ไซมิส เปิด “มนต์เสน่ห์ ราชพฤกษ์–ปิ่นเกล้า” เฟส 2 จับตลาดลูกค้ากำลังซื้อสูง
ตลาดบ้านหรูเติบโตต่อเนื่อง ไซมิส แอสเสท ลงทุน “มนต์เสน่ห์” พูลวิลล่าหรูใกล้สวนเฟส 2 จับมือ “ไนท์แฟรงค์” เจาะตลาดลูกค้ากำลังซื้อสูง มีอิสระทางการเงิน ตอบโจทย์เป้าหมาย ‘ซื้อเพื่ออยู่ ลงทุนเพื่ออนาคต’
ในช่วงที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยรวมกำลังเผชิญกับภาวะชะลอตัวและอุปสงค์ที่ลดลง โดยเฉพาะในกลุ่มระดับกลาง-ล่าง แต่ตลาดที่อยู่อาศัยระดับลักชัวรีกลับสวนทางและเติบโตอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากลูกค้าตลาดบน (High-net-worth) เป็นกลุ่มที่มีความมั่นคงทางการเงินและได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ, อัตราดอกเบี้ย, หรือหนี้ครัวเรือนน้อยกว่ากลุ่มอื่นๆ ทำให้พวกเขายังคงมีศักยภาพในการซื้อสูง
ขณะเดียวกันก็ถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าเพิ่มในระยะยาวและให้ผลตอบแทนที่ดีในรูปแบบค่าเช่า ทำให้ตอบโจทย์ทั้งการซื้อเพื่ออยู่อาศัยและการลงทุนโดยเฉพาะในทำเลศักยภาพที่มีการเติบโต
ไซมิส แอสเสท รันต่อโปรเจกต์ “มนต์เสน่ห์” เปิด Monsane Exclusive Villa ราชพฤกษ์–ปิ่นเกล้า เฟส 2”
บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (มหาชน) เป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ยังคงให้ความสำคัญกับตลาด อสังหาริมทรัพย์ระดับลักชัวรี โดยล่าสุดได้เปิดตัวโครงการ Monsane Exclusive Villa ราชพฤกษ์–ปิ่นเกล้า เฟส 2 ซึ่งเป็นพูลวิลล่าหรูสไตล์ยูโรเปียน คลาสสิก ที่ ไซมิสวางโพชิชั่นให้ตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่ม High Income Independence ที่มองหาทั้งการอยู่อาศัยและการลงทุนในอนาคตโดยเฉพาะ
โดยโครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การยกระดับแบรนด์แนวราบภายใต้ชื่อ “มนต์เสน่ห์” ให้เป็นลักชัวรีแบรนด์ของคนไทยที่เน้นคุณค่าเหนือกาลเวลา
นายขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงแนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ในครึ่งปีหลัง 2568 ว่ายังคงมีความท้าทายจากปัจจัยภายนอกและภายในประเทศ โดยเฉพาะนโยบายภาษีที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งส่งผลให้ลูกค้ากลุ่มไฮเอนด์มีความระมัดระวังในการตัดสินใจมากขึ้น
และไม่ได้พิจารณาแค่โครงการที่สวยหรือทำเลดีอีกต่อไป แต่จะมองถึงมูลค่าสินทรัพย์ในระยะยาว, ความยั่งยืนของโครงการ, และความคุ้มค่าทางภาษี ซึ่งผู้ประกอบการที่เข้าใจในมิติใหม่นี้และสามารถออกแบบโครงการที่ตอบโจทย์ได้อย่างแท้จริงจะสามารถสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน
ด้วยเหตุนี้ ไซมิส แอสเสท จึงมุ่งมั่นพัฒนาแบรนด์ “มนต์เสน่ห์” ให้เป็นลักชัวรีแบรนด์ที่มอบ “ประสบการณ์ของการใช้ชีวิต” โดยให้ความสำคัญกับดีไซน์, ฟังก์ชันการอยู่อาศัย, และทำเลที่ผสานธรรมชาติเข้ากับความสะดวกสบาย สำหรับพูลวิลล่าเฟสใหม่นี้ ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อตอบสนองกลุ่มลูกค้าที่ต้องการความเป็นส่วนตัวสูง มีพื้นที่ใช้สอยขนาดใหญ่ เป็นบ้านแปลงมุมทุกหลังบนที่ดินเริ่มต้น 100 ตร.วา และใกล้ชิดธรรมชาติ
ซึ่งเหมาะสำหรับครอบครัวรุ่นใหม่, นักธุรกิจ, และชาวต่างชาติที่ต้องการบ้านที่ให้ความรู้สึกเหมือนรีสอร์ตส่วนตัว นอกจากนี้ยังเป็น Investment-Grade Asset ที่เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการสินทรัพย์ที่มีโอกาสเพิ่มมูลค่าในระยะยาว
นายขจรศิษฐ์กล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการของไซมิส แอสเสท ทุกแห่งมีเอกลักษณ์และสะท้อนรสนิยมของผู้อยู่อาศัยในระดับบน โดยแบรนด์ “มนต์เสน่ห์” คือการสร้างมาตรฐานใหม่ของการอยู่อาศัยระดับลักชัวรี ที่มีสถาปัตยกรรมสวยงามเหนือกาลเวลา และผสานนวัตกรรมเพื่อสุขภาพและความปลอดภัย ภายใต้แนวคิด Luxury Living with Wellness Integration ซึ่งประกอบด้วย:
- Air of Life: ระบบฟอกอากาศที่ควบคุมคุณภาพอากาศให้สะอาด ปลอดจากฝุ่น PM2.5
- Solar Solution: ระบบโซลาร์เซลล์ที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานในระยะยาว
- ประตูและหน้าต่างจาก TOSTEM: ให้ความแข็งแรง ทนทาน และป้องกันเสียงจากภายนอก
- EV Charger: รองรับการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งสอดคล้องกับเทรนด์การใช้รถยนต์ในกลุ่มไฮเอนด์
ตลาดลงทุนบ้านหรูยังเซ็กซี่ ผลตอบแทนสูง
ในส่วนของโอกาสการลงทุน นายขจรศิษฐ์มองว่า ตลาดบ้านแนวราบราคาสูงยังมีอีกมาก เนื่องจากราคาที่ดินในเมืองและแนวเมืองขยายมีแนวโน้มปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในทำเลศักยภาพอย่างราชพฤกษ์–ปิ่นเกล้า ซึ่งมีอุปทานจำกัดและมีโอกาสสร้างผลตอบแทนสูง โครงการ Monsane Exclusive Villa จึงเป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้ซื้อในช่วงเวลานี้ที่สามารถจับจังหวะการเข้าซื้อได้ในราคาต้นทุนเดิมก่อนที่ต้นทุนจะปรับตัวสูงขึ้น
ขณะที่ แฟรงค์ ข่าน หุ้นส่วน - หัวหน้าฝ่ายที่ปรึกษาด้านที่พักอาศัย บริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้กล่าวถึงภาพรวมตลาดบ้านหรูว่า แม้ตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยรวมจะมีความท้าทาย แต่ตลาดที่อยู่อาศัยระดับหรูกลับเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยจำนวนยูนิตเพิ่มขึ้นจาก 12,349 ยูนิตในปี 2562 เป็น 37,775 ยูนิต ในเดือนเมษายน 2568 ซึ่งกลุ่มผู้ซื้อสินทรัพย์สูงยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนหลัก โดยมองหาที่อยู่อาศัยเพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตและคุณภาพชีวิตระยะยาว
การกระจายตัวของอุปทานบ้านหรูในกรุงเทพฯ และปริมณฑล พบว่า พื้นที่ที่มีอุปทานสูงสุดคือกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออก (26%) ตามมาด้วยปริมณฑลฝั่งตะวันตก (21%) และกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันตก (20%) ซึ่งสะท้อนถึงความต้องการที่แข็งแกร่งในโซนตะวันตกของเมือง โดยเฉพาะทำเล “ราชพฤกษ์–ปิ่นเกล้า” ที่เป็นทำเลศักยภาพสูง ขณะที่อุปทานใหม่ในทำเลนี้ยังมีจำกัด ซึ่งทำให้สามารถสร้างผลตอบแทนสูงและมีความเสี่ยงจากสต็อกคงค้างต่ำกว่าตลาดโดยรวม
จากการวิเคราะห์ตามช่วงราคา พบว่าความต้องการกระจุกตัวอยู่ในช่วงราคา 10–30 ล้านบาท โดยเฉพาะช่วง 10–20 ล้านบาท มียอดขายสูงสุด ซึ่งสะท้อนถึงความนิยมของผู้ซื้อที่มองหาสินค้ามูลค่าคุ้มค่าระดับ mid-luxury ส่วนในอนาคต ผู้พัฒนาโครงการควรเน้นการสร้างความแตกต่างของสินค้าและนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะของกลุ่มเป้าหมายเพื่อสร้างความมั่นคงในระยะยาวให้กับตลาด