ช็อก! อินเดียเตรียมระบายสต๊อก 20 ล้านตัน ทุบราคาข้าวไทย-ข้าวโลกดิ่งเหว
นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า การส่งออกข้าวไทยมีสัญญาณที่จะได้รับผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันที่ลดลงอีกครั้ง ซึ่งจะส่งผลกระทบถึงราคาข้าวส่งออกของไทย และราคาข้าวเปลือกในประเทศที่เกษตรกรขายได้อาจจะปรับลดลงอีก
ล่าสุดมีกระแสข่าวออกมาว่า ในเดือนหน้า (กันยายน 2568) อินเดียผู้ส่งออกข้าวอันดับ 1 ของโลกในปัจจุบัน จะนำข้าวในสต๊อกรัฐบาลออกมาขาย มีเป้าหมายเพื่อใช้พื้นที่ในการเก็บสต๊อกข้าวฤดูกาลใหม่ที่รัฐบาลจะรับซื้อจากเกษตรกรที่ผลผลิตกำลังจะออกมา
ในครั้งนี้จะปล่อยข้าวในสต๊อกออกมาประมาณ 20 ล้านตัน เพื่อนำไปใช้ทั้งในการผลิตเอทานอล ส่วนหนึ่งเพื่อนำข้าวไปช่วยเหลือคนยากจน และส่วนหนึ่งจะขายในตลาดทั่วไปให้กับเทรดเดอร์หรือผู้ค้าข้าว
“พอเราได้ยินแค่จำนวนเราก็ช็อกแล้ว เพราะว่าราคาข้าวเขาตั้งราคาขายไว้ที่ประมาณ 230 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ถ้าบวกค่าปรับปรุงคุณภาพข้าวตามมาตรฐานส่งออก บวกค่าขนส่ง จะขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 260 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน หากอินเดียขายที่ตันละ 280-300 ดอลลาร์สหรัฐ แล้วเราจะอยู่ได้อย่างไร”
ปัจจุบันราคาข้าวขาว 5% ส่งออกของไทยเฉลี่ยที่ 365-370 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ส่งผลกระทบต่อเนื่องถึงราคาข้าวเปลือกเจ้า ที่เกษตรกรขายได้ในเวลานี้อยู่ที่ระดับ 5,000-6,000 บาทต่อตันเท่านั้น ลดลงกว่าครึ่งหนึ่งเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ชาวนาขายข้าวเปลือกเจ้าได้เฉลี่ยสูงถึง 1.1-1.2 หมื่นบาทต่อตัน
อย่างไรก็ตามหลังจากที่อินเดียประกาศยกเลิกแบนการส่งออกข้าวในกลุ่มข้าวขาว เมื่อปลายปี 2567 ส่งผลให้ซัพพลายข้าวในตลาดโลกมีมาก ฉุดให้ราคาข้าวของไทย และของทุกประเทศผู้ส่งออกข้าวปรับตัวลดลง ทำให้เป็นห่วงว่าข้าวนาปีของไทยที่ผลิตจะทยอยออกมาปลายปีนี้จะปรับตัวลดลงอีก เพราะหากอินเดียระบายข้าวในสต๊อกออกมามหาศาลถึง 20 ล้านตันจริง จะส่งผลกระทบต่อราคาข้าวในตลาดโลกที่จะปรับตัวลดลงอีกอย่างแน่นอน
นายชูเกียรติ เผยอีกว่า หากเทียบตัวเลขการส่งออกข้าวของผู้ส่งออกรายใหญ่ในช่วง 6 เดือนแรกปี 2568 อินเดียส่งออกข้าวได้แล้วมากกว่า 11 ล้านตัน เวียดนามอันดับ 2 ส่งออกได้ 5.2 ล้านตัน และไทย 3.7 ล้านตัน โดยในปีนี้อินเดียตั้งเป้าหมายส่งออกข้าวที่ 23 ล้านตัน (ปี 2567 ส่งออกได้ 17 ล้านตัน) เวียดนาม คาดจะส่งออกได้ปีนี้ 9 ล้านตัน ส่วนไทยตั้งเป้าหมายจะส่งออกได้ 7.5 ล้านตัน คาดปีนี้จะอยู่อันดับ 3 รองจากอินเดีย และเวียดนาม