อิสราเอลโจมตีกาซาครั้งใหญ่ มีผู้เสียชีวิต 123 รายภายในหนึ่งวัน ท่ามกลางวิกฤตการขาดแคลนอาหาร
กองทัพอิสราเอลโจมตีกาซาเมื่อวันพุธ (13 สิงหาคม) ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 123 ราย ซึ่งถือเป็นจำนวนมากที่สุดในรอบสัปดาห์และเกิดขึ้นภายในช่วง 24 ชั่วโมง ในขณะที่สงครามก็ยังคงดำเนินต่อไป แม้กลุ่มฮามาสจะร่วมเข้าหารือกับผู้ไกล่เกลี่ยชาวอียิปต์แล้วก็ตาม
การเจรจาระหว่างฮามาสและอียิปต์ มุ่งเน้นไปที่การยุติสงครามและส่งมอบความช่วยเหลือ และขอให้ยุติความทุกข์ทรมานของประชาชนในกาซา อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่บอกว่า แผนการยึดเมืองกาซาของอิสราเอลนั้น น่าจะใช้เวลาอีกหลายสัปดาห์ แปลว่าการเจรจาหยุดยิงก็ยังคงเป็นไปได้ แม้ตอนนี้การเจรจาจะยังล้มเหลวและยังคงขัดแย้งกันอยู่
นายกฯ อิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู เน้นย้ำแนวคิดที่ครั้งหนึ่งประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ก็เคยเสนออย่างการให้ ชาวปาเลสไตน์ออกจากพื้นที่ โดยที่ “พวกเขาจะไม่ได้ถูกผลักไสออกไป แต่จะได้รับอนุญาตให้ออกไป” เนทันยาฮูกล่าวกับสถานีโทรทัศน์ i24News ของอิสราเอล
โดยแผนการของเนทันยาฮูอาจเริ่มต้นขึ้นในเดือนตุลาคม แม้แผนนี้จะก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมาย ทั้งในด้านความเสียหาย การพลัดถิ่น และความหิวโหยในกาซา บรรดารัฐมนตรีต่างประเทศจาก 24 ประเทศ รวมถึงสหราชอาณาจักร แคนาดา ออสเตรเลีย ฝรั่งเศส และญี่ปุ่น กล่าวในสัปดาห์นี้ว่า วิกฤตด้านมนุษยธรรมในฉนวนกาซาได้พุ่งสูงถึงระดับที่ไม่อาจจินตนาการได้ และเรียกร้องให้อิสราเอลอนุญาตให้มีการให้ความช่วยเหลืออย่างไม่จำกัด
กระทรวงสาธารณสุขของกาซายังรายงานด้วยว่า มีผู้เสียชีวิตจากการอดอาหารเพิ่มอีก 8 รายในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านา ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตจากความอดอยากรวมเป็น 235 ราย รวมถึงเด็ก 106 ราย นับตั้งแต่สงครามเริ่มต้นขึ้น ในขณะที่อิสราเอลเองก็ออกมาโต้แย้งตัวเลขดังกล่าว และอ้างว่าฮามาสเป็นผู้ขโมยสิ่งที่ส่งเข้าไปช่วยเหลือ
กองทัพอิสราเอล ระบุว่า ได้ดำเนินการเพิ่มปริมาณการส่งมอบความช่วยเหลือ รวมถึงการหยุดการสู้รบรายวันในบางพื้นที่ และมีการคุ้มครองเส้นทางสำหรับขบวนรถลำเลียงความช่วยเหลือด้วย โดยมีรถบรรทุกกว่า 320 คันเข้าไปในฉนวนกาซา
และในช่วง 24 ชั่วโมงนั้น มีรถบรรทุกอีกเกือบ 320 คันที่สหประชาชาติและองค์กรระหว่างประเทศรวบรวมและแจกจ่าย พร้อมด้วยรถบรรทุกน้ำมัน 3 คัน และพาเลทความช่วยเหลือทางอากาศ 97 พาเลท ในขณะที่สหประชาชาติและปาเลสไตน์ระบุว่า ความช่วยเหลือที่เข้าสู่ฉนวนกาซายังคงไม่เพียงพอ
ท่ามกลางวิกฤตความหิวโหยนี้ ล่าสุดองค์กรด้านมนุษยธรรมกว่า 100 แห่งได้ลงนามในจดหมายร่วมเรียกร้องให้อิสราเอลหยุดการเอาความช่วยเหลือมาใช้เป็นอาวุธ เนื่องจากองค์กรฯ ถูกแจ้งมาตลอดว่า ไม่ได้รับอนุญาตให้ส่งมอบความช่วยเหลือ เว้นแต่จะปฏิบัติตามกฎระเบียบที่เข้มงวดของอิสราเอล
ในขณะที่อิสราเอลปฏิเสธว่าไม่ได้มีข้อจำกัดในการให้ความช่วยเหลือ แต่ตัวกฎดังกล่าวจะช่วยให้มั่นใจว่าความช่วยเหลือจะไปถึงประชาชนโดยตรงไม่ใช่กลุ่มฮามาส
อย่างไรก็ตาม องค์กรฯ กล่าวว่า ทางการอิสราเอลปฏิเสธคำขอจากองค์กรพัฒนาเอกชนหลายสิบแห่งที่จะส่งอุปกรณ์ช่วยชีวิตเข้าไปและอ้างถึงกฎใหม่ โดยในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมามีคำขอที่ถูกอิสราเอลปฏิเสธมากถึง 60 คำขอ ซึ่งทำให้โรงพยาบาลขาดแคลนอุปกรณ์พื้นฐาน ทำให้มีเด็ก คนพิการ ผู้สูงอายุต้องเสียชีวิตจากความอดอยากและโรคที่สามารถป้องกันได้
สำหรับกฎระเบียบดังกล่าว อิสราเอลประกาศใช้ตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยปรับปรุงกรอบการทำงานสำหรับกลุ่มที่ต้องการเข้าช่วยเหลือ ที่จะต้องลงทะเบียนเพื่อรักษาสถานะของตนเองกับอิสราเอล ในขณะที่การลงทะเบียนก็อาจโดนปฏิเสธได้ หากทางการอิสราเอลเห็นว่ากลุ่มใดกลุ่มหนึ่งปฏิเสธความเป็นประชาธิปไตยของอิสราเอล หรือส่งเสริมการรณรงค์เพื่อทำลายความชอบธรรมต่อประเทศ
อ้างอิงจาก