เหตุปะทะชายแดนไทย – กัมพูชา ผบ.ตร.สั่งแผนเผชิญเหตุขั้นสูงสุด ควบคุมสถานการณ์ – เร่งช่วยเหลือประชาชน
เหตุปะทะชายแดนไทย – กัมพูชา ผบ.ตร.สั่งแผนเผชิญเหตุขั้นสูงสุด ควบคุมสถานการณ์ – เร่งช่วยเหลือประชาชน
วันที่ 24 กรกฎาคม 2568 พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีคำสั่งด่วนให้ พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รอง ผบ.ตร. เดินทางด่วนจากกรุงเทพมหานครลงพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ เพื่อควบคุมสถานการณ์ร่วมกับ พล.ต.ท.วัฒนา ยี่จีน ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่แนวชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ทั้งนี้ ได้มีการประกาศใช้ “แผนเผชิญเหตุขั้นสูงสุด” โดยบูรณาการร่วมกับกองทัพภาคที่ 2, ฝ่ายปกครอง และหน่วยข่าวกรอง เพื่อควบคุมพื้นที่ปะทะและป้องกันเหตุรุนแรงซ้ำซ้อน
พล.ต.ท.วัฒนา ยี่จีน ได้สั่งระดมแผนเผชิญเหตุเต็มรูปแบบ และบูรณาการกำลังร่วมกับหน่วยทหาร ฝ่ายปกครอง และหน่วยข่าวกรองในพื้นที่ โดยตำรวจจากหน่วย ตชด., EOD, หน่วยปฏิบัติการพิเศษ และควบคุมฝูงชน ได้รับคำสั่งสนับสนุนภารกิจปิดล้อม ตรวจค้น และลาดตระเวนเต็มพื้นที่แนวชายแดน
ในเวลา 16.00 น. ของวันเดียวกัน พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รอง ผบ.ตร., พล.ต.ท.วัฒนา ยี่จีน ผบช.ภ.3, และ พล.ต.ต.สุคนธ์ ศรีอรุณ ผบก.ภ.จว.สุรินทร์ ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมศูนย์พักพิงช่วยเหลือผู้อพยพ ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ โดยมี นายชำนาญ ชื่นตา ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ พร้อมหัวหน้าส่วนราชการ ให้การต้อนรับและร่วมประชุมติดตามสถานการณ์ รวมถึงได้ลงพื้นที่ให้กำลังใจผู้บาดเจ็บและเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานอย่างใกล้ชิด
พล.ต.ต.สุคนธ์ ศรีอรุณ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์ ได้สั่งการและประสานงานให้ทุกสถานีตำรวจในสังกัด จัดกำลังเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ศูนย์พักพิงต่าง ๆ ทั่วจังหวัดสุรินทร์ เพื่อดูแลความปลอดภัย อำนวยความสะดวก และให้การช่วยเหลืออย่างใกล้ชิดแก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุปะทะบริเวณชายแดน พร้อมเน้นย้ำการทำงานด้วยความห่วงใย เอื้ออาทร และเข้าถึงจิตใจของประชาชนในยามวิกฤต
ในโอกาสเดียวกัน คุณอมรรัตน์ ผลประเสริฐ ประธานแม่บ้านตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์ พร้อมด้วยคณะแม่บ้านตำรวจภูธรฯ ได้ลงพื้นที่ศูนย์พักพิง ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ เพื่อนำสิ่งของอุปโภค–บริโภค และเครื่องใช้จำเป็น มอบให้แก่ประชาชนผู้อพยพและครอบครัว โดยมีการพูดคุยให้กำลังใจ สร้างความอบอุ่นและความมั่นใจว่า “ตำรวจจะไม่ทอดทิ้งประชาชน”
บรรยากาศในศูนย์พักพิงเปี่ยมด้วยความร่วมแรงร่วมใจ ทั้งจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ จิตอาสา และภาคประชาชน ที่ร่วมกันช่วยเหลือ ดูแล และแบ่งปันน้ำใจในยามยาก ส่งผลให้ผู้ประสบภัยคลายความกังวลใจ และรู้สึกถึงความปลอดภัยภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดของภาครัฐ ทั้งนี้ การปฏิบัติการช่วยเหลือครั้งนี้สะท้อนถึงพลังความสามัคคีของตำรวจและครอบครัวตำรวจในพื้นที่ ที่ยืนหยัดเคียงข้างประชาชน ไม่เพียงในภารกิจด้านความมั่นคง แต่ยังรวมถึงการเป็นหลักให้สังคมในยามเกิดวิกฤต