โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

"เก๋ ชลลดา" ปวดหัวทรมาน รู้จักโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ จากเชื้อไวรัสเริมขึ้นสมอง

คมชัดลึกออนไลน์

อัพเดต 9 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

จากข่าว "เก๋ ชลลดา เมฆราตรี" นักแสดงและนางแบบชื่อดัง เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน หลังมีอาการปวดหัวรุนแรงผิดปกติ จนตรวจพบว่าป่วยเป็น "โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ (Meningoencephalitis)" ซึ่งเกิดจากเชื้อไวรัสเริมที่ลุกลามขึ้นสมอง ล่าสุดเจ้าตัวอัปเดตอาการว่าพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ยังต้องพักรักษาตัวและรับยาฆ่าเชื้ออย่างต่อเนื่อง

ทางด้านคุณ หมอโอ๊ค DoctorSixpack ได้ออกมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับ โรคเยื่อบุสมองอักเสบ (เชื้อไวรัสเริม) - Viral Meningitis

 หมอโอ๊ค DoctorSixpack 

โรคคืออะไร?

  • เยื่อบุสมองอักเสบจากเชื้อไวรัสเริม (Herpes Simplex Viral Meningitis) เป็นโรคติดเชื้อที่เกิดจากไวรัสเริม (Herpes Simplex Virus) ซึ่งทำให้เยื่อหุ้มสมองและไขสันหลังเกิดการอักเสบและบวม เยื่อหุ้มสมองคือชั้นเยื่อบางๆ ที่ทำหน้าที่ปกป้องสมองและไขสันหลัง

ไวรัสเริมที่เป็นสาเหตุแบ่งออกเป็น 2 ประเภท

  • HSV-1 (Herpes Simplex Virus Type 1)** - มักพบในช่องปากและใบหน้า
  • HSV-2 (Herpes Simplex Virus Type 2)** - มักพบในอวัยวะเพศ
  • ทั้งสองประเภทสามารถก่อให้เกิดเยื่อบุสมองอักเสบได้ โดย HSV-2 มักพบในผู้ใหญ่มากกว่า

อาการของโรค

อาการหลัก (Classic Triad)

1. ปวดศีรษะรุนแรงมาก - เจ็บปวดที่รุนแรงกว่าไมเกรนปกติ

2. คอแข็ง- ไม่สามารถก้มคอลงได้ คอจะแอ่นไปข้างหลัง

3. ไข้สูง- มักจะขึ้นลงตลอดเวลาแม้รับประทานยาลดไข้

อาการเพิ่มเติม

  • คลื่นไส้และอาเจียนรุนแรง
  • กลัวแสง (Photophobia)
  • ง่วงซึม หรือเฉื่อยชา
  • ความจำเสื่อม หรือสับสน
  • ชักในบางกรณี
  • ผื่นแดงในบางราย

ไวรัสเริมแพร่เชื้อได้หลายทาง

  • การสัมผัสโดยตรง - ผ่านการจูบ หรือสัมผัสกับแผลที่ติดเชื้อ
  • การมีเพศสัมพันธ์ - โดยเฉพาะ HSV-2
  • การคลอดบุตร - แม่ติดเชื้อถ่ายทอดให้ลูก
  • การใช้ของส่วนตัวร่วมกัน - แก้วน้ำ ช้อนส้อม ลิปสติก

ปัจจัยเสี่ยงที่เพิ่มความเสี่ยงการติดเชื้อ

  • ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ
  • ความเครียดมาก
  • พักผ่อนไม่เพียงพอ
  • ภาวะก่อนวัยทอง (Premenopause)
  • การมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย
  • อายุมากหรือน้อยมาก

ปัจจัยที่ทำให้อาการรุนแรง

  • ระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง
  • โรคประจำตัว เช่น เบาหวาน
  • การใช้ยาลดภูมิคุ้มกัน
  • ผู้สูงอายุและเด็กทารก

การวินิจฉัย

การตรวจทางห้องปฏิบัติการ

1. การเจาะน้ำไขสันหลัง (Lumbar Puncture)

- เป็นการตรวจที่สำคัญที่สุด

- ตรวจหา DNA ของไวรัสเริมในน้ำไขสันหลัง

- ตรวจนับเซลล์เม็ดเลือดขาวที่เพิ่มขึ้น

2. การตรวจเลือด

- ตรวจหาแอนติบอดี้ของไวรัสเริม

- ตรวจนับเซลล์เม็ดเลือดขาว

- ตรวจหาการอักเสบในร่างกาย

3. การตรวจทางภาพ

- CT Scan หรือ MRI สมอง - เพื่อดูการบวมของสมอง

- EEG - ตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง หากสงสัยว่ามีการติดเชื้อในสมอง

การรักษาด้วยยา

1. ยาต้านไวรัส (Antiviral Drugs)

- Acyclovir - ยาหลักในการรักษา ให้ทางหลอดเลือดดำ

- Valacyclovir

- Famciclovir

2. ยาแก้อาการ

- ยาแก้ปวดและลดไข้ (Paracetamol, NSAIDs)

- ยาลดการอักเสบ (Steroids) ในบางกรณี

- ยาป้องกันชัก หากมีอาการชัก

3. การรักษาพยุงอาการ

- การให้น้ำเกลือทางหลอดเลือด

- การควบคุมความดันโลหิต

- การดูแลระบบหายใจ

ระยะเวลาการรักษา

  • - การรักษาด้วยยาต้านไวรัสนาน 10-14 วัน
  • - ติดตามอาการอย่างใกล้ชิด 2-3 สัปดาห์
  • - ฟื้นฟูหลังจากรักษาประมาณ 2-4 สัปดาห์

การดูแลตัวเองและการฟื้นฟูระหว่างป่วย

  • - พักผ่อนให้เพียงพอ นอนหลับ 8-10 ชั่วโมงต่อวัน
  • - ดื่มน้ำมากๆ อย่างน้อย 2-3 ลิตรต่อวัน
  • - หลีกเลี่ยงแสงจ้า
  • - รับประทานอาหารที่ย่อยง่าย
  • - หลีกเลี่ยงการออกแรงมาก

หลังหายป่วย

  • - ออกกำลังกายเบาๆ ตามความสามารถ
  • - กลับมาทำงานอย่างค่อยเป็นค่อยไป
  • - ติดตามอาการซ้ำ
  • - ตรวจสุขภาพตามนัดหมายแพทย์

การป้องกันการติดเชื้อแรก

  • - หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้ป่วยที่มีแผลเริม
  • - ไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกัน
  • - มีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัย
  • - รักษาสุขภาพให้แข็งแรง
  • การป้องกันการกลับเป็นซ้ำ
  • - หลีกเลี่ยงความเครียด
  • - พักผ่อนให้เพียงพอ
  • - ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
  • - รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ดีต่อร่างกาย
  • - รับประทานยาต้านไวรัสป้องกัน หากแพทย์แนะนำ

อาการเตือนภัยที่ต้องรีบพบแพทย์

  • - ปวดศีรษะรุนแรงมาก ผิดจากเดิม
  • - ไข้สูงพร้อมคอแข็ง
  • - อาเจียนรุนแรงไม่หยุด
  • - ง่วงซึมผิดปกติ
  • - ตัวแข็ง หรือชัก
  • - มองเห็นภาพซ้อน
  • - พูดไม่ชัด หรือสับสน

ข้อมูลสำคัญที่ควรจำ

  • - **ไม่ใช่โรคที่รักษาไม่หาย - หากได้รับการรักษาที่ถูกต้องและทันเวลา
  • - การรักษาเร็วช่วยลดภาวะแทรกซ้อน- ยิ่งรักษาเร็วยิ่งดี
  • - ไม่ติดต่อทางอากาศ - ต้องสัมผัสโดยตรงจึงจะติด
  • - สามารถป้องกันได้- ด้วยการดูแลสุขภาพและหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง
  • - ติดตามอาการต่อเนื่อง - เพราะอาจมีอาการแทรกซ้อนหลังหาย

สรุป

โรคเยื่อบุสมองอักเสบจากไวรัสเริมเป็นโรคที่อันตรายได้หากไม่ได้รับการรักษาทันท่วงที แต่หากได้รับการวินิจฉัยและรักษาที่ถูกต้อง ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะหายได้อย่างสมบูรณ์ สิ่งสำคัญคือการสังเกตอาการเตือนภัย และรีบพบแพทย์ทันทีเมื่อมีอาการปวดศีรษะรุนแรงผิดปกติพร้อมกับไข้และคอแข็ง

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก คมชัดลึกออนไลน์

ราคาทอง วันนี้ 4 ส.ค. 68 เปิดตลาดคงที่ เช็กราคาทอง ล่าสุดกี่บาท

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

MGI สั่งปลด! "พิชชี่" มิสแกรนด์กัมพูชา สาเหตุมงหลุด เพราะปล่อยเฟคนิวส์

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

"ฮุน เซน" ไม่หลับไม่นอน ตี 3 โพสต์นั่งทำงานอยู่ พร้อมจิบกาแฟ

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

"หน่อง ธนา" ฟาดกลับเบาๆ แต่เจ็บจี๊ด! หลังชาวเน็ตทำแบบนี้กับ "น้องวันใหม่"

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความไลฟ์สไตล์อื่นๆ

วิดีโอ

ปรับก่อนป่วย : ถนนคนเดินวิถีสุขภาพดี

Thai PBS

เก้า-นพเก้า ร่วมพิสูจน์ความหอมของน้ำหอมใหม่ SÌ Passione Red Musk

THE STANDARD

มะเร็งปอดคุกคามหญิงไทยไม่สูบบุหรี่ แพทย์เร่งเตือนตรวจคัดกรองก่อนสาย

ประชาชาติธุรกิจ

วันหยุดสิงหาคม 2568 หยุดยาว 4 วันเต็ม ช่วงวันแม่แห่งชาติ

TNN ช่อง16

ชงครม.ไฟเขียวตั้ง'สหกรณ์สกสค.'ส.ค.นี้ การันตีดอกเบี้ยต่ำ-เริ่มลงทะเบียนต.ค.

MATICHON ONLINE

4 ส.ค. ร้อนสุดๆ 'ดร.เสรี' ชี้ชะตาโลกแขวนบนเส้นด้าย หมดแรงก่อนบรรลุ SDGs 2030

กรุงเทพธุรกิจ

Labubu x POP MART การจับมือที่ดีสุดกับเหล่าแบรนด์ที่คุณควรค่าแก่การมี

LSA Thailand

ทำไมเรียก "ซุบหน่อไม้" ทั้งที่เมนูฮิตในร้านส้มตำนี้ไม่เหมือน soup แบบ "ซุปฝรั่ง"

ศิลปวัฒนธรรม

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...