สิงคโปร์–ไทย ยกระดับความสัมพันธ์ด้านการค้าสีเขียวและการลงทุนทางธุรกิจในงาน Singapore Regional Business Forum ณ กรุงเทพฯ
สภาธุรกิจสิงคโปร์ (Singapore Business Federation: SBF) ได้จัดงาน Singapore Regional Business Forum (SRBF) ครั้งที่ 9 ขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ณ กรุงเทพมหานคร เนื่องในโอกาสครบรอบ 60 ปีแห่งความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสิงคโปร์และไทย โดยงานในครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมกว่า 450 คน จาก 25 ประเทศ
ภายในงานได้รวบรวมผู้กำหนดนโยบาย ผู้นำทางธุรกิจ นักลงทุน และสมาคมอุตสาหกรรม เพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับการเติบโตและการบูรณาการของเอเชีย ภายใต้หัวข้อ “Business Resilience in Asia: Thriving Amid Global Uncertainty and Trade Shifts” ท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกที่ส่งผลต่อภูมิทัศน์ทางเศรษฐกิจ ความร่วมมือระดับภูมิภาคจึงมีความสำคัญยิ่ง
การประชุมในครั้งนี้จึงมีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างภาคส่วนต่าง ๆ ซึ่งจะส่งเสริมการขับเคลื่อนการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างของเศรษฐกิจโลก และสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจในระยะยาว
ช่วงสำคัญของงาน ได้แก่ ปาฐกถาพิเศษโดย ดร. ซี เล้ง ตัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และรัฐมนตรีรับผิดชอบกระทรวงพลังงาน วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ประเทศสิงคโปร์ และ พิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดยผู้นำทั้งสองท่านได้เน้นย้ำถึงนโยบายที่ยืดหยุ่นสามารถปรับเปลี่ยนได้ นวัตกรรมข้ามพรมแดน และการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจสีเขียว ว่าเป็นกุญแจสำคัญในการปลดล็อกศักยภาพทางเศรษฐกิจของอาเซียนอย่างเต็มรูปแบบ
อีกหนึ่งหมุดหมายสำคัญของงานประชุม คือการลงนามในความร่วมมือด้านคาร์บอนเครดิตระหว่างสิงคโปร์–ไทย ซึ่งถือเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญในความร่วมมือด้านสภาพภูมิอากาศข้ามพรมแดน และยังเป็นข้อตกลงความร่วมมือด้านคาร์บอนเครดิตฉบับแรกที่สิงคโปร์ได้ลงนามกับประเทศสมาชิกอาเซียน โดยข้อตกลงที่ลงนามโดย ดร. ซี เล้ง ตัน และ ดร. เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ถือเป็นก้าวสำคัญสู่การขับเคลื่อนกลไกตลาดคาร์บอนเครดิตในภูมิภาค
ในการประชุมมีการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างสภาธุรกิจสิงคโปร์ (SBF) กับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนแห่งประเทศไทย (BOI) เพื่อกระชับความร่วมมือด้านการค้า การลงทุน และการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ
ซอง เซ็ง เตโอ ประธานสภาธุรกิจสิงคโปร์ (SBF)ได้กล่าวเปิดการประชุมด้วยการเรียกร้องอย่างหนักแน่นให้เกิดความเป็นผู้นำร่วมกันในการกำหนดทิศทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืนและครอบคลุมสำหรับอาเซียนและภูมิภาค พร้อมเน้นย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วนสำหรับความร่วมมือที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นในภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในเศรษฐกิจโลก ตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศไปจนถึงการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล
‘เตโอ’ ได้เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของSBF ในการทำหน้าที่เป็นตัวเร่งให้เกิดความร่วมมือระดับภูมิภาค โดยทำงานอย่างใกล้ชิดกับรัฐบาล ภาคธุรกิจ และสถาบันพหุภาคี เพื่อสร้างความยืดหยุ่นทางธุรกิจในระยะยาวและปลดล็อกโอกาสในการเติบโต นอกจากนี้ คุณเตโอยังได้เน้นถึงโครงการริเริ่มต่าง ๆ เช่น ศูนย์กลางเพื่ออนาคตทางการค้าและการลงทุน (CFOTI) ซึ่งช่วยให้ภาคธุรกิจสามารถคาดการณ์และรับมือกับภูมิทัศน์ทางการค้าที่กำลังเปลี่ยนแปลงไป
ในส่วนของหัวข้อการประชุมย่อยภายในงาน ได้มุ่งเน้นไปที่การเงินสีเขียวและพลังงานสะอาด การเชื่อมโยงระดับภูมิภาคและการค้าดิจิทัล รวมถึงโซลูชันทางธุรกิจ การพูดคุยในเวทีสนทนายังได้เน้นถึงบทบาทที่โดดเด่นของประเทศไทยในฐานะผู้นำเศรษฐกิจสีเขียว ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากการลงทุนในพลังงานสะอาด นวัตกรรม และกรอบการกำกับดูแลที่สอดคล้องกับเป้าหมายด้านสภาพภูมิอากาศ ซึ่งทำให้ประเทศไทยเป็นผู้มีส่วนร่วมสำคัญในอนาคตที่ยั่งยืนของอาเซียน
“ในขณะที่เศรษฐกิจของอาเซียนยังคงเติบโตและเปลี่ยนแปลงไป ความร่วมมือในระดับภูมิภาคจะเป็นกุญแจสำคัญในการปลดล็อกความก้าวหน้าที่ยั่งยืนและครอบคลุม ที่ธนาคารกรุงเทพ เราเชื่อมั่นในการสร้างพันธมิตรระยะยาวที่ไม่เพียงแต่ขับเคลื่อนนวัตกรรมและการเชื่อมต่อ แต่ยังสร้างโอกาสสำหรับภาคธุรกิจและชุมชนในทุกประเทศ” กล่าวโดย ชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ
สภาธุรกิจสิงคโปร์ยังได้จัดเวิร์กช็อป“Overseas Marketplace Workshop” ซึ่งเปิดโอกาสให้บริษัทสิงคโปร์17 แห่งได้สำรวจโอกาสทางการตลาดในประเทศไทย ซึ่งเป็นการเสริมความแข็งแกร่งให้กับอาเซียนในฐานะกลุ่มเศรษฐกิจที่มีความเป็นเอกภาพและสามารถแข่งขันได้
การประชุมครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากธนาคารกรุงเทพ ในฐานะพันธมิตรระดับแพลตตินัม, เคอรี่ ฟลาวมิลล์(Kerry Flour Mills), แปซิฟิค อินเตอร์เนชั่นแนล ไลน์(PIL) และPSA International ในฐานะพันธมิตรระดับโกลด์, เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ในฐานะพันธมิตรด้านสถานที่จัดงาน ธนาคารยูโอบีในฐานะพันธมิตรระดับสากล แกร็บในฐานะพันธมิตรระดับซิลเวอร์
รวมถึง กระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมสิงคโปร์, สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนแห่งประเทศไทย (BOI), คณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจสิงคโปร์, Enterprise Singapore, สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐสิงคโปร์ประจำประเทศไทย, และสมาคมการค้าและหอการค้าเกือบ 30 แห่ง ซึ่งงานในครั้งนี้ได้ยืนยันบทบาทในการส่งเสริมการรวมกลุ่มในระดับภูมิภาคและการเตรียมความพร้อมสำหรับภูมิทัศน์ทางธุรกิจในอนาคตทั่วทั้งภูมิภาค