อาหารคาร์โบไฮเดรตต่ำ ควบคุมได้ช่วยลดโรค “อ้วน-ความดัน-เบาหวาน“
รศ.นพ.สุรศักดิ์ กันตชูเวสศิริ ประธานเครือข่ายลดบริโภคเค็ม กล่าวว่า การกินอาหารคาร์โบไฮเดรตต่ำ (Low carbohydrate diet) คือการจำกัดปริมาณคาร์โบไฮเดรต มักจะเน้นการบริโภคโปรตีนเพิ่มขึ้น อาจมีประโยชน์สำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักหรือควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ลดการเกิดเบาหวาน โรคความดัน และลดการเกิดโรคหัวใจ ซึ่งคาร์โบไฮเดรตมี 3 แบบ ได้แก่ น้ำตาล แป้ง และใยอาหาร การกินอาหารคาร์โบไฮเดรตต่ำ จึงไม่ใช่แค่ลดแป้งแต่ต้องลดการกินน้ำตาลด้วย
“หลายคนมีข้อสงสัยว่า เมื่อเรารับประทานอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตต่ำ จำเป็นจะต้องกินเกลือเสริมหรือไม่ โดยทั่วไปการรับประทานอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตต่ำ จะไม่พบผลข้างเคียงของการขาดน้ำและเกลือแร่เหมือนกับการกินอาหารคีโต จึงไม่จำเป็นต้องกินเกลือหรือน้ำในปริมาณที่เพิ่มขึ้น”
ทั้งนี้ ควรรับประทานเพิ่มผลไม้และผักที่ไม่มีแป้ง ประเภท ถั่วและพืชตระกูลถั่ว ปลา น้ำมันพืชโยเกิร์ต และธัญพืช ที่ไม่ขัดสีซึ่งผ่านการแปรรูปน้อยที่สุด ควรหลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์แปรรูป เช่น เก็บรักษาด้วยเกลือโซเดียม และอาหารที่อุดมไปด้วย แป้ง น้ำตาลเกลือ และไขมันทรานส์ กรดไขมันไม่อิ่มตัวชนิดหนึ่งที่พบได้ทั้งในธรรมชาติและจากการแปรรูปในอุตสาหกรรมอาหาร
“การกินอาหารที่ประกอบไปด้วย ผัก ผลไม้ ถั่ว ธัญพืช ข้าวกล้อง น้ำมันมะกอกและปลาในปริมาณที่สูงกว่าอาหารประเภทเนื้อสัตว์ นม โดยมีคาร์โบไฮเดรต โซเดียมและไขมันในระดับต่ำ มีประโยชน์ในการลดการเกิดโรคความดันโลหิต โรคอ้วนและป้องกันการเกิดโรคหัวใจ”
รศ.นพ.สุรศักดิ์ กล่าวว่า การจำกัดปริมาณคาร์โบไฮเดรตในอาหารให้ลดลง โดยทั่วไปจะหมายถึงการบริโภคปริมาณคาร์โบไฮเดรตเพียง 100 กรัม/วัน หรือ ข้าวมื้อละ 8 คำ เป็นการลดปริมาณคาร์โบไฮเดรต (เช่น ข้าว แป้ง น้ำตาล) และควรเพิ่มปริมาณไขมันดีในอาหาร เน้นโปรตีนในปริมาณที่พอเหมาะ เพื่อให้ร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลงการเผาผลาญและควบคุมในระยะสั้น แสดงให้เห็นทั้งผลที่ดีต่อสุขภาพโดยไม่พบผลข้างเคียงที่สำคัญ
หากกินอาหารที่มีปริมาณคาร์โบไฮเดรตต่ำมาก (น้อยกว่า 20 หรือ 50 กรัม/วัน) หรือมีอีกชื่อหนี่งว่าอาหารคีโต (Very low carbohydrate ketogenic diet, VLCKD) เพื่อลดน้ำหนักในคนอ้วน ซึ่งอาจได้ผลในระยะแรก แต่ก็พบว่าเป็นเรื่องยากในทางแนวทางปฏิบัติ และผลดีต่อสุขภาพที่ได้ในระยะยาวยังไม่ชัดเจน
โดยผลข้างเคียงระยะสั้นของอาหารคาร์โบไฮเดรตต่ำมาก (< 50-< 20 กรัม/วัน) หรืออาหารคีโต (VLCKD) คือการเกิดภาวะขาดน้ำ ซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบบ่อยที่สุดของ VLCKD โดยสัญญาณและอาการของการขาดน้ำส่วนใหญ่จะมีอาการปากแห้ง ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ ความดันโลหิตต่ำและสายตาผิดปกติ และอาจมีความผิดปกติของอิเล็กโทรไลด์ (Electrolytes) ปัสสาวะ(natriuresis) อาจเกิดจากการขับถ่ายคีโตในปัสสาวะและการขาดน้ำ ทำให้เกิดภาวะโซเดียมต่ำและแมกนีเซียมในเลือดต่ำ
อย่างไรก็ตาม คาร์โบไฮเดรตเป็นสารอาหารหลักที่ให้พลังงานแก่ร่างกาย ที่ร่างกายขาดไม่ได้และต้องได้รับอย่างสม่ำเสมอ ร่างกายจะย่อยคาร์โบไฮเดรตเป็นน้ำตาลกลูโคส ดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด และนำไปใช้เป็นพลังงานแก่อวัยวะต่าง ๆ ส่วนน้ำตาลที่ร่างกายใช้ไม่หมดจะสะสมที่ตับและกล้ามเนื้อ นำออกมาใช้ยามจำเป็น แต่ถ้ากินคาร์โบไฮเดรตมากเกินไปก็จะไปสะสมเป็นไขมัน ดังนั้นควรควบคุมปริมาณและเลือกชนิดของคาร์โบไฮเดรตที่จะรับประทานให้เหมาะสม