ดื่มน้ำมันมะกอกเพียวๆ วันละ 1 ช้อนโต๊ะ สุขภาพดีขึ้นแบบคาดไม่ถึง
ดื่ม น้ำมันมะกอก เพียวๆ 1 ช้อนโต๊ะทุกวัน ร่างกายเปลี่ยนไปอย่างไร?
น้ำมันมะกอก ถือเป็น “ไขมันดี” ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นหัวใจสำคัญของอาหารเมดิเตอร์เรเนียน (Mediterranean Diet) ซึ่งมีหลักฐานวิจัยรองรับว่าช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจ เบาหวาน และการอักเสบในร่างกาย
การดื่มน้ำมันมะกอก Extra Virgin Olive Oil เพียวๆ วันละ 1 ช้อนโต๊ะ (ประมาณ 15 มิลลิลิตร) มีคุณค่าทางโภชนาการสูง อุดมด้วย กรดโอเลอิก, โพลีฟีนอล, วิตามินอี และสควาลีน ที่ส่งผลดีต่อร่างกายในหลายด้าน
ประโยชน์ที่ร่างกายได้รับ
1.ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ – ช่วยลดคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) และเพิ่มชนิดดี (HDL) งานวิจัยจาก New England Journal of Medicine พบว่าการบริโภคน้ำมันมะกอกเป็นประจำ ลดความเสี่ยงโรคหัวใจวายและหลอดเลือดตีบ
2.บำรุงสมองและความจำ – ไขมันดีช่วยเป็นพลังงานสมอง โพลีฟีนอลช่วยลดการอักเสบของเซลล์ประสาท ลดความเสี่ยงอัลไซเมอร์
3.ดีต่อระบบย่อยอาหาร – กระตุ้นน้ำดี ทำให้ย่อยไขมันได้ดีขึ้น และช่วยลดอาการท้องผูก โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ
4.บำรุงผิวพรรณและเล็บ – วิตามินอีและสควาลีนช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ลดการอักเสบ และชะลอความเสื่อมของเซลล์ผิว
5.ลดการอักเสบเรื้อรัง – สารโอเลโอแคนทัล (Oleocanthal) ในน้ำมันมะกอกมีฤทธิ์ใกล้เคียงกับยาแก้อักเสบไอบูโพรเฟน
ข้อควรระวัง
- น้ำมันมะกอกให้พลังงานสูง (ประมาณ 120 กิโลแคลอรีต่อช้อนโต๊ะ) หากบริโภคเกินความต้องการอาจทำให้น้ำหนักเพิ่ม
- ผู้ที่มีโรคบางชนิด เช่น ตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน หรือปัญหาถุงน้ำดี ควรปรึกษาแพทย์ก่อน
- ไม่ควรใช้ทอดด้วยความร้อนสูงเกิน 190°C เพราะจะทำให้สารอาหารเสื่อมและเกิดสารไม่พึงประสงค์
วิธีดื่มให้ได้ผลลัพธ์สูงสุด
1.ปริมาณแนะนำ: วันละ 1 ช้อนโต๊ะ
2.ควรดื่มเพียวๆ ตอนเช้า หรือใช้ราดบนสลัดและอาหารที่ไม่ผ่านความร้อนสูง
3.เลือกแบบ Extra Virgin Olive Oil สกัดเย็น เก็บในขวดสีเข้ม และหลีกเลี่ยงแสงแดด
การดื่มน้ำมันมะกอกเพียวๆ ทุกวัน จึงเป็นวิธีง่ายๆ ที่ช่วยบำรุงหัวใจ สมอง ระบบย่อยอาหาร และผิวพรรณ แต่ควรดื่มอย่างพอดี และเลือกคุณภาพที่ดี เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด
แหล่งที่มาอ้างอิง
1.New England Journal of Medicine, “Primary Prevention of Cardiovascular Disease with a Mediterranean Diet”
2.Harvard T.H. Chan School of Public Health, “Olive Oil”
3.Mayo Clinic, “Olive oil: Health benefits”