจะประหยัด “ค่าใช้จ่าย” เรื่องค่าที่พัก และเดินทาง ตั้งแต่แรก พร้อมๆกับการหารายได้ ทำงานพิเศษอื่นๆเพิ่มเติม เพื่อหาเงินเพิ่มและนำเงินเดือนที่ได้มาเข้าสหกรณ์ออมทรัพย์ทันทีอย่างเคร่งครัด
ที่สำคัญ ไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย เพราะ “ความสุข” ที่แท้จริง คือ การได้เห็นเงินที่เก็บออมของตัวเอง ค่อยๆเติบโตขึ้นเป็นก้อนใหญ่ เพราะทำให้รู้สึกมั่นคงและมีอิสรภาพที่จะใช้จ่ายได้ในทันทีที่ต้องการ
วางแผนการเงินเพื่อลูก มองเป้าหมายให้ไกลไปทั้งชีวิต
หลังจากเริ่มสร้างครอบครัวและมีลูก ดูเหมือน หญิงแกร่งที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นจะสร้างความมั่นคงให้กับชีวิต จะยิ่งทวีความเข้มงวดในการใช้จ่ายมากขึ้น แต่ไม่ใช่เพื่อตัวเองเท่านั้น เพราะสิ่งที่เธอมองไกลไปกว่านั้น คือ การสร้างภูมิคุ้มกันให้ลูก
“หลายคนประหยัดมาทั้งชีวิต แต่พอมีลูกตกม้าตาย เพราะกลายเป็นว่า อะไรก็ได้ ที่จะทำให้ลูกสบายที่สุด ซึ่งอยากเตือนว่า ถ้าเราเป็นคุณแม่ เราน่าจะต้องมองเป้าหมายไกลๆ ให้ลูกด้วย แบบทั้งชีวิตของเขาเลย”
บทเรียนการเงินสำหรับคุณแม่ ที่ถอดรหัสได้จากการบอกเล่า และเป็นสิ่งเล็กๆที่หลายคนชอบมองข้าม คือ การเลือกซื้อของที่จำเป็นเท่านั้น เช่น การให้ลูกนอนกับพื้น แทนที่จะซื้อเตียงเด็กราคาแพงๆ เพราะใช้ได้ไม่นาน หรือ บางบ้าน ก็แทบไม่ได้ใช้เลย เพราะลูกไม่นอน
หรือ การใช้ขวดนมไซส์ใหญ่ตั้งแต่แรกเกิดแทนที่จะซื้อขวดนมหลายขนาดตามช่วงอายุของลูก , การใช้ผ้าอ้อมผ้าเมื่ออยู่บ้าน และใช้ผ้าอ้อมสำเร็จรูป เมื่อออกนอกบ้านเท่านั้น แม้จะต้องเหนื่อยกับการซักผ้าเพิ่มขึ้น แต่ก็เป็นวิธีที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายในระยะยาวได้อย่างดี
Passive Income คือ คำตอบของการวางแผนเพื่อความไม่แน่นอน
ส่วนการวางแผนการเงิน สำหรับอนาคตของลูกในระยะยาวนั้น ถูกถ่ายทอดออกมา ด้วย 3 วัตถุประสงค์หลัก ๆ อย่างชัดเจนและมีเป้าหมายอย่างน่าสนใจ
- เพื่อเป็นหลักประกันหากวันหนึ่งพ่อแม่ไม่อยู่ โดย “วราพรรณ”มองว่าการมีเงินประกันก้อนใหญ่ เพียงอย่างเดียว อาจไม่ยั่งยืนหากคนดูแลไม่มีความรู้ด้านการเงิน เธอจึงเน้นการสร้าง Passive Income จากหุ้นปันผล เพื่อให้มีกระแสเงินสดเข้ามาอย่างสม่ำเสมอโดยไม่ต้องถอนเงินต้นออกมาใช้
- เพื่อเป็นกองทุนสำรองฉุกเฉินสำหรับลูก : ในยุคที่โลกผันผวนและไม่แน่นอน จึงต้องการให้ลูกมีเงินไว้ใช้จ่ายยามที่ชีวิตมีปัญหา เช่น การตกงาน เพื่อให้มีเวลาค้นหาตัวเองและปรับตัวโดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย
- เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายยามเจ็บป่วยเมื่อสูงอายุ : เพราะอยากให้ลูกได้ใช้ชีวิตของตัวเองอย่างเต็มที่โดยไม่ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายในการดูแลพ่อแม่ยามชรา ซึ่ง Passive Income ที่สร้างไว้จะช่วยครอบคลุมค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ได้ทั้งหมด
เลือกหุ้นเหมือนเลือกคู่ชีวิต ต้องเข้าใจพื้นฐานและความผันผวน
ในมุนนักลงทุนแบบ VI เธอยังให้ทริกการลงทุนอย่างเรียบง่ายและเห็นภาพ ว่า นอกจากการลงทุนในหุ้น เราต้องเริ่มจากการศึกษาให้ดีก่อน ยังเตือนนักลงทุนมือใหม่ ว่าอย่าลงทุน เพียงเพราะหวังรวยเร็วเหมือนคนอื่น และต้องทำความเข้าใจถึงความเสี่ยงหรือ Downside ของการลงทุนด้วย
“เราจะเริ่มจากว่าใครที่เค้าล้มหายตายจากไป เค้าตายท่าไหน อันนี้ต้องเป็นข้อควรระวังก่อนว่าเวลาเราเข้ามาไอ้ท่านี้เราไม่ควรทำ”
และถ้าให้เปรียบเทียบการเลือกหุ้น เหมือนอะไร? เธอเปรียบว่า ให้ซีเรียสเหมือนการเลือกคู่ชีวิต กล่าวคือ ต้องเลือกหุ้นที่มีพื้นฐานดีตั้งแต่แรก เพราะแม้ราคาจะผันผวน แต่ถ้าพื้นฐานยังดีอยู่ก็ไม่จำเป็นต้องขายทิ้ง แต่ถ้าเลือกผิดและหุ้นนั้นมีพื้นฐานไม่ดีจริง ก็ต้องกล้าที่จะ “Cut Loss” หรือขายทิ้งเพื่อลดความเสี่ยง
อยากมีลูก ต้องมีเงินเท่าไหร่ ถึงจะพอ ?
สำหรับข้อคำถามโลกแตก ภายใต้ความกังวลเรื่องภาระค่าใช้จ่ายดูแล “เด็ก” คนนี้ให้เติบโตอย่างมีคุณภาพ ต้องใช้เงินเท่าไหร่ หรือ อยากมีลูก ต้องมีเงินเท่าไหร่ ถึงจะพอนั้น
“วราพรรณ” ระบุว่า เรื่องนี้ ไม่มีคำตอบตายตัว เพราะขึ้นอยู่กับบริบทของแต่ละครอบครัว ซึ่งหนทางเดียวที่จะทำให้เราทราบว่าเรามีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ และ Passive Income ที่ต้องสร้างขึ้นมานั้นควรมีจำนวนเท่าไหร่ ถึงจะเพียงพอต่อความต้องการของเรา คือ การให้ความสำคัญกับการทำบัญชีรายรับรายจ่ายอย่างจริงจัง แต่มักเป็นเรื่องที่หลายครอบครัวมักมองข้าม เพราะหลักการที่แท้จริงของ การวางแผนการเงิน คือ ตัวเลขที่แม่นยำ
ส่วนรูปแบบการสอนลูกเรื่องการเงิน “ทฤษฎี” ไม่ใช่คำตอบ เพราะ เธอสอนให้ลูกลงมือทำ และ ทำให้เห็นเป็นแบบอย่าง เช่น การให้ลูกเก็บเงินค่าขนมและเมื่ออยากได้ของเล่นต้องนำเงินตัวเองมาสมทบ เพื่อให้ลูกรู้จักอดทนรอและเข้าใจคุณค่าของเงินที่ต้องแลกมา ด้วยความพยายาม และยังได้ฝึกการคิดเลขและการวางแผนไปในตัว
“เวลาเขาอยากได้ของเล่น หนึ่ง คือ การฝึกอดใจรอ สอง ฝึกไม่ต้องได้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ต้องการ เพราะว่ามันคือภูมิคุ้มกันติดตัวไปจนโต”
อีกสิ่งที่สำคัญคือการให้ลูกไปทำงานพิเศษที่ร้านสะดวกซื้อ เพื่อให้ลูกได้เห็นคุณค่าของเงินที่ต้องใช้แรงงานแลกมา ได้เรียนรู้ความกดดันในการทำงาน และเห็นอกเห็นใจผู้อื่น
3 ข้อคิดสำหรับพ่อแม่มือใหม่
- มีสติและคิดถึงความไม่แน่นอนของชีวิตอยู่เสมอ: คิดไว้ว่าหากเราจากไป ลูกจะอยู่ได้อย่างไร ซึ่งการสร้าง Passive Income ที่มั่นคงคือคำตอบ
- ปลูกฝังนิสัยที่ดีให้ลูก: นิสัยใจคอที่บ่มเพาะตั้งแต่เด็กจะติดตัวลูกไปตลอดชีวิต เช่น การรู้จักอดออมและการมีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น
- ใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายและไม่คาดหวังเกินจริง: การรู้จักถอยให้เป็นและไม่คาดหวังเกินจริงในสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ จะทำให้ชีวิตมีความสุขมากขึ้น
ท้ายที่สุด หากคุณพ่อคุณแม่ต้องการเริ่มต้นวางแผนการเงินสำหรับครอบครัว ให้เริ่มจากการทำบัญชีรายรับรายจ่ายอย่างจริงจัง เพื่อนำไปคำนวณและวางแผนการลงทุนในแบบที่เหมาะสมกับตนเอง และยังเป็นของขวัญอันล้ำค่าที่คุณสามารถมอบให้แก่ลูกได้ไปตลอดชีวิตอีกด้วย
อ่านข่าวการเงินส่วนบุคคล และการวางแผนการเงิน กับ Thairath Money เพื่อให้คุณ "การเงินดีชีวิตดีได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/personal_finance
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : อยากมีลูก แต่กลัวเงินไม่พอ? บทเรียนชีวิตจริง จากคุณแม่สายลงทุน วางแผนการเงินยังไงให้รอด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- คนในสหรัฐฯ กังวลเรื่องเงินมากขึ้นจนนอนไม่หลับ เปิดสูตรลดความกดดันทางการเงินให้ยิ้มออก
- “ค่าครองชีพยุค AI” บิลใหม่ชนชั้นกลางยุคดิจิทัล 1 เดือนต้องจ่ายเท่าไหร่เพื่อเทคโนโลยี?
- จบปัญหาการเงิน ให้ใจโล่ง 5 วิธีจัดการ “หนี้ - รายจ่าย” ที่ทำให้หลับสบายขึ้นทันที
- ปลดล็อก 6 สูตรลับ สร้าง “เครื่องผลิตเงิน” มือใหม่ต้องรู้ ลดเสี่ยงก่อนลงทุน
- เปิดแนวทางการลงทุนฉบับมนุษย์แม่ สำหรับช่วงอายุ 30 ถึง 60 ปี
ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath