เมื่อ "ตี๋น้อย" จะเสิร์ฟเป็ดย่าง ส่วน "เอ็มเค" จะลุยบุฟเฟ่ต์ ศึกสุกี้ตำนาน-ดาวรุ่ง เกมนี้ใครจะชนะ?

อัพเดต 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ภาพไฮไลต์

ถ้าพูดถึงร้านสุกี้ในความทรงจำ เชื่อว่า "เอ็มเคสุกี้" (MK restaurant) คือชื่อที่หลายคนนึกถึงในฐานะแบรนด์ระดับตำนาน ที่อยู่คู่คนไทยมาทุกยุคทุกสมัย แต่เมื่อเวลาผ่านไป เทรนด์ความคุ้มค่าและกระแสบุฟเฟ่ต์ที่มาแรง ได้ทำให้บัลลังก์ของพี่ใหญ่เริ่มสั่นคลอน

ในสมรภูมินี้เอง "สุกี้ตี๋น้อย" ได้แจ้งเกิดในฐานะดาวรุ่งพุ่งแรงที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด ด้วยจุดขายบุฟเฟ่ต์ราคาเป็นมิตร จนสามารถทำกำไรรายไตรมาสแซงหน้าเอ็มเคไปแล้ว

ศึกครั้งนี้ไม่ได้มีแค่การแข่งขันด้านราคา แต่ทวีความดุเดือดขึ้นทุกขณะ เมื่อ "ตี๋น้อย" เดินเกมรุกสุดท้าทายด้วยการนำ "เป็ดย่าง" ซึ่งเป็นเมนูแม่เหล็กของเอ็มเคเข้ามาเสริมทัพ

ฟากของ "เอ็มเค" เองก็ไม่ยอมอยู่นิ่ง แก้เกมด้วยการปั้นแบรนด์บุฟเฟ่ต์น้องใหม่ในชื่อ "Bonus Suki" เพื่อลงสนามครั้งนี้ เป็นที่น่าจับตาว่า การต่อสู้ระหว่างยักษ์ใหญ่ที่กำลังปรับตัวกับดาวรุ่งที่เติบโตไม่หยุดครั้งนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป?

“เอ็มเค” พี่ใหญ่ในตำนาน กับวันที่ตลาดเปลี่ยนไป

ถ้าพูดถึงร้านสุกี้ที่อยู่คู่คนไทยมานาน จนเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว ชื่อแรกที่เด้งขึ้นมาในหัวก็ต้องเป็น "เอ็มเคสุกี้" ใช่ไหม?

หลายคนอาจมีโมเมนต์ดีๆ กับครอบครัว กับเพื่อน หรือมีเดทแรกที่ เอ็มเค ซึ่งอยู่ภายใต้การบริหารของบริษัทใหญ่ที่มีมาร์เก็ตแคปกว่า 2.3 หมื่นล้านบาท ในตลาดหุ้นอย่าง บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น M ที่ไม่ได้มีแค่สุกี้ แต่ยังมีร้านอาหารในเครืออีกเพียบ

แต่เมื่อโลกมันหมุนไปทุกวัน วงการร้านอาหารก็เริ่มเปลี่ยนตามเทรนด์ของผู้บริโภคที่หลายคนมองหา "ความคุ้มค่า" มากขึ้น

จนเกิดกระแสร้านสุกี้แบบ "บุฟเฟ่ต์" ที่ให้เรากินได้ไม่อั้นในราคาเดียวก็เลยบูมขึ้นมาเป็นดอกเห็ด ร้านเล็ก ร้านใหญ่ ร้านหน้าใหม่ ต่างก็กระโดดเข้ามาในสนามนี้กันอย่างดุเดือด

ทำให้พี่ใหญ่อย่างเอ็มเคที่เน้นขายแบบ A La Carte (สั่งเป็นจาน) ก็เริ่มรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือน ผลประกอบการช่วงหนึ่งไม่ได้เปรี้ยงปร้างเหมือนเก่า จนทำให้นักลงทุนเริ่มกังวล ราคาหุ้นก็ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง

โดยข้อมูลผลประกอบการย้อนหลัง 3 ปี พบว่า

ปี 2567 รายได้ 15,809.47 ล้านบาท กำไร 1,441.57 ล้านบาท
ปี 2566 รายได้ 16,973.55 ล้านบาท กำไร 1,681.94 ล้านบาท
ปี 2565 รายได้ 15,938.18 ล้านบาท กำไร 1,438.81 ล้านบาท

ล่าสุด ครึ่งแรกของปี 2568 ทำกำไรสุทธิไปได้ 509.18 ล้านบาท ลดลง 31.9% โดยยอดขายสาขาเดิมก็ได้ปรับลดลง 8.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า

"สุกี้ตี๋น้อย" แจ้งเกิดแรง กำไรแซงพี่ใหญ่!

ท่ามกลางสมรภูมิบุฟเฟ่ต์ที่ร้อนระอุ ก็มีดาวรุ่งพุ่งแรงที่แจ้งเกิดจนกลายเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ นั่นก็คือ "สุกี้ตี๋น้อย" ภายใต้การบริหารของ บริษัท บี เอ็น เอ็น เรสเตอรองท์ กรุ๊ป จำกัด นั่นเอง!

ด้วยจุดขายที่ชัดเจนคือบุฟเฟ่ต์ราคาเป็นมิตร เข้าถึงง่าย ทำให้ตี๋น้อยเติบโตอย่างรวดเร็ว ขยายสาขาเป็นว่าเล่น จนปัจจุบันมีสาขาทั้งหมด 86 สาขา Teenoi BBQ (บุฟเฟต์ปิ้งย่าง) 4 สาขา และ Teenoi Express (บุฟเฟต์พรีเมียม) 1 สาขา

แถมไปเข้าตาบริษัทใหญ่อย่าง JMART ที่มองเห็นศักยภาพและตัดสินใจเข้ามาร่วมลงทุนซื้อหุ้น 30% ไปในที่สุด

ในไตรมาส 1/2568 ผ่านมา สุกี้ตี๋น้อย ทำกำไรรายไตรมาสแซงพี่ใหญ่เอ็มเคได้แล้วเป็นครั้งแรก โกยกำไรไปกว่า 271 ล้านบาท ด้าน JMART ก็รับส่วนแบ่งกำไรไปกว่า 97 ล้านบาท

ขณะที่ล่าสุด งวดครึ่งแรกปี 2568 (ม.ค.-มิ.ย.68) สุกี้ตี๋น้อย มีกำไรสุทธิ 582 ล้านบาท ส่วนเอ็มเค ทำกำไรสุทธิไปได้ 509 ล้านบาท

เมื่อ "ตี๋น้อย" ส่ง "เป็ดย่าง" ท้าชน

แล้วบอกเลยว่าศึกนี้ตี๋น้อยไม่ได้มาเล่นๆ กลยุทธ์การตลาดของเขาเฉียบขาดและเร็วชนิดที่คู่แข่งต้องหันมามอง ไม่ว่าจะเป็นการลดราคา การขยายเวลาเปิด-ปิดร้านเอาใจคนนอนดึก ไปจนถึงการเคลื่อนไหวล่าสุดที่ทำเอาวงการสั่นสะเทือน

นั่นคือการประกาศเตรียมเสิร์ฟ "เป็ดย่าง" ในร้าน อ่านไม่ผิด เป็ดย่างที่เป็นเหมือนท่าไม้ตายของเอ็มเค คือเมนูในตำนานที่ใครไปเอ็มเคก็ต้องสั่ง

การที่ตี๋น้อยกล้าเอาเมนูซิกเนเจอร์ของคู่แข่งมาใส่ในไลน์บุฟเฟ่ต์ของตัวเองแบบนี้ ถือเป็นการเดินหมากที่ท้าทายและน่าจับตาว่าจะสามารถดึงดูดลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ และสร้างความสำเร็จได้ขนาดไหน

“เอ็มเค” เปิดแบรนด์ใหม่ "Bonus Suki" ลุยตลาดบุฟเฟ่ต์

แน่นอนว่าเอ็มเคก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ อัดโปรโมชั่นกลับทันที ด้วย "ซาลาเปาไส้ครีม" แบบไม่อั้น เข้ามาในบุฟเฟต์ 299.- NET และรู้ดีว่าจะอยู่เฉยไม่ได้ เอาจริงๆ เอ็มเคเริ่มซุ่มทดลองตลาดบุฟเฟ่ต์ในราคาประหยัดมาสักพักแล้ว แถมมีประสบการณ์จากบุฟเฟ่ต์พรีเมียมอย่าง MK Gold Buffet ด้วย

การเปิดแบรนด์ใหม่ชื่อว่า "Bonus Suki" (โบนัสสุกี้) ถือเป็นเรื่องที่น่าจับตาเลยทีเดียว จากเริ่มนำร่องสาขาแรกที่ต่างจังหวัดก่อนในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งเชื่อว่านี่เป็นแค่การชิมลาง

และถ้าผลตอบรับดี เราน่าจะได้เห็น "โบนัสสุกี้" ขยายสาขาอย่างรวดเร็ว เพื่อลงมาสู้ในสนามบุฟเฟ่ต์ และชิงส่วนแบ่งการตลาดที่เสียไปกลับคืนมาอย่างแน่นอน

นักวิเคราะห์มองอย่างไร?

ล่าสุด มีข้อมูลอัปเดตที่น่าสนใจจากฝั่งนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ของ บล.กรุงศรี ที่ได้ประเมินสถานการณ์ของหุ้น M หลังประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/2568 ซึ่งทำให้เราเห็นภาพชัดขึ้นไปอีกว่า เอ็มเคยังมีลุ้นด้านบวกจาก 2 ปัจจัยหลัก คือ

1.โปรโมชั่นบุฟเฟ่ต์ ที่เริ่มเพียง 1 เดือนในไตรมาส 2/68 แต่ขยายต่อเนื่อง (ก.ค.-ส.ค.) ช่วยหนุนการปรับตัวดีขึ้นของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) จากฐานต่ำที่ -12% ใน ไตรมาส 2/67 และ -8% จากต้นปี

2.แบรนด์ใหม่ (Bonus Suki) ซึ่งปัจจุบันมี 1 สาขาและจากข่าวมีแผนขยายเพิ่มกว่า 3 สาขาในปีนี้ คาดว่าจะมีความสำคัญมากขึ้นตั้งแต่ปี 2569 เป็นต้นไป

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ยังคงให้คำแนะนำ "Neutral" หรือ "เป็นกลาง" สำหรับหุ้น M ที่ราคา 16 บาท คือมองว่าราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นมาก่อนหน้านี้ ได้สะท้อนความคาดหวังเชิงบวกต่อแผนการตลาดใหม่ๆ ไปพอสมควรแล้ว พูดง่ายๆ คือ ตลาดรับรู้แล้วว่าเอ็มเคกำลังจะสู้กลับ แต่จะทำได้ดีแค่ไหน ยังเป็นเรื่องที่ต้องพิสูจน์กันต่อไป

ศึกสุกี้หม้อเดือดระหว่าง "ตำนาน" ที่พยายามปรับตัวเพื่อรักษาบัลลังก์ กับ "ดาวรุ่ง" ที่เติบโตอย่างไม่หยุดยั้งและพร้อมท้าชนทุกรูปแบบ แม้หลายคนบอกว่าสองบริษัทนี้ จะเทียบกันตรงๆ ไม่ได้

แต่เอ็มเคก็กำลังแก้เกมด้วยแบรนด์ใหม่ ในขณะที่ตี๋น้อยก็บุกหนักถึงขั้นจะเอาเป็ดย่างมาเป็นอาวุธ แต่ไม่ว่าเกมนี้ใครจะชนะ คนที่ได้ประโยชน์เต็มๆ ก็คือพวกเราเหล่าผู้บริโภคที่จะมีตัวเลือกที่หลากหลายและคุ้มค่ามากขึ้น

อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่

https://www.thairath.co.th/money/investment

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้

https://www.facebook.com/ThairathMoney

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : เมื่อ "ตี๋น้อย" จะเสิร์ฟเป็ดย่าง ส่วน "เอ็มเค" จะลุยบุฟเฟ่ต์ ศึกสุกี้ตำนาน-ดาวรุ่ง เกมนี้ใครจะชนะ?