ซีอีโอ OpenAI เปรียบ GPT-5 ‘ฉลาด’ เหมือนนักวิชาการปริญญาเอก
OpenAI ประกาศเปิดตัวโมเดลปัญญาประดิษฐ์รุ่นใหม่ GPT-5 ซึ่งถูกยกให้เป็นการอัปเกรดครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เปิดตัว ChatGPT โดยมีความสามารถเด่น ด้านเขียนโค้ด, งานเขียนเชิงสร้างสรรค์ และการใช้เหตุผลกับโจทย์ซับซ้อน พร้อมรองรับการโต้ตอบที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น และลดโอกาสให้ข้อมูลผิดพลาดลง
แซม อัลท์แมน ซีอีโอ OpenAI พยายามอธิบายให้คนทั่วไปเห็นภาพความต่างของความสามารถแต่ละเวอร์ชันของ ChatGPT ผ่านการเปรียบเทียบกับระดับการศึกษา
เขาบอกว่าการใช้ GPT-5 เหมือนมี “ผู้เชี่ยวชาญปริญญาเอกในกระเป๋า” สามารถให้คำตอบได้ลึก ครอบคลุม และใช้เหตุผลเชิงลึกได้เกือบทุกเรื่อง เมื่อเทียบกับเวอร์ชันก่อนหน้า GPT-4o ที่เปรียบได้กับนักศึกษามหาวิทยาลัย และ GPT-3.5 ที่อยู่ระดับมัธยมปลาย
“เหมือนกับได้พูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญระดับปริญญาเอก ที่พร้อมให้คำปรึกษาในทุกเรื่อง ทุกสาขา ได้ทุกเวลาที่คุณต้องการ” อัลท์แมนกล่าวในงานเปิดตัวที่ถ่ายทอดสดเมื่อวันพฤหัสบดี (7 ส.ค.)
อย่างไรก็ตาม อัลท์แมนยอมรับว่า แม้ GPT-5 จะเก่งขึ้นมาก แต่ยังไม่ถึงขั้นเป็น “ปัญญาประดิษฐ์ทั่วไป” (AGI) ดังที่หลายคนนิยาม เพราะโมเดลยังขาดความสามารถบางอย่าง เช่น การเรียนรู้ต่อเนื่องขณะถูกใช้งาน
อัลท์แมนอธิบายว่า การที่ระบบสามารถเก็บเกี่ยวประสบการณ์ใหม่ๆ จากการใช้งานจริง แล้วปรับปรุงความรู้หรือทักษะของตัวเองได้ทันที เหมือนที่มนุษย์เรียนรู้จากเหตุการณ์รอบตัว ความสามารถแบบนี้เป็นองค์ประกอบหลักที่จะทำให้เอไอถือว่าเป็น AGI จริงๆ
ดังนั้น GPT-5 ตอนนี้ เหมือนคนที่เรียนจบแล้ว แต่ไม่สามารถเรียนรู้อะไรเพิ่มได้จนกว่าจะมีครูมาอัปเดตสมองให้ ต่างจาก AGI ที่จะเรียนรู้เองได้ทุกวันจากประสบการณ์ตรง
ใครสามารถใช้งาน GPT-5 ได้บ้าง?
ทาง OpenAI ยืนยันว่าจะ ให้ผู้ใช้ ChatGPT ทุกคนได้ใช้งาน GPT-5 แต่เงื่อนไขจะแตกต่างกันตามประเภทบัญชี
- ผู้ใช้ฟรี: ใช้ได้แค่รุ่นพื้นฐาน ของ GPT-5 และมีข้อจำกัด เช่น จำนวนครั้งที่ถามต่อวันหรือต่อชั่วโมง
- ผู้สมัครแบบจ่ายเงิน (เช่น Pro): ได้สิทธิ์ใช้ฟีเจอร์เต็ม และมีโควต้าการใช้งานสูงกว่า
รายงานจากหลายสำนักบอกว่า ราคาแพ็กเกจ Pro ยังอยู่ที่ราว 200 ดอลลาร์ต่อเดือน ซึ่งให้สิทธิ์เข้าถึงฟีเจอร์ขั้นสูง และปริมาณการใช้งานมากกว่ามาก
นอกจากนี้ OpenAI เผยตัวเลขล่าสุดว่า ChatGPT มีผู้ใช้งานประจำสัปดาห์เกือบ 700 ล้านคน และมีธุรกิจหลายล้านรายจ่ายเงินใช้บริการ ทำให้การอัปเกรดครั้งนี้จะเข้าถึงผู้ใช้จำนวนมหาศาลทันทีที่เปิดให้ใช้งาน
ความสามารถใหม่ เขียนโค้ด สร้างเว็บในนาทีเดียว
คำถามเรื่องความ “มั่นใจได้” ของคำตอบ เป็นอีกประเด็นที่ถูกจับตามอง OpenAI ทดสอบภายในกับ GPT-5 พบว่า โมเดลใหม่นี้มีอัตราการเกิดข้อผิดพลาดในข้อมูล (หรือที่เรียกกันว่า “hallucinations” คือการสร้างข้อมูลผิดๆ ขึ้นมาเอง) ลดลงเมื่อเทียบกับรุ่นก่อน
มีการรายงานจากหลายแหล่งข่าวว่า GPT-5 ลดอัตราข้อผิดพลาดลงประมาณ 45% เมื่อเทียบกับ GPT-4o ในการทดสอบที่เปิดใช้งานเว็บค้นหา บางรายงานระบุว่า ตัวเลขการลดข้อผิดพลาดเมื่อเทียบกับรุ่นเก่ากว่า เช่น o3 นั้นมีมากกว่านี้
OpenAI เผยข้อมูลภายในว่า GPT-5 สามารถใช้โทเคนหรือหน่วยคำที่ใช้คิดน้อยลง แต่กลับได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพและแม่นยำขึ้น
ด้านการเขียนโค้ด GPT-5 สามารถสร้างเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันที่ซับซ้อนได้จากเพียงคำสั่งเดียว (prompt) เช่น ในการสาธิต ทีมวิจัยสร้างเว็บสอนภาษาฝรั่งเศสที่มีแฟลชการ์ด เกม และแบบทดสอบเสร็จภายในไม่กี่นาที โดยโค้ดที่ได้ยังดูแลง่ายและแก้บั๊กได้เร็วขึ้น
บริษัทได้ทดสอบกับสตาร์ตอัปสายโค้ด เช่น Anysphere (ผู้พัฒนา Cursor) และ Lovable จากสวีเดน ซึ่งยืนยันว่า GPT-5 เขียนโค้ดแอปที่ซับซ้อนและแก้ข้อผิดพลาดได้ดีกว่าคู่แข่ง
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีพัฒนาการที่ชัดเจนเรื่องความถูกต้องของข้อมูล แต่สื่อหลายแห่งยังเตือนว่า GPT-5 ยังไม่สามารถแก้ปัญหาการหลอกข้อมูลได้อย่างสมบูรณ์ หรือพูดง่ายๆ ว่า โมเดลยังคงมีโอกาสสร้างข้อมูลผิดๆ หรือบิดเบือนอยู่บ้างในบางกรณี
ระบบคิดอัตโนมัติ และโหมดตัวเลือกบุคลิก
ใน GPT-5 ฟีเจอร์ “ระบบคิดอัตโนมัติ” ทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องตัดสินใจเองว่าจะใช้โมเดลแบบ reasoning ที่เหมาะกับงานคิดวิเคราะห์เชิงลึก หรือโมเดลทั่วไปที่ตอบเร็วกว่า เพราะระบบจะประเมินคำถามและเลือกวิธีคิดที่เหมาะสมให้โดยอัตโนมัติ เพื่อให้ได้คำตอบที่ทั้งแม่นยำและใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า
ขณะเดียวกัน OpenAI ยังเพิ่มความยืดหยุ่นด้านโทนการสนทนาด้วยการให้เลือก “บุคลิก” (Preset Personalities) ของแชตบอทได้ 4 แบบ ตั้งแต่
- โทนประชดแบบ Cynic
- โทนตรงและมีประสิทธิภาพแบบ Robot
- โทนอบอุ่นพร้อมรับฟังแบบ Listener
- โทนเน้นข้อมูลเชิงลึกแบบ Nerd
GPT-5 ไม่เพียงปรับแค่ในเชิงเทคนิค แต่ยังปรับสไตล์การตอบให้เข้ากับทั้งเนื้อหาและอารมณ์ของผู้ใช้ ทำให้ประสบการณ์ใช้งานใกล้เคียงกับการคุยกับคนจริงมากขึ้น
นอกจากนี้ GPT-5 ถูกออกแบบให้ใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งการพิมพ์ข้อความ การส่งภาพ และการสั่งงานด้วยเสียง อีกทั้งยังสามารถเชื่อมต่อกับบริการอย่าง Gmail, Google Calendar และรายชื่อติดต่อได้เมื่อผู้ใช้อนุญาต เพื่อช่วยจัดการตาราง นัดหมาย และติดตามอีเมลได้อย่างสะดวก
ด้านความสามารถเชิงเนื้อหา OpenAI เผยว่า GPT-5 ทำคะแนนได้สูงสุดในการทดสอบ HealthBench ของบริษัท แม้จะมีความแม่นยำและรอบคอบเพียงใด ก็ยังถูกเน้นย้ำว่า GPT-5 ไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อแทนที่การปรึกษาจากแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ แต่เป็นเพียงเครื่องมือสนับสนุนการตัดสินใจและการดูแลสุขภาพเท่านั้น
มูลค่าทะลุ 500 พันล้านดอลลาร์
OpenAI มีมูลค่าตลาดราว 300 พันล้านดอลลาร์ และกำลังเจรจาขายหุ้นให้พนักงานปัจจุบันและอดีตที่อาจดันมูลค่าบริษัทขึ้นถึง 500 พันล้านดอลลาร์ รายได้ส่วนใหญ่มาจากการสมัครใช้งาน ChatGPT เวอร์ชันพรีเมียมและการให้สิทธิ์ใช้โมเดลกับภาคธุรกิจ
เพื่อขยายฐานการใช้งาน OpenAI ยังประกาศให้หน่วยงานรัฐบาลกลางสหรัฐเข้าถึง ChatGPT ได้ในราคาเพียง 1 ดอลลาร์ต่อปี และเพิ่งปล่อยโมเดลเปิดฟรี 2 รุ่นแข่งกับ DeepSeek และ Meta ในสัปดาห์เดียวกัน
อ้างอิง: OpenAI The Guardian Bloomberg และ Fortune