โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

OpenAI เปิดตัว GPT-oss โมเดลแบบ ‘เปิดน้ำหนัก’ หลังคู่แข่งเร่งปล่อยโมเดลฟรี

กรุงเทพธุรกิจ

อัพเดต 1 วันที่แล้ว • เผยแพร่ 17 ชั่วโมงที่ผ่านมา

บริษัท OpenAI ผู้พัฒนา ChatGPT ประกาศเปิดตัว “GPT-oss” โมเดลภาษาขนาดใหญ่แบบเปิดน้ำหนัก หรือ “โอเพนเวต” (open-weight reasoning models) ให้ดาวน์โหลดไปใช้งานและปรับแต่งได้ฟรี ซึ่งก่อนหน้านี้เคยเก็บโมเดลไว้ใช้งานเองเป็นหลัก

แซม อัลท์แมน ประธานกรรมการบริหาร OpenAI ออกมายืนยันว่า GPT-oss คือ “โมเดลแบบเปิดที่ดีที่สุดในโลก” สามารถใช้งานได้บนอุปกรณ์ทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล โน้ตบุ๊ก หรือแม้แต่สมาร์ตโฟนระดับสูง โดยไม่จำเป็นต้องต่ออินเทอร์เน็ต

การเปิดตัว GPT-oss ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปีที่ OpenAI เปิดให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถดาวน์โหลดโมเดลไปใช้งานฟรี และปรับแต่งเองได้

ที่ผ่านมา OpenAI ถูกวิจารณ์ว่าถอยห่างจากหลักการเปิดกว้างในช่วงเริ่มก่อตั้ง โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับโมเดลโอเพนซอร์สที่เปิดทุกอย่างให้ตรวจสอบได้ การเปิด GPT-oss แม้จะยังไม่ใช่โอเพนซอร์สแท้ๆ แต่ก็สะท้อนความพยายามของบริษัทในการคืนความไว้ใจให้ชุมชนวิจัยและนักพัฒนาอีกครั้ง

“เราคาดหวังว่า GPT-oss จะเปิดโอกาสให้คนจำนวนมากสามารถทำงานวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์เอไอได้มากขึ้น” อัลท์แมนกล่าว

GPT-oss คืออะไร และมีความสามารถระดับไหน

GPT-oss เป็นโมเดลภาษาแบบเปิดน้ำหนัก หมายความว่า ใครก็สามารถดาวน์โหลดตัวโมเดลที่ผ่านการฝึกฝนเสร็จแล้วไปใช้งานได้ทันที สิ่งที่ผู้ใช้จะได้รับคือ น้ำหนัก หรือ “ค่าพารามิเตอร์” ของโมเดล ซึ่งเปรียบเสมือนสมองของเอไอที่บรรจุความรู้และความสามารถในการประมวลผลภาษาไว้แล้ว

การได้รับโมเดลแบบนี้ทำให้ผู้ใช้สามารถ:

  • ใช้งานเอไอแบบออฟไลน์ โดยไม่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
  • ปรับแต่งโมเดล ให้เหมาะกับงานเฉพาะทาง เช่น การแปลภาษา การเขียนโค้ด หรือการวิเคราะห์ข้อมูล
  • ตรวจสอบวิธีทำงานของเอไอได้อย่างละเอียด เพื่อเข้าใจกระบวนการตัดสินใจ
  • พัฒนาต่อยอด เพื่อสร้างแอปพลิเคชันหรือบริการใหม่ๆ

GPT-oss มีให้เลือก 2 รุ่น คือ gpt-oss-20b และ gpt-oss-120b โดยตัวเลขหมายถึงจำนวนพารามิเตอร์ (หน่วยพันล้าน) ซึ่งยิ่งมีพารามิเตอร์มาก ก็ยิ่งมีความสามารถสูง แต่ใช้ทรัพยากรเครื่องมากขึ้นตามไปด้วย

รุ่นขนาด 20 พันล้านพารามิเตอร์สามารถใช้งานบนคอมพิวเตอร์หรือโน้ตบุ๊กทั่วไปที่มี RAM อย่างน้อย 16-32 GB ส่วนรุ่นขนาด 120 พันล้านพารามิเตอร์จำเป็นต้องใช้เครื่องประมวลผลสมรรถนะสูง เช่น เซิร์ฟเวอร์ที่มี GPU หรือเครื่องเกมมิ่งระดับสูง

OpenAI ระบุว่าโมเดลรุ่น 120b มีความสามารถในการประมวลผลใกล้เคียงกับ “o4-mini” ซึ่งเป็นหนึ่งในโมเดลระดับเชิงพาณิชย์ของบริษัท กล่าวคือ ผู้ใช้จะได้โมเดลที่มีคุณภาพเทียบเท่าโมเดลที่ต้องจ่ายเงินใช้บริการ แต่สามารถใช้งานฟรีได้

ความแตกต่างระหว่าง ‘โอเพนเวต’ กับ ‘โอเพนซอร์ส’

แม้ GPT-oss จะเป็นการเปิดกว้างมากขึ้น แต่ยังไม่ใช่โอเพนซอร์สแบบเต็มรูปแบบ ความแตกต่างสำคัญอยู่ที่ระดับของการเปิดเผยข้อมูล

ถ้าเป็นโอเพนซอร์ส (Open Source) จะต้องเปิดเกือบทุกอย่างที่จำเป็นให้คนอื่นนำไปศึกษา ปรับปรุง หรือนำไปใช้งานต่อได้อย่างเสรี ไม่ว่าจะเป็น โค้ดโปรแกรม, โครงสร้างของโมเดล, ชุดข้อมูลที่ใช้ฝึกสอน รวมถึงวิธีการฝึกทั้งหมดต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้ และเปิดกว้างโดยไม่มีข้อจำกัดมากเกินไป

แต่ในกรณีของโอเพนเวต (Open Weight) อย่างที่ OpenAI เปิด GPT-oss ออกมานั้น ยังไม่ใช่โอเพนซอร์สเต็มรูปแบบ เพราะเปิดแค่ค่าพารามิเตอร์ที่ผ่านการฝึกฝนแล้ว ให้สามารถดาวน์โหลดไปใช้หรือปรับแต่งเองได้ แต่ไม่ได้เปิดเผยชุดข้อมูลที่ใช้ฝึก หรือโค้ดเบื้องหลังการออกแบบและฝึกโมเดล

แต่อย่างไรก็ตาม จะเรียกว่าเป็นการ “เปิดมากกว่าที่เคย” เพราะในช่วงหลายปีที่ผ่านมา OpenAI เลือกจะไม่เปิดโมเดลเลย แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นที่เรียกได้ว่าโอเพนซอร์สจริง ตามนิยามขององค์กรอย่าง Open Source Initiative ที่เน้นการเข้าถึงทุกองค์ประกอบของระบบเอไอ

สงครามโมเดลเปิด: OpenAI ปะทะ Meta และ DeepSeek

การเปิดตัว GPT-oss เกิดขึ้นท่ามกลางการแข่งเดือดในตลาดโมเดลเอไอแบบเปิด โดยเฉพาะกับคู่แข่งสำคัญ 2 ราย คือ Meta (บริษัทแม่ของ Facebook) และ DeepSeek (บริษัทเอไอจากจีน)

Meta กับโมเดล LLaMA ได้ปล่อยโมเดลภาษาแบบเปิดน้ำหนักออกมาก่อนหน้านี้ และได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มนักพัฒนาทั่วโลก เนื่องจากใช้งานง่ายและมีชุมชนนักพัฒนาที่แข็งแกร่ง แม้ Meta จะอ้างว่าเป็นโอเพนซอร์ส แต่ในความเป็นจริงยังมีข้อจำกัด เช่น ต้องขอสิทธิ์การใช้งานในบางกรณี และไม่เปิดเผยชุดข้อมูลฝึกทั้งหมด

DeepSeek บริษัทเอไอจากจีนที่สร้างความตื่นตาตื่นใจด้วยการปล่อยโมเดลที่มีประสิทธิภาพสูงแต่ใช้ทรัพยากรน้อยกว่าคู่แข่ง และเปิดให้ใช้งานแบบเสรีมากกว่า ทำให้ได้รับความสนใจจากนักพัฒนาที่ต้องการโซลูชันที่ประหยัดแต่มีประสิทธิภาพ

การแข่งขันครั้งนี้ไม่ได้เป็นแค่เรื่องเทคโนโลยีว่าใครมีโมเดลที่เก่งกว่า แต่เป็นการแข่งขันเชิงปรัชญาและกลยุทธ์ทางธุรกิจ ว่าควร “เปิดให้คนทั่วไปเข้าถึงเอไอได้มากแค่ไหน” และ “วิธีไหนจะทำให้เกิดนวัตกรรมและการพัฒนาได้ดีที่สุด”

ความกังวลเรื่องความมั่นคงและจริยธรรม

แม้การเปิดโมเดลอย่าง GPT-oss จะเปิดโอกาสให้เกิดนวัตกรรมมากมาย แต่ก็มีนักวิจัยและผู้เชี่ยวชาญหลายคนแสดงความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น

ความเสี่ยงที่เป็นไปได้:

  • การพัฒนาอาวุธชีวภาพ โดยใช้เอไอช่วยออกแบบเชื้อโรคหรือสารพิษ
  • การโจมตีทางไซเบอร์ เช่น การสร้างมัลแวร์หรือโปรแกรมไวรัสอัตโนมัติ
  • การสร้างข้อมูลเท็จ (Deep Fake) ที่สมจริงและยากต่อการตรวจสอบ
  • การใช้งานเพื่อการฉ้อโกงหรือหลอกลวงผู้คนผ่านแชทบอท

ทีมนักวิจัยด้านความปลอดภัยของ OpenAI ทดสอบความเสี่ยงอย่างละเอียด โดยการ fine-tune หรือปรับแต่ง GPT-oss ให้ทำงานในรูปแบบที่มีเจตนาร้าย เช่น การให้คำแนะนำในการสร้างอาวุธชีวภาพ หรือแนวทางการโจมตีระบบไซเบอร์

ผลการทดสอบพบว่า โมเดลยังไม่มีความสามารถสูงพอที่จะสร้างภัยคุกคามต่อความมั่นคงในระดับรุนแรง แต่ก็ยังคงมีความเสี่ยงระดับปานกลางที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด

หลายฝ่ายยังคงตั้งข้อสังเกตว่า เมื่อโมเดลระดับสูงถูกกระจายออกสู่ผู้ใช้งานโดยไม่มีข้อจำกัดที่เข้มงวด ย่อมเพิ่มความเสี่ยงที่กลุ่มไม่หวังดีจะนำไปปรับแต่งเพื่อวัตถุประสงค์ที่ผิดกฎหมาย โดยเฉพาะในบริบทที่ระบบนิเวศของเอไอกำลังเติบโตอย่างรวดเร็วทั่วโลก

GPT-oss ยังไม่ใช่ GPT-5

สิ่งสำคัญที่ต้องเข้าใจคือ GPT-oss ไม่ใช่ GPT-5 ตามที่มีข่าวลือและการคาดเดาของผู้ติดตามข่าวสารเทคโนโลยี GPT-oss เป็นโมเดลใหม่ที่ OpenAI สร้างขึ้นเป็นพิเศษเพื่อทดลองการเปิดกว้างสู่สาธารณะ โดยยังคง GPT-4 และรุ่นที่จะตามมาไว้สำหรับบริการเชิงพาณิชย์

การเปิดตัว GPT-oss แสดงให้เห็นว่า OpenAI กำลังพยายามหาจุดสมดุลระหว่าง:

  • การเปิดให้เข้าถึงได้แบบเสรี เพื่อส่งเสริมนวัตกรรมและการวิจัย
  • การควบคุมความเสี่ยง ที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้โมเดลเอไอขั้นสูง
  • การรักษาความได้เปรียบทางธุรกิจ จากโมเดลระดับสูงสุด

ในขณะเดียวกัน Google ก็เปิดตัวโมเดลใหม่ชื่อว่า Genie 3 ซึ่งเป็นโมเดลประเภท world model หรือระบบที่สามารถสร้างและเข้าใจสภาพแวดล้อมจำลองแบบเสมือนจริงได้ เหมาะสำหรับใช้ในการฝึกหุ่นยนต์หรือรถยนต์ไร้คนขับ

อ้างอิง: OpenAI, The Guardian และ Business Insider

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก กรุงเทพธุรกิจ

ลับ 55 ปี ‘เจียรพันธุ์-ชิดชอบ’ ตระกูลดัง ถือครอง ‘เขากระโดง’

44 นาทีที่แล้ว

ทรัมป์ขู่ขึ้นภาษีนำเข้าชิปเป็น 100% แต่ยกเว้นภาษีให้บ.แอปเปิล

49 นาทีที่แล้ว

3 กลุ่มผสมโรง ปิดสวิตซ์ ‘สีน้ำเงิน’ ถอดถอน 136 สว. ล้างอำนาจ 'ภท.'

51 นาทีที่แล้ว

กกร.หวั่นส่งออกแข่งรุนแรง บาทแข็งค่า-กำลังซื้อสหรัฐหด

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความไอที ธุรกิจอื่น ๆ

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...