‘กรุงศรี’ ปิดดีล ถือหุ้น ‘ติดล้อ’ 46% ขึ้นแท่นผู้ถือหุ้นใหญ่
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เดินหน้าตอกย้ำวิสัยทัศน์ด้านการสร้างการเข้าถึงบริการทางการเงิน ด้วยการเข้าซื้อหุ้นเพิ่มอีก 16.33% ในบริษัท ติดล้อ โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR จาก Siam Asia Credit Access Pte. Ltd. (SACA) ส่งผลให้กรุงศรีครองสัดส่วนการถือหุ้นรวมประมาณ 46.51% และก้าวขึ้นเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท
ดีลครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงการขยายการถือหุ้น แต่ยังสะท้อนถึงทิศทางการดำเนินธุรกิจของกรุงศรีที่ชัดเจนมาตลอดหลายปี นั่นคือ การผลักดันให้กลุ่มผู้บริโภคที่ยังเข้าไม่ถึงบริการทางการเงินแบบดั้งเดิม ได้มีโอกาสใช้บริการที่เหมาะสมและเป็นธรรมมากขึ้น
ด้าน ‘เคนอิจิ ยามาโตะ’ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า กรุงศรีมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นติดล้อ โฮลดิ้งส์ ทำให้
กรุงศรีเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ในสัดส่วน 46.51% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด
ทำให้ปัจจุบัน 3 อันดับผู้ถือหุ้นของ TIDLOR ได้แก่
1.ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ถือหุ้นอยู่ 46.51%
2.บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด ถือหุ้นอยู่ 6.89%
3.9 BASIL PTE. LTD. ถือหุ้นอยู่ 3.51%
และจากมุมมองของกรุงศรี การลงทุนครั้งนี้คือโอกาสในการเชื่อมโยงผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ตอบโจทย์หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อรายย่อย สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ หรือการเข้าถึงผลิตภัณฑ์ประกันภัยในรูปแบบที่เข้าใจง่ายและเข้าถึงได้จริง โดยเฉพาะกลุ่มรายย่อยและธุรกิจ SME ที่มักถูกมองข้ามในระบบการเงินแบบดั้งเดิม
ในอีกด้านหนึ่ง การที่กรุงศรีเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้น ยังช่วยตอกย้ำความแข็งแกร่งของ TIDLOR ในฐานะบริษัทที่มีทั้งศักยภาพการเติบโตและความน่าเชื่อถือในสายตานักลงทุน
‘ปิยะศักดิ์ อุกฤษฎ์นุกูล’ กรรมการผู้จัดการใหญ่ TIDLOR กล่าวถึงความร่วมมือนี้ว่า การที่กรุงศรีเข้ามาเพิ่มการถือหุ้น ถือเป็นการยืนยันถึงความเชื่อมั่นในสถานะความเป็นผู้นำและโอกาสการเติบโตของเรา ไม่ว่าจะเป็นในธุรกิจสินเชื่อหรือการสร้างการเข้าถึงบริการประกันภัย
การสนับสนุนของกรุงศรีจะช่วยเสริมภาพลักษณ์ของ TIDLOR ให้โดดเด่นยิ่งขึ้น ในฐานะตัวเลือกการลงทุนที่น่าสนใจ ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ
สิ่งนี้ชี้ให้เห็นว่าตลาดการเงินไทยกำลังก้าวสู่ช่วงเวลาที่ผู้เล่นสำคัญไม่ได้แข่งขันกันเพียงเรื่องของขนาดหรือกำไร แต่ยังแข่งขันกันในด้านคุณค่าทางสังคม และความสามารถในการสร้าง “การเข้าถึง” ที่แท้จริงให้กับประชาชน
สำหรับก้าวต่อไปของความร่วมมือเมื่อกรุงศรีเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ TIDLOR จะมีโอกาสต่อยอดโมเดลธุรกิจของตนเองให้กว้างขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาบริการดิจิทัลทางการเงิน การสร้างแพลตฟอร์มสินเชื่อและประกันภัยที่ใช้งานง่ายสำหรับผู้บริโภคทุกกลุ่ม รวมถึงการผลักดันนวัตกรรมใหม่ๆ ที่สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้ใช้บริการในอนาคต
ทั้งนี้ ในมุมของผู้บริโภค ความร่วมมือครั้งนี้จึงหมายถึงการมีโอกาสเข้าถึงบริการทางการเงินที่สะดวกและยืดหยุ่นมากขึ้น ขณะที่ในมุมของนักลงทุน ดีลนี้ตอกย้ำความมั่นใจในศักยภาพของ TIDLOR ในการเติบโตท่ามกลางเศรษฐกิจที่เต็มไปด้วยความผันผวน