"เทคโนโลยีต่อต้านโดรน" นวัตกรรมสุดล้ำเพื่อรับมือกับโดรนในสมรภูมิยุคใหม่
ปัจจุบันอากาศยานไร้คนขับ (UAVs) หรือ โดรน ได้กลายเป็นเครื่องมือที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ไม่เพียงแต่ในกิจกรรมเชิงพาณิชย์และสันทนาการเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสูงในสงคราม โดรนถูกใช้โดยกองทัพหลายประเทศ และกลุ่มก่อการร้าย โดยภารกิจหลักของโดรนได้ เช่น การลาดตระเวน การขนส่งเสบียง และการโจมตีเป้าหมายโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งและพลังงาน
ความสำคัญของระบบต่อต้านโดรน
ด้วยขนาดของโดรนที่เล็กทำให้ตรวจจับได้ยาก ดังนั้น เทคโนโลยีต่อต้านโดรนจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในสมรภูมิปัจจุบัน ซึ่งส่งผลต่อผลลัพธ์ของสงครามได้ แม้ว่ากองทัพสมัยใหม่จะลงทุนในระบบเหล่านี้ แต่ก็ยังมีข้อจำกัดที่ศัตรูสามารถใช้ประโยชน์ได้ ดังที่เกิดขึ้นกับยูเครนและอิสราเอล
เทคโนโลยีต่อต้านโดรนคืออะไร ?
เทคโนโลยีต่อต้านโดรน (Counter-Drone Technology หรือ C-UAS) คือ ระบบหรือชุดของเทคโนโลยีที่ใช้สำหรับตรวจจับ, ติดตาม, ระบุ และขัดขวางหรือทำลายอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรนที่เป็นภัยคุกคามรูปแบบต่าง ๆ โดยเน้นการทำลายล้าง
ตัวอย่างเครื่องมือต่อสู้กับโดรน
1. VAMPIRE ระบบจรวดที่สามารถติดตั้งบนยานพาหนะต่างๆ เพื่อยิงสกัดกั้นโดรน ใช้จรวดนำวิถีด้วยเลเซอร์ขนาด 70 มม. เพื่อความแม่นยำสูง ระบบจรวดรุ่นนี้สหรัฐฯ ได้ส่งมอบระบบนี้ให้ยูเครนใช้ในสนามรบเพื่อต่อสู้กับอากาศยานไร้คนขับ
2. Optics Smash 2000L กล้องเล็งสำหรับติดบนอาวุธปืนขนาดเล็ก ช่วยให้ผู้ใช้เล็งยิงโดรนได้อย่างแม่นยำด้วยระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) และอัลกอริทึมขั้นสูง มีน้ำหนักเบาและแบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนาน ทำให้เหมาะกับภารกิจภาคสนามที่ต้องการความคล่องตัว
3. Anti Drone Gun (DroneGun Tactical) ปืนสำหรับยิงสัญญาณรบกวน (Jamming) เพื่อตัดการสื่อสารระหว่างโดรนกับผู้ควบคุม ทำให้โดรนใช้งานไม่ได้จากระยะไกลสูงสุด 2 กิโลเมตร เป็นอุปกรณ์ที่พัฒนาโดยบริษัท DroneShield จากออสเตรเลียและสหรัฐอเมริกา
4. Lattice & Anduril Sentry ระบบป้องกันอัตโนมัติที่ใช้ซอฟต์แวร์ AI ชื่อ Lattice ทำงานร่วมกับหอคอย Sentry เพื่อตรวจจับและติดตามภัยคุกคามโดยอัตโนมัติ ระบบจะวิเคราะห์ข้อมูลและแจ้งเตือนผู้ปฏิบัติงาน พร้อมเสนอทางเลือกในการรับมือภัยคุกคามนั้นๆ
5. Mjolnir อาวุธไมโครเวฟพลังงานสูงที่พัฒนาโดยห้องปฏิบัติการวิจัยของกองทัพอากาศสหรัฐฯ ถูกออกแบบมาเพื่อทำลายระบบอิเล็กทรอนิกส์ของฝูงโดรนพร้อมกันในวงกว้าง สามารถติดตั้งและขนย้ายได้ง่ายด้วยตู้คอนเทนเนอร์เพียงตู้เดียว
6. Silent Archer ระบบต่อต้านโดรนที่ใช้เรดาร์ร่วมกับระบบสงครามอิเล็กทรอนิกส์ (EW) เพื่อค้นหาเป้าหมาย เมื่อตรวจพบภัยคุกคาม ระบบจะส่งสัญญาณรบกวนเพื่อตัดการสื่อสารและทำให้โดรนไร้ความสามารถ เป็นวิธีรับมือที่มีประสิทธิภาพและไม่สิ้นเปลือง
7. KuRFS & Coyote ระบบป้องกันแบบผสมผสาน โดยใช้เรดาร์ KuRFS ตรวจจับและติดตามภัยคุกคามได้ไกลถึง 60 กม. จากนั้นจะทำงานร่วมกับขีปนาวุธ Coyote เพื่อยิงสกัดกั้นโดรนที่บินต่ำ บินช้า และมีขนาดเล็ก
8. Leonidas อาวุธไมโครเวฟขั้นสูงที่สามารถปรับกำลังเพื่อทำลายโดรนเป้าหมายเดียว หรือทำลายโดรนทั้งฝูงในพื้นที่กว้างได้ มีความพิเศษคือสามารถตั้งค่าให้ละเว้นโดรนฝ่ายเดียวกันที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง ทำให้ปฏิบัติการได้อย่างยืดหยุ่น
9. Titan C-UAS ระบบรบกวนสัญญาณขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา ออกแบบมาสำหรับปฏิบัติการที่ต้องการความคล่องตัวสูง ใช้เทคโนโลยี AI และ Machine Learning เพื่อตรวจจับและรบกวนคลื่นความถี่วิทยุ (RF) ในการหยุดโดรน
ความท้าทายและแนวโน้มในอนาคต
โดรนเป็นภัยคุกคามที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องต่อทั้งโครงสร้างพื้นฐานของพลเรือนและทหาร โดยถูกใช้ในการก่อการร้ายมากขึ้น และทางทหารกำลังเข้าสู่ยุคที่สองของโดรนที่เน้นการใช้งานทางยุทธวิธี
เทคโนโลยีใหม่อย่าง 5G, IoT, และ GPS ที่ทันสมัย ทำให้โดรนมีความสามารถสูงขึ้น ปลอดภัยจากการรบกวน และมีระยะปฏิบัติการไกลขึ้น ความเร็วของโดรนทำให้ผู้ควบคุมมีเวลาตอบสนองเพียงไม่กี่วินาทีหลังตรวจพบ ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องพัฒนาระบบต่อต้านที่ทันสมัยอย่างต่อเนื่องเพื่อรับมือกับภัยคุกคามนี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- คณะรัฐมนตรีอนุมัติการจัดซื้อเครื่องบินขับไล่ JAS 39 Gripen E/F จากประเทศสวีเดน
- แนะวิธีสังเกต “โดรน” ความเข้าใจเกี่ยวกับแสง-วัตถุบนท้องฟ้า เพื่อจำแนกได้อย่างถูกต้อง
- ฝูงโดรน "Drone Swarm" ไม่ใช่แค่อาวุธแต่เป็นเทคโนโลยีอัจฉริยะทุกอุตสาหกรรมต้องจับตามอง
- รู้จัก "Anti-Drone" ระบบการต่อต้านอากาศยานไร้คนขับ (C-UAS) เพื่อตรวจจับโดรนบนท้องฟ้า
- กองทัพไทยคุมเข้ม 20 จังหวัดชายแดน ย้ำยิงสกัดโดรนทุกลำที่รุกอธิปไตย