‘สำนักพุทธฯ’ แจ้งแนวปฏิบัติพศจ. ประสานข้อมูลบัญชีเงินวัดให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ
นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ได้มีหนังสือลงวันที่ 6 ส.ค. 2568 เรื่อง แนวปฏิบัติของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ร่วมกับ คณะสงฆ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการสนองมติมหาเถรสมาคมที่ 620/2568 ถึง ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด (พศจ.) ทุกจังหวัด ระบุว่า ด้วย พศ. ได้ร่วมประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงในพระพุทธศาสนา ซึ่งรักษาการนายกรัฐมนตรีมีคำสั่งแต่งตั้ง และจัดให้มีการประชุม เมื่อวันที่ 24 ก.ค.2568 ณ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยที่ประชุมมีมติขอรับทราบข้อมูลของวัดต่างๆ เพื่อประโยชน์ในการป้องกันและปราบปรามภัยคุกคาม และเสริมสร้างความมั่นคงในพระพุทธศาสนานั้น ในการประชุมมหาเถรสมาคม (มส.) เมื่อวันที่ 30 ก.ค. 2568 มส.ได้มีมติมอบหมายให้พศ.ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ในการนี้ พศ.ขอแจ้งแนวปฏิบัติให้สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด (พศจ.) ยึดถือและดำเนินตาม ดังต่อไปนี้
1.หากสำนักงานตำรวจแห่งชาติหรือหน่วยงานราชการที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงในพระพุทธศาสนามอบหมายประสานขอข้อมูลและรายงานบัญชีรายรับ บัญชีรายจ่ายของวัด ให้พศจ.ถือเป็นหลักปฏิบัติทั่วไป ที่จะสามารถมอบข้อมูลซึ่งได้ขอจากวัดตามรอบการรายงานหรือการลงพื้นที่รวบรวมของพศจ.เอง ให้แก่หน่วยงานดังกล่าวได้ในฐานะหน่วยราชการซึ่งบูรณาการความร่วมมือกัน ส่วนข้อมูลบัญชีวัด ซึ่งเป็นอำนาจของเจ้าอาวาสในการดูแลตามกฎหมาย หรือบัญชีส่วนบุคคลนั้น ให้ดำเนินการตามมติมหาเถรสมาคม มติที่ 620/2568 เรื่อง แนวปฏิบัติสำหรับการบริหารศาสนสมบัติของวัด ทั้งนี้ หากมีปัญหา อุปสรรค หรือข้อสงสัยเป็นรายจำเพาะกรณี ให้พศจ.สอบถามแนวปฏิบัติมายังกลุ่มคุ้มครองพระพุทธศาสนา
2.บัญชีธนาคารซึ่งเป็นบัญชีส่วนบุคคล อันเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่มีกฎหมายคุ้มครองนั้น หน่วยราชการหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐอาจขอความร่วมมือในการตรวจสอบได้ ในกรณีเจ้าของบัญชียินยอนยอม
3.หน่วยราชการหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้มีอำนาจตามกฎหมายย่อมมีอำนาจตรวจสอบ หรืออายัดบัญชีธนาคารซึ่งเป็นบัญชีส่วนบุคคล ต่อกรณีเมื่อมีการกระทำความผิดตามกฎหมายอาญา และได้ดำเนินการโดยชอบตามกระบวนการทางกฎหมายแล้ว
4.ขอให้พศจ.ประสานความร่วมมือกับคณะสงฆ์ ในการเฝ้าระวัง สังเกต ถวายความรู้ และป้องกันมิให้เกิดพฤติการณ์ที่อาจมีมิจฉาชีพ หรือบุคคลผู้ไม่มีหน้าที่และอำนาจตามกฎหมาย อาจใช้โอกาสนี้กระทำการข่มขู่ หลอกลวง หรือบังคับพระภิกษุสามเณรหรือวัดให้เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล หรือข้อมูลจำเพาะของวัด โดยปราศจากอำนาจตามกฎหมาย หรือยังมิได้ดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมาย หรือมิเป็นไปตามมติมส. หรือตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาสงฆ์