Pennii ป็อบคอร์นที่เริ่มต้นจาก ‘ความเป็นแม่’ สู่แบรนด์ไทยที่อยากจะปักธงไปทั่วโลก
จากจุดเริ่มต้นที่อยากให้ลูก ๆ ได้กินของดี อร่อยและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ ทำให้ ‘พรพิมล ปักเข็ม’ เริ่มทำขนมแบบโฮมเมดและคิดค้นสูตรขึ้นมาเอง จนเกิดเป็น Pennii (เพนนี) แบรนด์ป็อบคอร์นสาย Healthy Snack ซึ่งตอนนี้กลายเป็นธุรกิจที่ทำจริงจัง
พรพิมลเล่าว่า ด้วยความเป็นคนชอบกินขนมมาตั้งแต่เด็ก และถูกปลูกฝังจากครอบครัวให้เลือกกินของดีที่ไม่ได้หมายถึงของราคาแพง แต่ต้องสะอาด อร่อยดีต่อสุขภาพ และเมื่อเธอเป็นแม่ จึงเริ่มทำขนมเป็นงานอดิเรกเพื่อให้ลูก ๆ ได้กิน และคิดค้นสูตรป็อบคอร์นแบบโฮมเมดขึ้นมาเอง โดยเน้นใช้ของดีจากธรรมชาติ กินแล้วไม่รู้สึกผิด เช่น เมล็ดข้าวโพดมาจากสหรัฐอเมริกา, เนยจากฝรั่งเศส และมีรสชาติหวานน้อย ฯลฯ
ปรากฏว่า ได้รับการตอบรับที่ดี ลูก ๆ ชอบ และเมื่อนำไปแจกคนอื่นชิมก็ได้รับคำชม นำมาสู่การพรีเดอร์จำนวนมาก ทำให้มองเห็นโอกาสทางธุรกิจ จึงเปลี่ยนงานอดิเรกที่ทำเล่น ๆ เพื่ออยากให้ลูกกินของดี มาลงมือทำเป็นธุรกิจอย่างจริงจัง ในชื่อ Pennii ซึ่งมาจากชื่อลูกชายและลูกสาว ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘กินเพลิน ไม่เกินแคล’
สำหรับจุดเด่นของแบรนด์ คือ จะไม่ใส่วัตถุกันเสียและวัตถุดิบสังเคราะห์ รวมถึงเลือกใช้เทคโนโลยี ‘Air Pop’ เทคโนโลยีจากสหรัฐอเมริกาเพื่อผลิตป๊อปคอร์นด้วยอุณหภูมิความร้อนสูงแบบไม่ใช้น้ำมัน ซึ่งจะช่วยรักษาคุณภาพและคุณค่าทางโภชนาการของเมล็ดข้าวโพดไว้ได้มากกว่าการทอดหรืออบในน้ำมัน และมีไขมันต่ำกว่า 50% เมื่อเทียบกับป๊อปคอร์นทั่วไปในตลาด
“เราวางตัวเองเป็นป็อบคอร์นเพื่อสุขภาพ เพราะเห็นช่องว่างของตลาดที่ยังไม่มีใครทำ และคนกลุ่มนี้จะไม่คุยเรื่องราคา บวกกับเราใช้ของดีที่มีต้นทุนสูง จึงวางแบรนด์ Pennii ไว้เซ็กเม้นท์พรีเมียม และมองตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติกับตลาดในต่างประเทศเป็นหลัก”
ส่วนรสชาตินั้น นอกจากรสชาติฮิตทั่วไปอย่างคาราเมล,ช็อคโกแลต, ชีส ฯลฯ ทาง Pennii ยังมีรสชาติที่มีเอกลักษณ์ความเป็นไทย เช่น ต้มยำกุ้งที่มีกุ้งเป็นตัว ๆ , รสทุเรียนที่มีชิ้นทุเรียน รวมถึงมีรสชาติเพื่อสุขภาพอย่างเนยผสมโพรไบโอติกส์
มาถึงวันนี้ Pennii เดินทางเข้าสู่ปีที่ 8 ซึ่งเป้าหมายใหญ่ของพรพิมลต้องการพาแบรนด์ที่สร้างขึ้นมาไปสู่ตลาดทั่วโลก โดยปัจจุบันนอกจากวางขายในกรูเมร์ และซุปเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำแล้ว Pennii มีการส่งออกไปในหลายประเทศ อาทิ สิงคโปร์ ฮ่องกง ดูไบ และจีน
เพราะเธอเชื่อว่า โปรดักท์ของตัวเองดีจริง และไม่ได้ขายแค่ความอร่อย แต่ขายไอเดียด้วยการเปลี่ยนภาพจำป๊อปคอร์นแบบเดิมที่ถูกมองเป็น ‘ตัวร้าย’ ให้กลายเป็นทางเลือกสายสุขภาพที่กินแล้วไม่รู้สึกผิด