เลาะชายฝั่งทะเลตะวันออก เจาะชีวิตแรงงานกัมพูชา ในวันแนวหน้าสู้รบไม่เปลี่ยนแปลง
“ยังอยู่ได้อย่างมีความสุขค่ะ” แวน หญิงวัย 39 ปีเอ่ยพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ ขณะนั่งเย็บอวนริมชายฝั่งสัตหีบ จ.ชลบุรี อาชีพที่เธอทำมากว่า 10 ปี รายได้วันละ 300 บาทจากการทำงาน 9 ชั่วโมง อาจดูไม่มากมาย แต่สำหรับแวน มันคือความมั่นคงที่หาไม่ได้ในบ้านเกิด
แม้เสียงปืนใหญ่และความตึงเครียดตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาจะดังสนั่นตั้งแต่นัดแรกเมื่อปลายเดือน ก.ค. แต่ชีวิตของเธอและแรงงานเพื่อนร่วมชาติยังต้องเดินต่อไป
“คิดว่ากลับไปก็ไม่มีประโยชน์ อยู่เมืองไทยยังมีรายได้และปลอดภัย เจ้านายก็ดี” เธอบอกสั้น ๆ แต่ชัดเจน แม้จะถูกแรงกดดันให้กลับบ้านจากสายโทรศัพท์ของญาติพี่น้องทางกัมพูชา
“ไม่น่าทะเลาะกัน ไม่สนุก ไม่อยากให้มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น”
ข่าวลือกับความจริง
ข้อมูลจากสำนักบริหารแรงงานต่างด้าว กระทรวงแรงงาน เดือน ก.ค. 2568 พบว่า ภาคธุรกิจไทยมีการใช้แรงงานกัมพูชา 5.1 แสนคน อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายประเมินว่า มีแรงงานนอกระบบอีกเป็นจำนวนมาก และน่าจะมีชาวกัมพูชาหมุนเวียนในไทยถึง 1.2 ล้านคน
“มอนเยน” แรงงานประมงหญิงเป็นอีกคนที่เห็นด้วยกับ “แวน” เธอบอกว่า มีความกลัวอยู่บ้างในช่วงแรกหลังเหตุปะทะ แต่เมื่อเวลาผ่านไป คำอธิบายจากเพื่อนร่วมชาติและนายจ้างชาวไทย ทำให้เธอมั่นใจที่จะอยู่ต่อ
“ตามข่าวมาตลอด แปลกใจที่สถานการณ์เดินมาถึงวันนี้ อยู่ได้ แต่กังวลนะโดยเฉพาะตอนมีกระแสข่าวแรงงานกัมพูชาถูกทำร้าย” มอนเยนกล่าวความสับสนในช่วงแรก ซึ่งสุดท้ายพบว่าเป็นแค่เรื่องเฟกนิวส์
“นายจ้างย้ำว่า ถ้ามีปัญหาโทร.มาได้ตลอด” เธอพูดถึงประโยคเรียกความมั่นใจอย่างหนักแน่นและบอกว่า “งาน” เป็นสิ่งที่หายากและไม่มีความแน่นอนในกัมพูชา
ใบหน้าและท่าทีเศร้า ๆ ของ “พร (นามสมมุติ)” สะท้อนถึงความกังวล เธอพูดไทยไม่ได้ ที่ผ่านมาเสพข่าวและข้อมูลจากฝั่งบ้านเกิด นั่นทำให้เธอทั้งรู้สึก “หวาดกลัว” และ “ตื่นตระหนก” อยู่เป็นระยะ
สิ่งที่เธอได้ยินคือ คนไทยจะจับตัวแรงงานกัมพูชาไปเป็น “ตัวประกัน” เหตุการณ์จะนำไปสู่ความบ้าระห่ำ
“พี่น้องบอกว่ากลับมาเถอะ กลับมาเร็ว เขาจะทำร้าย ทั้ง ๆ ที่สถานการณ์ฝั่งนี้มันปกติ เราสับสนและไม่เป็นสุข”
อย่างไรก็ตาม “นายจ้าง” คือเหตุผลสำคัญเหนือเฟกนิวส์ เมื่อยืนยันกับพรว่า “ไม่ต้องไปไหน ทุกคนจะต้องปลอดภัยเมื่ออยู่ที่นี่”
สาวใหญ่ที่อายุมากกว่า 40 ปี เคยเป็นอดีตเกษตรกรทำไร่ทำนาอยู่กัมพูชา ขาดทุนปีละหลายหมื่นดอลลาร์สหรัฐ ประกอบกับอายุที่มากขึ้น ทำให้เธอเลือกเข้ามาเป็นแรงงานเย็บ-ทำความสะอาดอวน งานที่สร้างรายได้อย่างแน่นอน มีเงินส่งกลับบ้านเฉลี่ยเดือนละ 1 หมื่นบาท
“กลับบ้านก็ไม่รู้จะได้งานหรือเปล่า รัฐบาลประกาศให้คนกลับ โฆษณาว่ามีงานรองรับ แต่ก็ไม่มีใครการันตีได้” พรปากยิ้มหน้าเศร้า
ข้อมูลจากองค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน (IOM) ปี 2019 ระบุว่า ชาวกัมพูชาในไทยส่งเงินกลับไปให้ครอบครัวที่บ้านเกิด ตั้งแต่ 10,000 บาท ไปจนถึงสูงสุดมากกว่า 100,000 บาทต่อปี ซึ่งค่าเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 40,000 บาทต่อคนต่อปี
รายได้ลด-ลูกจ้างหาย
รายงานองค์การสหประชาชาติ UN เมื่อปี 2567 ระบุว่า ชาวกัมพูชาในไทยส่งเงินกลับประเทศราว 20,000 ล้านบาทในปี 2565 ประเมินจากแรงงานที่ขึ้นทะเบียนตามกฎหมายและมีข้อมูลชัดเจน ไม่นับกลุ่มนอกระบบ
ชาญชัย คำทอง เจ้าของชุติมาซีฟู๊ด ร้านขายส่งอาหารทะเล และเจ้าของเรือประมง 5 ลำ บอกว่า แรงงานในมือเขาหายไปมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ จาก 50 คนเหลือเพียง 20 ต้น ๆ เรือออกทะเลจาก 5 ลำเหลือ 3 ลำ
“บางพื้นที่ในแสมสาร เหมือนเมืองร้าง ไม่เชื่อคุณไปดูสิ” นายจ้างผู้คลุกคลีกับแรงงานกัมพูชามาไม่ต่ำกว่า 20 ปีบอก
รายรับของชาญชัยลดฮวบจาก 7 แสนบาทเหลือเพียง 2-3 แสน “อยู่กันไปแบบประคับประคอง” เขาส่ายหัว
ประเด็นหลักที่มีผลต่อการตัดสินใจกลับบ้านของบรรดาลูกจ้างคือญาติพี่น้องฝั่งกัมพูชา กลุ่มที่มีลูกเมียปักหลักอยู่ในไทย พวกนี้ตัดสินใจอยู่ต่อ กลับกัน กลุ่มที่มาตัวคนเดียว ลูกเมียอยู่ฝั่งกัมพูชา พวกนี้ตัดสินใจกลับบ้านเกิดตั้งหลักดูสถานการณ์
“เราอธิบายว่าจะกลับทำไม กลับไปก็ไม่มีตังค์ คือเขาฟังแต่ข่าวทางโน้น มีคนหนึ่งมานั่งร้องไห้ บอกพี่ผมต้องกลับแล้ว เพราะเมียกับลูกอยู่ที่โน่น เราบอกโอเค ไม่เป็นไร พูดง่าย ๆ นะ ถ้าเขาจะไป ห้ามฟ้า-ห้ามฝน ยังห้ามง่ายกว่า มีประเภทไปแล้วตอนนี้อยากกลับมา แต่กลับไม่ได้ เพราะเขาไม่ให้ออกมาแล้ว”
ทักษะหรือคุณสมบัติเด่นของแรงงานเพื่อนบ้านกัมพูชาคือ อึด-ถึก-ทน
“เวลาออกทะเลเจอคลื่นลมหลายชั่วโมง เขาได้ความอดทน งานอาจจะหยาบไม่ละเอียด แต่ได้ความถึกมาเป็นข้อเด่น” ชาญชัยพูดจริงจัง
เจ้าของเรือและนายจ้างอีกคนอย่างฟอร์ด ยืนยันว่า คุณสมบัติชาวกัมพูชานั้น แรงงานไทยทดแทนได้ยาก
“ตอนนี้ผมต้องออกเรือเองแล้ว ปกติออกได้ 2 ลำ ตอนนี้เหลือลำเดียว” เขาพูดขณะนั่งอยู่บนเปลติดชายฝั่ง “พยายามยื้อแล้วแต่เขาไม่อยู่ต่อ ถ้าปัญหายื้อไปนานก็ต้องหาแรงงานทดแทน มองมาที่พวกเราคนไทย ความอดทนต่ำ เน้นหยุดบ่อย นอนนาน พักกินข้าว”
นายจ้างหนุ่มเจ้าของใบหน้าคมเข้ม บอกว่า หากมองในเชิงเศรษฐกิจ ยิ่งเจรจาล่าช้า ผลกระทบยิ่งขยายวงกว้าง ท้ายที่สุดแม้จะมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้พื้นที่เพิ่มขึ้นก็จริง แต่ไม่ได้หมายความว่าจะได้โอกาสทางเศรษฐกิจจากพื้นที่นั้น ๆ เมื่อเทียบกับความสูญเสียที่เกิดขึ้น
เยาวลักษณ์ อิ่มประไพ เจ้าของเรือประมงหาปลาลากเดี่ยว ออกอาการผิดหวัง พูดเสียงดังฟังชัดหลังจากถูกถามถึงผลกระทบ
“โอยยย๊ลูกน้องเราขอกลับบ้านก่อน พ่อแม่เขาโทรศัพท์มาบอกว่า ยังไงให้กลับบ้านไปก่อน ถึงเราจะขอร้องยังไง ออกเรืออีกเที่ยวได้ไหม เราจะได้มีเวลาหาคนไทยมาแทน เขาก็ไม่ยอม”
เธอบอกว่า ลำบากมาก เหลือแรงงานกัมพูชาเพียงคนเดียว นอกจากพ่อแม่แล้ว โซเชียลมีเดียถือเป็นแรงกระตุ้นชั้นดีให้กับความหวั่นไหว
“ลูกน้องกลับบ้าน เราก็ต้องจ่ายเงินช่วยเหลือเขา แถมให้อีกคนละพัน อย่าลืม…ประมงใจดีนะ” เธอตัดพ้อ “คนโตทะเลาะกันเด็ก ๆ อย่างเราก็ลำบาก”
สันติภาพจงบังเกิด
แรงงานกัมพูชาริมชายฝั่งไทยไม่ใช่เพียงแรงงานราคาถูก แต่อาจหมายถึงเส้นเลือดหล่อเลี้ยงทั้งเศรษฐกิจและสายสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
“พอลล่า ทิตย์” ล่ามประจำมูลนิธิเครือข่ายส่งเสริมคุณภาพชีวิตแรงงาน ระบุว่า อยากให้ทั้งประชาชนและผู้นำของทั้ง 2 ประเทศพิจารณาอย่างรอบคอบ ผลกระทบครั้งนี้ไม่ได้หยุดอยู่แค่ตัวแรงงาน แต่ยังลามไปถึงผู้ประกอบการไทยและอุตสาหกรรมที่ต้องพึ่งพาแรงงานเหล่านี้
“เราเป็นเพื่อนบ้าน ประเทศติดกัน ย้ายแผ่นดินไม่ได้ คนที่เคยนั่งกินข้าวชามเดียวกันกลับมาทะเลาะกันเอง” พอลล่ากล่าว
แรงงานหนุ่มกัมพูชาที่ร่วมงานกับภาคประชาชนมาหลากหลายหน่วยงาน “เพียะตรา ปรัก” มองไม่ต่างกัน พร้อมเสนอว่าควรมี “คนกลาง” ทำหน้าที่ไกล่เกลี่ยคลี่คลายสถานการณ์ให้เร็วที่สุด และผู้นำทั้ง 2 ประเทศต้องจัดการอย่างจริงจังและจริงใจ โดยเฉพาะการควบคุมข่าวปลอมที่ทำให้แรงงานกลายเป็น “เหยื่อความขัดแย้ง”
เพียะตรายังเตือนแรงงานกัมพูชาด้วยว่า การตัดสินใจกลับบ้านควรพิจารณาจากสถานการณ์ “จริง” ไม่ใช่แค่สิ่งที่เห็นใน “โซเชียลมีเดีย” เพราะความจริงอาจไม่ได้มีแค่ไร้เงิน แต่ยังไร้ “งาน”
“ปรองดองและหาประโยชน์มร่วมกันคือทางออกที่ทุกฝ่ายรับรู้ คำถามคือจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่” เพียะตราตั้งคำถาม
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : เลาะชายฝั่งทะเลตะวันออก เจาะชีวิตแรงงานกัมพูชา ในวันแนวหน้าสู้รบไม่เปลี่ยนแปลง
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net