วราวุธ ระบุ ศรส.พม. แจง ครึ่งปีแรก สังคมไทยเผชิญความเปราะบางทวีความรุนแรง-ซับซ้อน
วราวุธ ระบุ ศรส.พม. แจง ครึ่งปีแรก สังคมไทยเผชิญความเปราะบางทวีความรุนแรง-ซับซ้อน กลุ่มคนวัยทำงาน ขอรับการช่วยเหลือมากสุด รองลงมา ผู้สูงอายุ-เด็ก
เมื่อวันที่ 6 ส.ค.68 ที่กระทรวงพม. นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เปิดเผยว่า ในที่ประชุมกระทรวงพม. ทางศูนย์เร่งรัดจัดการสวัสดิภาพประชาชน(ศรส.) รายงานสถานการณ์ปัญหาสังคมในรอบ 6 เดือน ช่วงเดือนมกราคม-มิถุนายน 2568 ระบุมีประชาชนใช้บริการรวม 85,557 กรณี หรือเฉลี่ยวันละ 473 กรณี โดยพบว่ากลุ่มวัยทำงานขอรับการช่วยเหลือมากที่สุด 64% รองลงมา ผู้สูงอายุ 14% เด็ก 11% พื้นที่ ที่ประชาชนขอรับการช่วยเหลือมากที่สุดคือกรุงเทพมหานคร 61% รองลงมาคือภาคกลาง 13% ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 10%
ศรส. ดำเนินการช่วยเหลือคุ้มครองสวัสดิภาพประชาชนที่ประสบปัญหา จำนวน 16,519 กรณี ซึ่งพบว่าผู้ประสบปัญหากรณีวิกฤตฉุกเฉิน เป็นเรื่องของความรุนแรง , กรณีฉุกเฉิน เป็นเรื่องความสัมพันธ์ในครอบครัว , กรณีเร่งด่วนเป็นเรื่องคนไร้ที่พึ่ง และขอทาน แบ่งเป็นพื้นที่กรุงเทพกรุงเทพ ปัญหาที่พบมากที่สุดคือเรื่องรายได้ความเป็นอยู่ พื้นที่ปริมณฑล ปัญหาที่พบมากที่สุดคือเรื่องรายได้ความเป็นอยู่ พื้นที่ภูมิภาค ปัญหาที่พบมากที่สุดคือเรื่องรายได้ความเป็นอยู่เช่นกัน ดังนั้นจากภาพรวมของสถานการณ์สังคมปัจจุบัน พบว่าสังคมไทยกำลังเผชิญความเปราะบางที่ทวีความรุนแรงและซับซ้อนมากขึ้น ทั้งในมิติเศรษฐกิจและความสัมพันธ์ในครอบครัว การเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐาน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางที่ได้รับผลกระทบอย่างชัดเจน ดังนั้นการขับเคลื่อนเพื่อแก้ไขปัญหาจึงต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งในระดับนโยบายและการปฎิบัติจริงในพื้นที่ เน้นการเสริมสร้างศักยภาพให้ประชาชนสามารถพึ่งพาตนเองได้ สร้างระบบคุ้มครองทางสังคม ครอบคลุม เป็นธรรม ทันต่อสถานการณ์ สร้างสังคมที่ทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน
ส่วนสถานการณ์ความรุนแรงในครอบครัวและนอกครอบครัว ศรส. พบว่าปัญหาสังคมด้านความรุนแรงในครอบครัวมีมากถึง 69% ความรุนแรงนอกครอบครัว 31% ผู้ถูกกระทำความรุนแรงส่วนใหญ่คือกลุ่มเปราะบาง โดยเฉพาะเด็ก วัยทำงาน และเป็นเพศหญิงที่ถูกกระทำมากถึง 78% สะท้อนให้เห็นถึงการดำรงอยู่ของปัญหา ความไม่เท่าเทียมทางเพศ การใช้ความรุนแรงต่อผู้หญิงอย่างต่อเนื่อง และพื้นที่ที่ได้รับแจ้งมากที่สุดคือกรุงเทพ รองลงมาคือชลบุรี สมุทรปราการ นนทบุรี ปทุมธานี ซึ่งพื้นที่เหล่านั้นมีลักษณะเมืองขนาดใหญ่ มีความหนาแน่นของประชากร มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างครอบครัวอย่างรวดเร็ว จึงทำให้พบข้อมูลว่ากลุ่มเสี่ยงความรุนแรงในครอบครัวคือกลุ่มวัยทำงาน รองลงมาคือกลุ่มเด็ก ส่วนกลุ่มเสี่ยงนอกครอบครัวคือกลุ่มเด็ก รองลงมาคือกลุ่มวัยทำงาน สะท้อนให้เห็นว่าเด็กมีความเปราะบางทั้งในบ้านและนอกบ้าน ขณะที่วัยทำงานมีความเสี่ยงในบ้านเป็นหลัก
ศรส. ได้วิเคราะห์สถานการณ์สะท้อนให้เห็นปัญหาหลายมิติ ได้แก่ ความเปราะบางของโครงสร้างครอบครัว ปัจจัยเศรษฐกิจและความเครียดในชีวิตประจำวัน บรรทัดฐานทางสังคม ดังนั้นจะเห็นว่าความรุนแรงไม่ใช่แค่ปัญหาเฉพาะบุคคล หรือภายในภายนอกครอบครัวเท่านั้น แต่เป็นโครงสร้างสังคมที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเป็นระบบ ในมิติของครอบครัว เศรษฐกิจ เราทุกคนจึงมีบทบาทสำคัญในการร่วมกันสร้างสังคมที่ปลอดภัยและไม่ปล่อยให้ใครต้องเผชิญความรุนแรงเพียงลำพัง