รมว.กต. แจ้ง UN แล้ว “กัมพูชาโจมตีก่อน” เตรียมยื่น ICRC- ICC ฐานอาชญากรรมสงคราม
“มาริษ” ประชุม UNSC ไม่มีมติใดๆ แค่เรียกร้องสองฝ่ายยับยั้งชั่งใจ แจ้งนานาชาติแล้ว “กัมพูชาโจมตีก่อน” ไทยอดทนแต่ต้องป้องกันตนเอง เตรียมนำเรื่องโจมตีพลเรือนยื่น ICRC-ICC ฐานอาชญากรรมสงคราม
26 กรกฎาคม 2568 - นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แถลงหลังเดินทางกลับจากการประชุมที่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก โดยยืนยันว่าได้ชี้แจงกับประชาคมระหว่างประเทศแล้วว่า กัมพูชาเป็นฝ่ายเปิดฉากโจมตีก่อน และการกระทำของกัมพูชาที่มุ่งเป้าหมายที่ไม่ใช่ทางทหาร เช่น โรงพยาบาล โรงเรียน ปั๊มน้ำมัน และร้านสะดวกซื้อ ถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ กฎบัตรสหประชาชาติ และกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีเด็กอายุ 8 ขวบเสียชีวิต
นายมาริษกล่าวว่า ไม่มีประเทศใดจะยอมรับการกระทำเหล่านี้ได้ และกัมพูชา ซึ่งอ้างตัวเป็นสมาชิกที่มีความรับผิดชอบของประชาคมระหว่างประเทศ กลับละเมิดหลักการพื้นฐานอย่างร้ายแรง นอกจากนี้ รมว.กต. ยังแสดงความเสียใจอย่างยิ่งต่อประชาชนและเจ้าหน้าที่ที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต พร้อมทั้งกล่าวถึงกรณีการวางทุ่นระเบิดใหม่ในดินแดนไทยของกัมพูชา ซึ่งทำให้ทหารไทย 2 นายบาดเจ็บสาหัสและสูญเสียขาถาวร โดยมีหลักฐานชัดเจน และชื่นชมความกล้าหาญของทหารที่เสียสละเพื่อชาติ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศย้ำว่า ประเทศไทยดำเนินการด้วยความจริงใจในการแก้ไขปัญหาเขตแดนมาโดยตลอด แต่เมื่อกัมพูชาเลือกที่จะละเมิดอธิปไตยของไทยและกฎหมายระหว่างประเทศ จึงจำเป็นต้องชี้แจงต่อประชาคมระหว่างประเทศด้วยตนเอง
ในการประชุมที่สหประชาชาติ นายมาริษได้กล่าวถ้อยแถลงในการอภิปรายแบบเปิดของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) และหารือกับผู้แทนระดับสูงจาก UN และประเทศต่างๆ รวมถึงเลขาธิการ UN, ประธาน UNSC (ปากีสถาน), ประธาน UNSC วาระถัดไป (ปานามา), ประธานคณะกรรมการประจำอนุสัญญาออตตาวา (ญี่ปุ่น) และผู้แทนประธานาธิบดีรัสเซีย เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการละเมิดอธิปไตยของไทย และการละเมิดอนุสัญญาออตตาวาของกัมพูชา
สำหรับการประชุม UNSC แบบปิดเมื่อคืนที่ผ่านมา ซึ่งมีสมาชิก 15 ประเทศ รวมถึงไทยและกัมพูชาเข้าร่วม นายมาริษได้รับรายงานจากเอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติว่า ฝ่ายไทยได้ย้ำจุดยืนว่ากัมพูชาเป็นฝ่ายเปิดฉากยิงก่อน และโจมตีเป้าหมายพลเรือนในเขตแดนไทย ซึ่งส่งผลให้มีพลเรือนเสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก เป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศและหลักมนุษยธรรมอย่างร้ายแรง
นายมาริษกล่าวว่า โดยสรุปแล้ว ถ้อยแถลงของประเทศสมาชิก UNSC ไม่ได้เน้นประเด็นใดเป็นพิเศษ แต่เรียกร้องให้กัมพูชาและไทยใช้การยับยั้งชั่งใจ ลดความตึงเครียด หยุดยิง และแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธี รวมถึงการใช้การทูตและการเจรจาทวิภาคีบนพื้นฐานของหลักการเพื่อนบ้านที่ดี และสนับสนุนบทบาทของอาเซียนในการไกล่เกลี่ยความขัดแย้ง โดยย้ำว่า สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาไม่ได้เป็นภัยคุกคามต่อสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ
นายมาริษยังย้ำว่า ที่ประชุม UNSC ไม่ได้มีมติหรือการออกเอกสารใดๆ พร้อมขอบคุณนายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม สำหรับข้อเสนอหยุดยิง ซึ่งไทยเห็นด้วยในหลักการ โดยกัมพูชาจะต้องหยุดโจมตีและแสดงความจริงใจอย่างชัดเจน
กรณีข่าวปลอมเรื่องปราสาทพระวิหาร นายมาริษยืนยันว่าคำกล่าวหาของกัมพูชาที่ว่ากองทัพไทยสร้างความเสียหายให้ปราสาทพระวิหารนั้นไร้หลักฐานและไม่เป็นความจริงอย่างสิ้นเชิง การปะทะกันเกิดขึ้นห่างจากตัวปราสาทพระวิหารถึง 2 กิโลเมตร จึงเป็นไปไม่ได้ที่กระสุนจะไปถึงตัวปราสาท
ทั้งนี้ รมว.กต. ได้สั่งการให้กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย และกรมองค์การ กระทรวงการต่างประเทศ ทำหนังสือประท้วงเรื่องการโจมตีเป้าหมายพลเรือนไปยังคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (ICRC) และคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ โดยจะพิจารณาการดำเนินการถึงขั้นฟ้องต่อศาลอาญาโลก (ICC) ฐานเป็นอาชญากรรมสงครามอย่างรอบคอบ
ในช่วงท้าย นายมาริษยืนยันเจตนารมณ์ของไทยในการแก้ไขข้อพิพาทด้วยสันติวิธีบนพื้นฐานของกฎหมายระหว่างประเทศ และพร้อมร่วมมือกับประชาคมระหว่างประเทศในการธำรงสันติภาพและเสถียรภาพ พร้อมเรียกร้องให้กัมพูชายุติการกระทำที่ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ และกลับเข้าสู่กระบวนการเจรจาอย่างจริงใจ