24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 22 สิงหาคม 2568

24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 22 สิงหาคม 2568

>> ไฟไหม้บ้านเรือนที่กงไกรลาศ เสียหายวอดทั้งหลัง เพื่อนบ้านบุกเข้าช่วย หญิงพิการกับหลาน 4 ขวบหนีจากกองเพลิงปลอดภัย

06.30 น. เกิดเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชน ในพื้นที่ หมู่ 5 ต.ไกรใน อ.กงไกรลาศ จ.สุโขทัย

ที่เกิดเหตุ ลักษณะเป็นบ้าน 2 ชั้น ครึ่งปูนครึ่งไม้ ซึ่งเป็นบ้านของ นางอำพร อายุ 54 ปี ที่พิการเดินไม่ได้ อาศัยอยู่กับสามี ลูกสาว และหลานสาว อายุ 4 ขวบ ช่วงเกิดเหตุสามีไม่อยู่บ้าน ลูกสาวได้ยินคล้ายเสียงระเบิดดังจากชั้นบน ก่อนจะมีควันไฟพวยพุ่งตามมา และลุกลามอย่างรวดเร็ว จึงร้องตะโกนวิ่งตามเพื่อนบ้าน มาช่วยกันอุ้มนางอำพร ที่พิการเดินไม่ได้ กับหลานสาววัย 4 ขวบ ที่อาศัยนอนในห้องชั้นล่าง หนีออกมาจากบ้านที่กำลังถูกเพลิงลุกไหม้ พร้อมรีบแจ้งดับเพลิงให้มาช่วย

โดยพนักงานดับเพลิงขององค์การบริหารส่วนตำบลไกรใน รุดไปช่วยเหลือใช้น้ำฉีดสกัดไม่ให้เพลิงลุกลามไหม้บ้านเรือนข้างเคียง ก่อนจะควบคุมและเพลิงสงบในเวลาต่อมา เบื้องต้นเสียหายหมดทั้งหลัง ขณะเกิดเหตุ ไม่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต สาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กงไกรลาศ

>> รถจักรยานยนต์ชนเหล็กกั้นขอบทาง บาดเจ็บ 1 และเสียชีวิต 1 ราย

09.25 น. รับแจ้งจาก มูลนิธิร่วมกตัญญู มีอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์เสียหลักชนเหล็กกั้นทาง และมีผู้บาดเจ็บสาหัส ถนนจรัญสนิทวงศ์ ช่วงใกล้เคียงจุดกลับรถซอยจรัญสนิทวงศ์ 94 ในพื้นที่ เขตบางพลัด กทม.

ที่เกิดเหตุ พบรถจักรยานยนต์ ยามาฮ่า สีแดง ป้ายทะเบียน 861 ล้มคว่ำ ใกล้กันพบว่ามีผู้บาดเจ็บ เป็นผู้ชาย 2 รายมีอาการสาหัส โดยมี 1 รายที่อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญูทำ CPR ไม่เป็นผลเสียชีวิตที่เกิดเหตุ ส่วนผู้บาดเจ็บอีก 1 ราย รถกู้ชีพวิชัยเวชนำส่ง รพ.วิชัยเวชแยกไฟฉาย พื้นที่รับผิดชอบ สน. บางพลัด

>> ศาลอาญายกฟ้อง "ทักษิณ ชินวัตร" คดี ม.112, พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ จากการให้สัมภาษณ์สื่อเกาหลีใต้ เมื่อปี 2558

10.49 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน ศาลอาญารัชดา มีกำหนดนัดฟังคำพิพากษาคดีดูหมิ่นสถาบันหมายเลขดำ อ.1860/2567 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลยในความผิด ฐานดูหมิ่นสถาบันตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 จากกรณีเมื่อปี 2558 นายทักษิณ ได้ให้สัมภาษณ์สื่อทีวีประเทศเกาหลีใต้ พาดพิงดูหมิ่นสถาบันฯ โดยจำเลยให้การปฏิเสธ และได้รับการประกันตัว

โดย นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางถึงศาลอาญาด้วยสีหน้ายิ้มแย้มโบกมือทักทายมวลชนคนเสื้อแดงที่มาให้กำลังใจ ทั้งนี้ศาลอาญา ได้มีการกั้นพื้นที่บริเวณด้านหน้าไว้ให้สื่อมวลชน พร้อมกับเปิดให้แลกบัตรทำข่าวชั่วคราวไว้ล่วงหน้าถึง 2 วัน เนื่องจากสื่อมวลชนมีจำนวนมาก

ล่าสุดมีการนัดอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ อ.1860/2567 ซึ่งพนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในข้อหาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์
คดีดังกล่าวสืบเนื่องจากการให้สัมภาษณ์กับสื่อเกาหลีใต้เมื่อปี 2558 โดยศาลได้พิจารณาพยานหลักฐานแล้วเห็นว่า ไม่เพียงพอที่จะพิสูจน์ความผิด และข้อความที่ถูกอ้างไม่เข้าข่ายตามที่ถูกกล่าวหา ศาลจึงพิพากษายกฟ้อง

>> แผ่นดินไหว ขนาด 5.4 ที่ประเทศเมียนมา

11.56 น. กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว แจ้งเหตุแผ่นดินไหว ขนาด 5.4 ความลึก 10 กม. ภายในพื้นที่ของประเทศเมียนมา ศูนย์กลางห่างออกไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ประมาณ 599 กม. ไม่มีรายงานผลกระทบต่อประเทศไทย

>> เพลิงไหม้หอพักนักศึกษาบนเกาะสมุย อาจารย์-นักศึกษาหนีวุ่น ทุกคนปลอดภัยดี

13.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เกาะสมุย ได้รับแจ้งเหตุ เพลิงไหม้ภายในหอพักนักศึกษา ในพื้นที่ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี

ที่เกิดเหตุ พบว่าเพลิงกำลังลุกไหม้อาคารคอนกรีต เป็นหอพักนักศึกษา โดยเพลิงลุกไหม้บริเวณชั้น 2 และลุกลามอย่างรวดเร็วไปยังชั้น 3 ของอาคาร เจ้าหน้าที่ดับเพลิงเทศบาลนครเกาะสมุยได้ระดมรถดับเพลิงพร้อมด้วยรถน้ำ ระดมฉีดน้ำเพื่อดับไฟ ทั้งนักศึกษาและอาจารย์ต่างวิ่งนำสิ่งของในอาคารออกจากอาคาร เจ้าหน้าที่ดับเพลิงเทศบาลนครเกาะสมุยใช้เวลาประมาณ 40 นาที จึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้

จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุเบื้องต้น พบว่าบริเวณชั้นสามของอาคารหอพักได้รับความเสียหายรุนแรง โดยเฉพาะบริเวณโครงหลังคาของอาคารได้เกิดการทรุดตัว ซึ่งอาจส่งผลต่อการใช้งานอาคารดังกล่าว

ส่วนสาเหตุเพลิงไหม้เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สันนิฐานเบื้องต้นเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ส่วนสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ได้ประสานศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 8 เข้าตรวจสอบสาเหตุอีกครั้ง

>> “ภูมิธรรม” ยันจ่ายชดเชย ปชช.ได้รับผลกระทบเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ตามระเบียบ เผยมอบ มท.2 คุยหน่วยงานเยียวยาเพิ่ม ชี้ทำได้ดีกว่าทุกรัฐบาล-ทุกสมัย

15.30 น. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเยียวยาประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ถูกมองว่าไม่สมเหตุสมผล ว่า เป็นเพียงจุดเล็กๆ ซึ่งจะมีการพิจารณาแก้ปัญหาต่อไป เพราะจริงๆเรื่องนี้มีกฎระเบียบอยู่แล้ว เราจึงพยายามฝ่ากฎระเบียบด้วยการมีมติใหม่ๆออกมา เมื่อคืนที่ผ่านมาตนจึงได้มอบหมายให้ นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ประชุมร่วมกับสำนักงบประมาณ คณะกรรมการกฤษฎีกา กรมบัญชีกลาง และภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากส่วนใหญ่ต้องเริ่มต้นที่กฎระเบียบก่อน ฉะนั้นขออย่าไปดูเรื่องการชดเชยค่าสังกะสี 73 บาท เพราะขณะนี้เรากำลังเพิ่มขั้นตอนต่างๆ พร้อมยืนยันว่า การจ่ายชดเชยในครั้งนี้เป็นการจ่ายโดยใช้ระเบียบข้อบังคับเดิม แต่หากอะไรที่ดูแล้วสามารถเพิ่มให้ได้และชัดเจนว่าเกิดจากเหตุนอกประเทศที่ปะทะกันรุนแรง จนเป็นเหตุให้ได้รับผลกระทบทั้งเสียชีวิตและทรัพย์สินก็จะดูแลให้ เพราะการแก้ตรงนี้พิเศษกว่าที่อื่น

นายภูมิธรรม ยังเชื่อว่าที่ทำมา ดีกว่าทุกรัฐบาลและทุกสมัย แต่มองว่าเรื่องนี้ยังไม่เป็นเรื่องที่ใหญ่ แต่สำหรับเรื่องใหญ่ๆเดี๋ยวจะดูแลให้ เพราะยังมีอีกหลายร้อย หลายพันเรื่องที่เราจะต้องจ่าย เพราะฉะนั้นอันนี้ต้องคำนึงและต้องดูแลตามกฎระเบียบ ซึ่งตนว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ประเด็นจึงขออย่าไปคิดเรื่องนั้น

>> ป.ป.ส. ลุยเผายาเสพติดล็อตใหญ่ 26 ตัน ปิดบัญชียาบ้า 139 ล้านเม็ด

15.32 น. นายยู่สิน จินตภากร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานในพิธีทำลายยาเสพติดของกลางครั้งที่ 10 ณ บริษัท อัคคีปราการ จำกัด (มหาชน) โดยมี พลตำรวจโท ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส., นายอภิกิต ฉ. โรจน์ประเสริฐ รองเลขาธิการ ป.ป.ส. พร้อมด้วยคณะทำงานจากหน่วยงานภาคี อาทิ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.), กองบังคับการตำรวจทางหลวง, สำนักงานพิสูจน์หลักฐาน และสักขีพยานภาคประชาชนจากกลุ่มศิลปินและผู้มีอิทธิพลทางสื่อสังคมออนไลน์ ร่วมยืนยันความโปร่งใสในการทำลายยาเสพติดของกลางจาก 1,304 คดี ซึ่งมีน้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้มกว่า 26.04 ตัน

การทำลายยาเสพติดครั้งนี้ เป็นการตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างจริงจัง โดยมีศิลปินและผู้มีชื่อเสียงเข้าร่วมเป็นสักขีพยาน เพื่อร่วมสร้างความเชื่อมั่นให้กับสาธารณชน สำหรับยาเสพติดของกลางที่ถูกนำเข้าสู่เตาเผา มีน้ำหนักสุทธิเฉพาะตัวยาเสพติดรวม 21.60 ตัน ยาบ้า 139 ล้านเม็ด หรือ 13,894.95 กิโลกรัม, ไอซ์ 6,075.53 กิโลกรัม, คีตามีน 1,439.86 กิโลกรัม, เฮโรอีน 173.86 กิโลกรัม และยาเสพติดประเภทอื่นๆ รวมกว่า 20 กิโลกรัม

พลตำรวจโท ภาณุรัตน์ กล่าวเสริมว่า “ภายใต้การนำของท่านรัฐมนตรีฯ สำนักงาน ป.ป.ส. ขอเรียนว่า ยาเสพติดทุกล็อตที่เห็นในวันนี้ คือผลจากการทำงานอย่างหนักของเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่เสี่ยงภัยอยู่แนวหน้า ภารกิจของสำนักงาน ป.ป.ส. ไม่ได้จบที่การจับกุม แต่จะสมบูรณ์ก็ต่อเมื่อของกลางเหล่านี้ถูกทำลายจนหมดสิ้น ขอให้ประชาชนมั่นใจว่าเราจะปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็งต่อไป เพื่อปกป้องสังคมและอนาคตของลูกหลานเราทุกคน”

ทั้งนี้ นับตั้งแต่ปีงบประมาณ 2566 จนถึงปัจจุบัน สำนักงาน ป.ป.ส. ได้ทำลายยาเสพติดของกลางไปแล้วรวมทั้งสิ้น 10 ครั้ง จาก 2,117 คดี คิดเป็นน้ำหนักยาเสพติดสุทธิกว่า 203 ตัน ซึ่งในจำนวนนี้เป็น ยาบ้ากว่า 1,354 ล้านเม็ด และ ไอซ์กว่า 65 ตัน สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามในการป้องกันยาเสพติดจำนวนมหาศาลไม่ให้กลับเข้าสู่สังคมไทย สำนักงาน ป.ป.ส. ขอยืนยันว่าจะเดินหน้าบังคับใช้กฎหมายต่อผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดอย่างเด็ดขาดและต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่พี่น้องประชาชน และยาเสพติดที่จับกุมได้จะถูกจัดการอย่างเป็นรูปธรรม ไม่มีโอกาสเล็ดลอดกลับไปทำลายอนาคตของสังคมไทยอีกต่อไป

>> รถเก๋งเสียหลักตกร่องน้ำข้างทาง คลานออกมาทัน 1 ราย ส่วนอีก 3 รายเสียชีวิตในซากรถ

15.53 น. รับแจ้งจาก กู้ภัยทางหลวงจังหวัดกาฬสินธุ์ มีอุบัติเหตุ รถนั่งส่วนบุคคลเสียหลักตกข้างทาง มีทั้งผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต บริเวณทางหลวงหมายเลข 12 เส้นทางกาฬสินธุ์ - สมเด็จ เลยจุดกลับรถที่เลยสวนป่าสวนป่าสมเด็จ ประมาณ 500 เมตร (เป็นจุดที่ฝนตกแล้วมีน้ำท่วมขังตลอด) ในพื้นที่ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์

ที่เกิดเหตุ พบรถนั่งส่วนบุคคล นิสสัน สีขาว ป้ายทะเบียน กทม. ลักษณะพลิกตะแคงอยู่ในร่องน้ำข้างทาง ตรวจสอบพบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บ เป็นผู้ชาย 1 ราย อายุประมาณ 20 - 30 ปี ทางอาสาสมัครให้การช่วยเหลือและนำส่ง รพ.สมเด็จ และพบว่ามีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 3 ราย โดยเป็น ชายไทย 2 ราย อายุ 53 และ 62 ปี และหญิงไทย 1 ราย อายุ 53 ปี

โดยเบื้องต้นทราบว่า รถเก๋ง คันดังกล่าว ได้มารับญาติที่ป่วยอยู่ รพ.กาฬสินธุ์ เพื่อจะเดินทางกลับบ้านที่ อ.นาคู รถขับออกจากตัวเมืองกาฬสินธุ์ มุ่งหน้าไปทางอำเภอสมเด็จ จุดเกิดเหตุมีน้ำท่วมขังผิวจราจร รถได้เกิดเสียหลักตกถนน แล้วตะแคงที่ไหล่ทางที่มีน้ำท่วมขังอยู่ ผู้บาดเจ็บได้ออกตัวรถได้เอง จากนั้นรถได้ไหลไปตามน้ำแล้วพลิกคว่ำจมน้ำ ทำให้ผู้เสียชีวิตทั้ง 3 รายที่ออกจากตัวรถไม่ได้ ในส่วนของสาเหตุที่แท้จริงนั้น อยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองกาฬสินธุ์

>> "ไทย-กัมพูชา" ลงนาม RBC ร่วมเก็บกู้ระเบิด-ปราบสแกมเมอร์ ตั้งชุดประสานงานร่วม

16.41 น. พล.ท.อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาคที่ 1 เปิดเผยภายหลังประชุม RBC ในระดับแม่ทัพ ฝั่งกองทัพภาคที่ 1 ว่า ทั้ง 2 ฝ่าย ตกลงด้วยดี ตอบรับ 13 ข้อตกลงหยุดยิง จากการประชุม GBC ที่ผ่านมา นอกจากนี้ ที่ประชุม ได้เห็นชอบ เพิ่มเติม 3 ประเด็น จากที่ ไทย เสนอ 4 ประเด็น คือ

ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกัน ดำเนินการร่วมมือกำจัดทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมโดยพิจารณาให้หารือร่วมกันในการประชุม GBC ครั้งต่อไป

ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกัน ร่วมมือประสานงานกันแก้ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยให้ใช้เวทีมหาดไทยกัมพูชา หารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทย และเห็นควรให้เสนอหารือร่วมกัน GBC ครั้งต่อไป

ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบ ให้มีกลไกแก้ปัญหา ด้วยการจัดตั้งชุดประสานงาน Coordination Group (CG) และคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่น เพื่อเป็นกลไกรองรับคณะ RBC ในการแก้ไขปัญหาระดับพื้นที่

ส่วนในการแก้ไขปัญหาการละเมิด MOU43 ฝ่ายกัมพูชา ขอให้ใช้กลไกอื่นในการหารือ เพราะไม่ได้อยู่ในอำนาจของ RBC โดยฝ่ายไทยยืนยันเสนอให้ฝ่ายกัมพูชาได้ทราบว่าเป็นพื้นที่ที่สำคัญ และได้แจ้งเจตนารมย์ที่ชัดเจน ของฝ่ายไทยในการแก้ไขปัญหา ทั้งนี้ แม่ทัพภาคที่ 1 ย้ำว่า เรื่องนี้ กัมพูชา ขอไปใช้กลไก JBC หรือคณะกรรมาธิการร่วมเขตแดนไทยกัมพูชา แทนแต่อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ก็ต้องเสนอผ่านกลไก GBC

>> รถกระบะชนกับรถจักรยานยนต์กลางถนน คุณลุงวัย 67 ปีเจ็บสาหัส ก่อนไปเสียชีวิตที่ รพ.

18.20 น. รับแจ้งจาก สมาคมพุทธอุปถัมภ์แห่งประเทศไทย มีอุบัติเหตุรถกระบะชนกับรถจักรยานยนต์ และมีผู้บาดเจ็บสาหัส ช่วงทางกลับรถ ถนนภายในนิคมอุตสาหกรรมเกตเวย์ ม.9 ต.หัวสำโรง อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา

ที่เกิดเหตุ พบรถกระบะ โตโยต้า สีทอง ลักษณะชนกับรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า เวฟ สีแดง ใกล้กันพบร่างของผู้บาดเจ็บ 1 รายมีอาการสาหัส ทางอาสาสมัครเร่งช่วยเหลือ และเคลื่อนย้ายนำส่งรพ.แปลงยาว และได้รับแจ้งว่าผู้รับบาดเจ็บ ได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา ตรวจสอบเอกสาร เป็นชายไทย อายุ 67 ปี ในส่วนของสาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แปลงยาว

>> รถกระบะชนกับรถจักรยานยนต์ มีผู้บาดเจ็บสาหัส 2 ราย ก่อนจะไปเสียชีวิตที่ รพ.ด้วยกันทั้งคู่

19.22 น. ศูนย์กู้ชีพหลวงศิริ อ.หนองบัวแดง รับแจ้งว่ามีอุบัติเหตุรถกระบะชนกับรถจักรยานยนต์ และมีผู้บาดเจ็บอาการสาหัส บนถนนหมายเลข 2037 ใกล้เคียงทางเข้ารีสอร์ทแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ต.หนองบัวแดง อ.หนองบัวแดง จ.ชัยภูมิ

ที่เกิดเหตุ พบรถกระบะ อีซูซุ สีเทา ป้ายทะเบียน ชัยภูมิ ลักษณะชนกับ รถจักรยานยนต์ จีพีเอ็กซ์ สีแดง ไม่พบป้ายทะเบียน ใกล้กันพบร่างของผู้บาดเจ็บ 2 ราย เป็นผู้ชายไทย และผู้หญิงไทย อายุประมาณ 16 - 18 ปี ทางอาสาสมัครเร่งให้การช่วยเหลือด้วการปั๊มหัวใจ ก่อนมอบให้รถกู้ชีพดำเนินการนำส่ง รพ.หนองบัวแดง และได้รับแจ้งว่าได้เสียชีวิตในเวลาต่อมาทั้งคู่ ในส่วนของสาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หนองบัวแดง

>> แผ่นดินไหว ที่ประเทศเมียนมา

20.23 น. กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว แจ้งเหตุแผ่นดินไหว ขนาด 2.7 ความลึก 10 กม. ภายในพื้นที่ของประเทศเมียนมา ศูนย์กลางห่างออกไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของ อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน ประมาณ 151 กม. ไม่มีรายงานผลกระทบต่อประเทศไทย

>> รถจักรยานยนต์เสียหลักตกร่องน้ำข้างทาง มีผู้เสียชีวิต 1 ราย

01.00 น. รับแจ้งจาก หน่วยกู้ภัยแม่โจ้ มีอุบัติเหตุ รถจักรยานยนต์เสียหลักตกร่องน้ำข้างทาง ภายในซอยกรุงไทย มุ่งไปเหมืองแก้ว ในพื้นที่ อ.สันทราย จ.เชียงใหม่

ที่เกิดเหตุ พบรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า สีแดง ป้ายทะเบียน เชียงใหม่ ล้มคว่ำอยู่ในร่องน้ำข้างทาง ใกล้กันพบร่างของผู้บาดเจ็บ เป็นผู้ชาย 1 ราย อาการสาหัสและหมดสติปลุกไม่ตื่น ไม่มีชีพจร ทางอาสาสมัครทำการ CPR ก่อนมอบให้รถโรงพยาบาลสันทราย นำส่งโรงพยาบาลสันทราย และได้รับแจ้งเพิ่มเติมว่า ได้เสียชีวิตที่โรงพยาบาล พื้นที่ สภ.สันทราย

>> แผ่นดินไหว ที่ประเทศเมียนมา

01.26 น. กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา แผ่นดินไหว ขนาด 2.7 ลึก 10 กม. ภายในพื้นที่ของประเทศเมียนมา ศูนย์กลางห่างออกไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ประมาณ 184 กม. ยังไม่มีรายงานผลกระทบต่อประเทศไทย