“ทรัมป์” ป่วนไม่เลิก กูรูแนะรอจังหวะ 3,265 ดอลลาร์ เก็บทองเข้าพอร์ต
นางสาวอารีรัตน์ มุราชัย หัวหน้านักวิเคราะห์ บริษัท จีแคป จำกัด หรือ GCAP GOLD เปิดเผยว่า ทิศทางราคาทองคำในสัปดาห์นี้ (31 ก.ค. - 3 ส.ค. 68) ยังคงมีความผันผวนสูง โดยได้รับแรงกดดันจากความไม่แน่นอนทั้งด้านภูมิรัฐศาสตร์และนโยบายการเงิน
หนึ่งในปัจจัยสำคัญคือการแถลงของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งส่งสัญญาณเดินหน้านโยบายเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากประเทศที่ยังไม่มีข้อตกลงการค้ากับสหรัฐฯ โดยกำหนดอัตราภาษีไว้ที่ 15 - 20% และเตรียมเรียกเก็บภาษียาในอนาคตอันใกล้ การกดดันเช่นนี้อาจสร้างความผันผวนในระบบเศรษฐกิจโลก และเพิ่มความไม่แน่นอนในการค้าระหว่างประเทศในระยะถัดไป
นอกจากนี้ ทรัมป์ยังได้กำหนดเส้นตายใหม่ให้รัสเซีย ลดเวลาการเจรจาลงจาก 50 วัน เหลือเพียง 10 - 12 วัน พร้อมขู่ว่าหากการเจรจากับยูเครนไม่มีความคืบหน้าสหรัฐฯ จะใช้มาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติม สถานการณ์นี้อาจทำให้เกิดแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้น
อีกประเด็นที่ต้องจับตาคือ สัญญาณจากทรัมป์ที่พยายามกดดันธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ให้ลดอัตราดอกเบี้ย เพื่อช่วยลดภาระงบประมาณและกระตุ้นเศรษฐกิจ หากเฟดมีท่าทีผ่อนคลายทางการเงินจริง จะส่งผลเชิงบวกต่อราคาทองคำ โดยนักลงทุนยังต้องติดตามผลการประชุมเฟดในวันนี้ (30 ก.ค.)
ทั้งนี้ คาดว่าเฟดน่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิม 4.25 - 4.50% ขณะเดียวกันยังต้องติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญในวันศุกร์นี้ โดยเฉพาะข้อมูลตลาดแรงงานของสหรัฐฯ ซึ่งคาดว่าอัตราการว่างงานจะปรับขึ้นจาก 4.1% เป็น 4.2%
ส่วนการจ้างงานนอกภาคเกษตรอาจลดลงจาก 147,000 ตำแหน่ง เหลือ 108,000 ตำแหน่ง ตัวเลขเหล่านี้ถือเป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองคำ
ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุนในสัปดาห์นี้แนะนำให้นักลงทุนรอจังหวะเข้าซื้อเมื่อราคาทองคำปรับลงสู่บริเวณ 3,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และ 3,280 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือเทียบเท่าราคาทองคำไทยประมาณ 50,800 – 50,500 บาท ซึ่งเป็นโซนสำคัญที่ราคามีโอกาสดีดกลับได้ทันที หรืออาจทรงตัวก่อนปรับขึ้นในลำดับถัดไป
ถือเป็นจังหวะที่ดีสำหรับการสะสมทองคำทั้งระยะสั้นและระยะกลาง แต่อย่างไรก็ดี หากราคาทองคำปรับตัวลงต่ำกว่า 3,265 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จะเริ่มส่งสัญญาณลบต่อแนวโน้มขาขึ้นของรอบนี้ นักลงทุนจึงควรระมัดระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด