แม้วทรยศชาติตัวเอง ‘ฮุนเซน’แฉรายงานทุกวันส่งเอกสารลับ‘อภิสิทธิ์’ให้ด้วย
“ฮุน เซน” มาแล้ว ย้อนเกล็ดวาทะ “ทักษิณ” มัดประเทศไทยแหล่งค้ายา-ฟอกเงิน ซัดไม่แปลก "แม้ว" ทรยศเพื่อน เพราะกับบ้านเกิดแท้ๆ ยังทำมาแล้ว ชี้ต้องใช้เวลากว่า 3 ชม.ถึงจะร่ายพฤติกรรมได้หมด ทวงบุญคุณเข้าไทยได้เพราะใคร อย่ามาหยาบคาย “ภูมิธรรม-วิสุทธิ์” ไม่ให้ราคาพ่อมดเขมร “หมอมิ้ง” แย้มอาจขอขยายเวลายื่นสู้คดีคลิปลุงฮุน “ป.ป.ช.” มีมติตั้งองค์คณะไต่สวนแล้ว “สุชาติ-ประภาศ” กุมบังเหียน
เมื่อวันจันทร์ที่ 14 กรกฎาคม 2568 ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ได้โพสต์เฟซบุ๊กเป็นภาษากัมพูชาและภาษาอังกฤษระบุว่า ขอเรียกร้องให้ผู้นำโลกและอาเซียนยอมรับข้อกล่าวอ้างของนายทักษิณ ชินวัตร โดยเมื่อวันที่ 9 ก.ค. นายทักษิณได้ยอมรับต่อสาธารณชนระหว่างการให้สัมภาษณ์ทางโทรทัศน์ในประเทศไทยว่า กลุ่มผู้หลอกลวงออนไลน์รายใหญ่ได้อาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์หรูหรามูลค่าหลายพันล้านบาทในกรุงเทพฯ และเดินทางไปมาอย่างอิสระจากประเทศเพื่อนบ้าน
“ขอเรียกร้องให้ผู้นำโลกและผู้นำอาเซียนตระหนักถึงการเปิดเผยของทักษิณ นอกจากนี้ ผมขอเรียกร้องให้นักการเมืองไทยหยุดกล่าวโทษกัมพูชาโดยไม่มีหลักฐาน ขณะเดียวกันกลับเพิกเฉยต่อประเทศของตนเอง ซึ่งกลายเป็นแหล่งหลบภัยของกลุ่มต้มตุ๋น ผู้ค้ายาเสพติด และเครือข่ายฟอกเงิน”
ฮุน เซนโพสต์อีกว่า ก่อนหน้านี้นายกรัฐมนตรีไทยซึ่งปัจจุบันถูกพักราชการ ได้กล่าวว่าการปิดพรมแดนกับกัมพูชาเพื่อปราบปรามการพนันออนไลน์ ถือเป็นการผิดศีลธรรมทางการเมืองอย่างร้ายแรงในความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน ประเด็นดังกล่าวขอเรียกร้องให้รัฐบาลในภูมิภาคร่วมมือกันแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติทุกรูปแบบ แต่เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา นายทักษิณประกาศว่าจะไม่มีสงครามระหว่างกองทัพของทั้งสองประเทศ แต่กลับบอกว่านี่คือการแข่งขันกระโดดน้ำ ใครอยู่ใต้น้ำได้นานกว่าจะเป็นผู้ชนะ
“การตีความของผม ทักษิณกำลังหมายถึงความอดทนที่จำเป็นในการประคับประคองการปิดพรมแดน โดยบอกเป็นนัยว่าฝ่ายที่ทนได้นานกว่าจะเป็นฝ่ายชนะ หากเป็นเช่นนั้น ผู้บงการเบื้องหลังการปิดพรมแดนก็ไม่ใช่ใครอื่น นอกจากทักษิณเอง กัมพูชามุ่งมั่นที่จะเล่นเกมนี้ไม่ว่าจะใช้เวลานานแค่ไหน ความกังวลที่แท้จริงคือ ผู้ที่ผลักดันเกมนี้จะพังทลายลงก่อนที่เกมจะจบลงหรือไม่”
ฮุน เซนโพสต์อีกว่า สักวันหนึ่งอาจต้องใช้เวลามากกว่า 3 ชั่วโมงเพื่อพูดถึงทักษิณอย่างถ่องแท้ เพราะเคยช่วยเหลือเขามาตั้งแต่ปี 2549 ถึง 2568 ค่ำวันที่ 15 มิ.ย. ทักษิณได้แจ้งผ่านเคลียง ฮวด ว่าอนุทิน หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ต้องถูกปลดออกจากตำแหน่ง เพื่อให้พรรคเพื่อไทยเข้ามาควบคุมกระทรวงมหาดไทยได้ ตนจึงตอบกลับไปว่า “ปลดเขาออกไป และเตรียมพร้อมที่จะถูกปลด”
“ผมไม่แปลกใจกับการทรยศของทักษิณ เขาทรยศแม้กระทั่งชาติบ้านเมืองของเขาเอง ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาจะทรยศต่อคนต่างสัญชาติอย่างผม แต่ทักษิณไม่ควรลืมเรื่องราวมากมายที่เขาสารภาพกับผม ขณะที่ขอคำแนะนำจากผม เช่น การปลดรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมภายใน 24 ชั่วโมง และการดูหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยทั้งในอดีตและปัจจุบัน”
ฮุน เซนยังโพสต์ด้วยว่า ปัญญาชนไทยบางคนได้แสดงความคิดเห็นว่า ตนเข้าใจภูมิทัศน์การเมืองไทยได้อย่างชัดเจน แล้วตนจะไม่เข้าใจได้อย่างไร ในเมื่อทักษิณคอยรายงานความคืบหน้าและขอความเห็นจากตนเกือบทุกวัน ทุกสัปดาห์ หรือทุกเดือน ขึ้นอยู่กับปริมาณงานของเขา ทั้งๆ ที่เรื่องทั้งหมดนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกิจการของกัมพูชาเลย แต่เกี่ยวกับการเมืองของเขาในประเทศไทยต่างหาก
สำนักข่าว Kampuchea Thmey Daily รายงานว่า ฮุน เซนได้เปิดเผยในการประชุมใหญ่วิสามัญของวุฒิสภาเมื่อเช้าวันที่ 14 ก.ค.ว่า นายทักษิณได้ส่งเอกสารลับจากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีของไทยในปี 2553 เกี่ยวกับโครงการให้ทุนสนับสนุนการก่อสร้างถนนหมายเลข 68 ของไทยไปยังกัมพูชาตามแนวชายแดน และได้รับข้อมูลจากทักษิณว่า นายอภิสิทธิ์จะอายัดเงินเพื่อชะลอการดำเนินโครงการก่อสร้างถนน จึงประกาศว่าจะไม่รับความช่วยเหลือทางการเงินนี้
“หากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากนายกฯ ทักษิณอาจไม่สามารถเข้ามาในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ ทักษิณอย่าหยาบคายใส่ผม” ฮุน เซนประกาศ
ไม่ให้ราคาพ่อมดเขมร
ด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย รักษาราชการแทนนายกฯ กล่าวเรื่องนี้ว่า ยังเชื่อฮุน เซนอีกหรือ พูดหรือโพสต์อะไร อีกวันบอกไม่ใช่ เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาตลอด ยังเชื่ออีกหรือว่าเขามีความหวังดีกับประเทศเรา ก็ต้องคิด ไม่ใช่ว่าเขาพูดอะไรมา เราก็มาตื่นเต้น ไปหวั่นไหวกับสิ่งที่เขาพูด ต้องดูที่คนพูดว่ามีเครดิตแค่ไหน
เมื่อถามว่าต้องแก้เกมอะไรหรือไม่ หรือต้องทำความเข้าใจกับประชาชน นายภูมิธรรมกล่าวว่า อะไรที่ต้องทำก็ทำ
นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ และประธาน สส.พรรคเพื่อไทย กล่าวเช่นกันว่า พ่อมดเขมรไม่สนใจ ไม่ให้ความสำคัญไม่ให้ราคา หากไปฟังที่เขาแทรกแซงการเมืองไทย เราจะไปเชื่อเขาหรือ ตนไม่เชื่อถือและไม่เรียกฮุน เซน แต่เรียกพ่อมดด้วยซ้ำไป พ่อมดเขมร
นายกษิต ภิรมย์ อดีต รมว.การต่างประเทศ โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า "ทักษิณและฮุน เซน จูบปากกันมานานหลายสิบปี แต่มาบัดนี้มีความบาดหมางกัน และได้ดึงเอาประเทศไทยและกัมพูชา รวมทั้งประชาชนพลเมืองเข้าไปเกี่ยวข้องรับเคราะห์กรรมด้วย ทางออกคือ ทักษิณ และฮุน เซน ต้องไปทะเลาะกันที่อื่น และวางมือจากการเมือง เพื่อให้ประเทศไทยและประเทศกัมพูชาได้เริ่มต้นปรับความสัมพันธ์กันใหม่"
นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน ปราศรัยเวทีความจริงมีหนึ่งเดียว ครั้งที่ 3 ที่หอประชุมเล็ก (ศรีบูรพา) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อวันที่ 13 ก.ค.ระบุว่า ต้องเอานายกฯ จากตระกูลชินวัตรออกจากแผ่นดินไทย แล้วเปิดทางให้คนที่เห็นแก่ประโยชน์ชาติมากกว่าประโยชน์ส่วนตัวมาเป็นผู้ปกครอง เพื่อปิดโอกาสคนเสือกได้มีอำนาจในประเทศ
“วันนี้ประเทศไทยเปลี่ยนแปลงการปกครองมาถึงยุคคำว่าเสือกเป็นคำที่มีอำนาจสูงสุด และ สทร.กลายเป็นตำแหน่งที่ใหญ่กว่า สร.1 แล้วคนเสือกทุกเรื่องใครก็กลัว จนทำให้ประเทศไม่ได้ปกครองในระบอบประชาธิปไตย แต่เป็นประชาธิปเสือก ซึ่งเป็นการปกครองของเสือก โดยเสือก และเพื่อเสือก ไม่มีใครทำอะไรคนเสือกได้” นายจตุพรระบุ
นายจตุพรยังกล่าวถึงกรณีนายทักษิณให้สัมภาษณ์เรื่องคลิปเสียง น.ส.แพทองธารกับฮุน เซน เมื่อวันที่ 9 ก.ค.ว่า เป็นการพูดเท็จและโคตรโกหกที่สุด โดยสร้างเรื่องเล่าขึ้นมาใหม่เกี่ยวกับคลิปเสียงหลุด เพราะถ้านายทักษิณไม่เตรียมการนัดแนะกับฮุน เซนมาก่อน คงไม่กล้าพูด เพราะเรื่องเล่าของทักษิณไม่มีข้อเท็จจริงที่นายกฯ อุ๊งอิ๊งแถลงข่าวปฏิเสธมาแล้วถึง 4 ครั้งเลย
“นายทักษิณออกมาพูดเรื่องเล่านี้ในวันที่ 9 ก.ค. ซึ่งเป็นวันยื่นหมูยื่นแมวกรณีพรรคเพื่อไทยถอนร่าง พ.ร.บ.บ่อนกาสิโนออกจากที่ประชุมสภาเรียบร้อยแล้ว คงหวังว่าฮุน เซนได้สบายใจ ดังนั้นสิ่งที่ผิดใจกันมาตลอดจึงเจ๊ากันไป เรื่องเล่านี้เป็นผลประโยชน์ส่วนตัวทั้งสิ้น และหลังจากนี้ประเทศชาติจะเสียประโยชน์ ไทยเสมือนหนึ่งตกเป็นเมืองขึ้นของกัมพูชา เมื่อขัดใจฮุน เซนจะส่งเสียงดังตามมา เอาคลิปข่มขู่อีก แต่เมื่อสมประโยชน์แล้วก็เงียบกริบ ถ้าวันหน้าจะเอาประโยชน์อีกคงนำคลิปมาเปิดอีก”
อิ๊งค์จ่อขยายเวลา
สำหรับความคืบหน้าการยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อศาลรัฐธรรมนูญของ น.ส.แพทองธารในเรื่องคลิปเสียงนั้น นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงการประชุมของศาลรัฐธรรมนูญประจำสัปดาห์ในวันพฤหัสบดีที่ 17 ก.ค.ว่า หากขอขยายระยะเวลาการชี้แจงก็สามารถขยายได้ ส่วนจะขอกี่ครั้งหรือเวลาเท่าไหร่นั้น ขอให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้ประชุมก่อน แต่อย่างน้อยสามารถขอขยายเวลา 1 ครั้งได้อยู่แล้ว
ทั้งนี้ นายนครินทร์ปฏิเสธให้ความเห็นเกี่ยวกับการพิจารณาจริยธรรมว่ามีขอบข่ายอย่างไร เนื่องจากคดียังอยู่ในชั้นการพิจารณา รวมถึงไม่กล่าวเรื่องกรอบระยะเวลา โดยย้ำว่าขอให้เป็นไปตามกระบวนการ
ส่วนนายภูมิธรรมกล่าวเรื่องนี้ว่า เข้าใจว่าน่าจะขยายเวลาไปอีก 15 วันเพื่อแก้ข้อกล่าวหา แต่ไม่แน่ใจเหตุผลและรายละเอียด ต้องสอบถามนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง ส่วนจะใช้ทีมกฎหมายเดิมหรือทีมใหม่หรือไม่ก็ไม่แน่ใจ ต้องถาม น.ส.แพทองธาร
นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกฯ ยอมรับว่า ขณะนี้กำลังเตรียมการอยู่ ถ้าไม่ทันก็ต้องมีการขอเลื่อนออกไป ซึ่งทีมกฎหมายของนายกฯ ก็มีชุดของท่าน แต่จะมาจากทางไหนก็แล้วแต่ ก็ขึ้นอยู่กับท่าน
ถามว่าจะใช้ประเด็นไหนสู้คดี นพ.พรหมินทร์กล่าวว่า ความเป็นจริง เจตนาเพื่อจะรักษาผลประโยชน์ของประเทศ และการสื่อสารที่ชัดเจน รวมถึงกระบวนการที่ผ่านมา ทั้งนี้เขา (ฮุน เซน) ใช้ประโยชน์จากวิธีการต่างๆ ที่ไม่เหมาะสม เช่นเอาคลิปสนทนาส่วนตัวมาเผยแพร่ แต่ทั้งนี้หากฟังในเนื้อหาจะเห็นว่า เจตนาทั้งหมดเป็นการรักษาผลประโยชน์ของชาติ ด้วยวิธีการสื่อสารกับคนที่ไม่ได้เป็นตัวแทนรัฐบาล
เมื่อถามถึงกรณีนายทักษิณระบุว่า นายกฯ มีเจตนาที่บริสุทธิ์และถูกหลอกให้อัดเสียง ถือเป็นข้อต่อสู้ในศาลได้ นพ.พรหมินทร์กล่าวว่า ตนอยู่ในเหตุการณ์ด้วย นายกฯ ได้รับการติดต่อมา และถูกเลื่อนนัด 2-3 ครั้ง ซึ่งนายกฯ ไม่สบายใจที่ต้องคุยก็เลยติดต่อมาที่ตนเอง และตนก็ได้เชิญนายภูมิธรรมและ รมว.กต.เข้าไปนั่งฟังด้วย ซึ่งระหว่างเจรจานายฮวด ล่ามแปลภาษาก็บอกว่า เขาจบไม่ได้ต้องหารือฮุน เซนก่อน ก็เลยต่อสายไปที่ฮุน เซน เราก็นั่งรอ และเขาก็ถ่ายภาพฮุน เซน ที่กำลังนอนหลับ ส่งมาให้เรา และฝ่ายเราก็แจ้งให้ปลุกขึ้นมาเพราะนี่เป็นเรื่องใหญ่ แต่เขาไม่ได้ทำตาม
เมื่อถามว่า 3 คนที่อยู่ร่วมกับนายกฯ จะเป็นพยานให้ด้วยใช่หรือไม่ นพ.พรหมินทร์กล่าวว่า หากมีความจำเป็นต้องยืนยัน เราก็อยู่ในเหตุการณ์ และมีหลักฐานต่างๆ ครบ มีพยานเยอะแยะว่าเหตุการณ์วันนั้นไปพูดคุยเตรียมความพร้อมที่ไหนบ้าง เรายืนยันเจตนา ที่สำคัญหารือใกล้ชิดกับผู้เกี่ยวข้องตลอดเวลา โดยเฉพาะกองทัพ ไม่ได้มีอะไรอย่างที่เขากล่าวหา
ป.ป.ช.ตั้งองค์คณะฟันคลิป
ด้านสำนักข่าวอิศรารายงานว่า เมื่อวันที่ 14 ก.ค. ที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติเอกฉันท์แต่งตั้งองค์คณะไต่สวน กรณี น.ส.แพทองธารกระทำการฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง กรณีมีการเผยแพร่คลิปเสียงสนทนาระหว่าง น.ส.แพทองธารกับสมเด็จฮุน เซน โดยมีนายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข ประธาน ป.ป.ช. และนายประภาศ คงเอียด กรรมการ ป.ป.ช. ร่วมเป็นองค์คณะไต่สวน หลังจากที่ก่อนหน้านี้ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติเอกฉันท์ให้รับตรวจสอบเบื้องต้นกรณีนี้ โดยกำหนดกรอบเวลาให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงภายใน 10 วัน
นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการ ป.ป.ช. กล่าวเรื่องนี้ว่ายังไม่ทราบ เพราะมาประชุมคณะอนุกรรมาธิการแผนบูรณาการ ในคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 สภาผู้แทนราษฎรตั้งแต่เช้า
ส่วนที่สำนักงานอัยการสูงสุด พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบก.สอท.) 1 ได้นำสำนวนคดีปล่อยคลิปเสียงสนทนาระหว่าง น.ส.แพทองธาร และสมเด็จฮุน เซน ส่งมอบให้อัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการสอบสวนการกระทำความผิดนอกราชอาณาจักรตามกฎหมาย
พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ระบุว่า พนักงานสอบสวนได้ดำเนินกระบวนการตามกฎหมายทุกประการ ซึ่งตอนนี้อำนาจการสอบสวนได้โอนไปยังอัยการสูงสุดเป็นที่เรียบร้อย เน้นย้ำว่าไม่ใช่เป็นการดำเนินคดีแก้เกี้ยว เมื่อมีคนแจ้งความร้องทุกข์ ตำรวจก็ต้องดำเนินการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานและดำเนินคดีหากพบความผิด แต่ยอมรับว่าคดีนี้เป็นคดีที่ละเอียดอ่อน เพราะอาจกระทบกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ทางตำรวจจึงต้องทำสำนวนคดีอย่างรอบคอบและเป็นไปตามพยานหลักฐานที่มี
ด้านนายศักดิ์เกษม นิไทรโยค ผู้ตรวจการอัยการและโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า หลังจากนี้ อสส.จะนำสำนวนไปตรวจสอบเพื่อลงความเห็นว่าเป็นคดีนอกราชอาณาจักรหรือไม่ โดยอัยการจะดำเนินการพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบ เพราะมีผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แต่ไม่กดดันในการทำงาน เพราะทางอัยการดำเนินการตามพยานหลักฐาน
ย้ำอดทนอดกลั้น
วันเดียวกัน พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย ในฐานะโฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) แถลงผลการประชุม ศบ.ทก.ว่า ที่ประชุมขอบคุณประชาชนชาวไทยที่ได้ใช้เวลาวันหยุดไปท่องเที่ยวกลุ่มปราสาทตาเมือนธม เพียง 1 สัปดาห์ ช่วงวันที่ 6-12 ก.ค. 2568 ก็มีจำนวนกว่า 18,000 คน และปราสาทตาควาย 2,800 คน ถือว่าเป็นการช่วยเหลือเศรษฐกิจในพื้นที่ได้อย่างอย่างดี รวมถึงได้เปิดโอกาสให้ประชาชนได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ความเป็นมาของไทยในพื้นที่จริง
พล.ร.ต.สุรสันต์ยังกล่าวถึงกรณีนักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชา (ชุดประสานงานที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม) ว่าฝ่ายไทยได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อไม่ให้เกิดการกระทบความสัมพันธ์กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทั้ง 2 ฝ่าย ยืนยันว่าไม่สนับสนุนให้ใช้ความรุนแรงไม่ว่าฝ่ายใด โดยในช่วงสถานการณ์ที่มีความตึงเครียดและมีการยั่วยุ ขอบคุณทุกภาคส่วนที่ใช้ความอดทนอดกลั้น
ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ ผู้อำนวยการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ รักชาติ อย่าใช้อารมณ์ในเหตุการณ์ดังกล่าวว่า เข้าใจความรู้สึกของพี่น้องคนไทย แต่ไม่เห็นด้วยกับการกระทำดังกล่าว เราควรต้องอดทนอดกลั้น เพราะหากเกิดการทำสงครามหรือสู้รบขึ้น จะเกิดความเสียหายทั้งสองฝ่าย โดยเฉพาะกับประเทศเรา ซึ่งฐานเศรษฐกิจและรายได้ประชากรสูงกว่าเขามาก หากมีสงครามเกิดขึ้นมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจของเราก็ย่อมมากขึ้นเป็นเงาตามตัว
“เราต้องอดทนอดกลั้น ผลกระทบของการขัดแย้งในวันนี้ ก็เริ่มเกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศแล้ว แต่ประเทศเรามีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงกว่าจะทำให้เรายืนระยะได้นานกว่า ในวันหนึ่งข้างหน้า ประชาชนของเขานั่นแหละจะบอกผู้นำเขาว่าให้เลิกทะเลาะกับไทยได้แล้ว”
ขณะที่ฮุน มานี รองนายกฯ กัมพูชาและ รมว.กระทรวงบริการสาธารณะ และประธานสหภาพสหพันธ์เยาวชนกัมพูชา บุตรคนที่ 5 ของฮุน เซน โพสต์เฟซบุ๊กเรื่องนี้ว่า เราชาวกัมพูชาและชาวโลกจะเฝ้าดูและตัดสินการกระทําของการยั่วยุและการรุกราน เราชาวกัมพูชาอยู่เคียงข้างผู้นําของเรา เรียกร้องให้ใช้การยับยั้งชั่งใจมากที่สุด ในการเผชิญหน้ากับการดําเนินต่อไป และไม่มีวันสิ้นสุดการยั่วยุในรูปแบบที่แตกต่างกัน ราชอาณาจักรกัมพูชาต้องการความสงบสุข ความร่วมมือและการพัฒนาเพื่อนบ้านที่ดีเพื่อประโยชน์ของชาวกัมพูชาและอื่นๆ.