'จุรินทร์' ประเมินปม 'ภาษีทรัมป์' กระทบความเชื่อมั่น 'รัฐบาล'
ที่รัฐสภา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายต่อที่ประชุมสภาฯ วาระพิจารณาญัตติด่วน ประเด็นข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลในการเจรจาอัตราภาษีตอบโต้ ระหว่างไทย-สหรัฐ ว่า ตลาดสหรัฐฯ มีความสำคัญกับประเทศไทยเป็นอย่างยิ่ง โดยปีที่ผ่านมาไทยส่งออกไปสหรัฐฯคิดเป็น 18.29% ของมูลค่าส่งออกทั้งหมดของโลก หรือประมาณ 1 ใน 5 ของยอดส่งออกทั้งหมด เราสามารถทำเงินเข้าประเทศจากการส่งออกไปสหรัฐฯเป็นเงินไทยถึง 1.9 ล้านล้านบาท เราได้ดุลการค้าสหรัฐฯมหาศาล คิดเป็นเงินไทย 1.2 ล้านล้านบาท
ทั้งนี้ ตนเห็นด้วยกับรัฐบาลที่ยอมรับว่าภาษีทรัมป์เป็นเพียงปัญหาหนึ่งในหลายประเด็น แต่ไม่ควรมองเฉพาะเรื่องเกษตรหรือการค้า เพราะปัญหาภาษีทรัมป์เป็นแค่ส่วนหนึ่งในหลายปัญหาที่รัฐบาลกำลังเผชิญ ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคง โดยเฉพาะเสถียรภาพรัฐบาลที่เริ่มกระทบต่อความชอบธรรม
นายจุรินทร์ กล่าวต่อ่า ขณะที่เศรษฐกิจยังโตต่ำจีดีพี แม้ตั้งเป้าไว้ 3% แต่คาดว่าจะได้เพียง 2.2% ขณะที่ปัญหาหนี้ครัวเรือน คนไทยส่วนใหญ่รายได้ลบ ไม่มีเงินพอใช้หนี้ พร้อมทั้งยังเผชิญปัญหาสังคม เช่น ยาเสพติด สแกมเมอร์ และความมั่นคงในพื้นที่ ชายแดนไทย-กัมพูชา ดังนั้นรัฐบาลต้องใช้สมาธิอย่างสูงในการแก้ปัญหา และหลีกเลี่ยงการสร้างปัญหาเพิ่ม
"ภาษีทรัมป์มีความซับซ้อน ไม่ใช่แค่มิติการค้าระหว่างไทยกับสหรัฐฯเท่านั้น แต่โยงกับภูมิรัฐศาสตร์และสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน รวมถึงทรัมป์กำลังหยิบยกปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา มาเป็นเงื่อนไขในการเจรจาการค้า โดยระบุว่าหากยังไม่หยุดยิงก็จะไม่เจรจา ซึ่งแม้จะหยุดยิงก็ไม่ได้หมายความว่าจะลดภาษี แต่แค่สามารถเริ่มการเจรจาได้เท่านั้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ไทยต้องเข้าใจให้ชัดเจน" นายจุรินทร์อภิปราย
นายจุรินทร์ อภิปรายต่อว่า ขอฝากถึงรัฐบาลให้ตระหนักถึงสถานการณ์ชายแดนที่แม้กองทัพไทยจะมีศักยภาพชนะการสู้รบ แต่ไทยกำลังเพลี่ยงพล้ำในสองสมรภูมิ คือ สงครามการสื่อสาร และสงครามเวทีโลก ส่วนประเด็นฐานทัพเรือพังงานั้น ตนสนับสนุนการพัฒนาศักยภาพของฐานทัพเพื่อปกป้องอธิปไตยฝั่งอันดามัน แต่ขอคัดค้านไม่ให้ชาติใดเข้ามาตั้งฐานทัพ เพราะเสี่ยงเป็นการชักศึกเข้าบ้าน และอาจกลายเป็นพื้นที่กระสุนตก หากเกิดสงคราม อีกทั้งยังจะกระทบต่อดุลยภาพความสัมพันธ์ไทย สหรัฐฯ จีน อย่างรุนแรง
นายจุรินทร์ อภิปรายด้วยว่าว่า นอกจากนั้นขอให้พิจารณาถึงปัญหาการสวมสิทธิ์สินค้าในเขตฟรีโซน เช่น ที่ท่าเรือแหลมฉบัง ว่า เป็นการลักลอบนำเข้าสินค้าแล้วแต่งฉลากว่าผลิตในประเทศไทย รวมถึงการชี้แจงรายละเอียดของการเจรจาในเวลาที่เหมาะสม เพื่อให้คนไทยรับรู้ และเตรียมพร้อมรับมือผลกระทบที่อาจตามมา
นายจุรินทร์ กล่าวด้วยว่า อัตราภาษีที่ไทยอาจถูกเรียกเก็บ มีความเป็นไปได้ 3 แนวทาง คือ1.สูงกว่าเวียดนาม ที่โดน 20% 2.พอๆ กัน หรือ 3.ต่ำกว่า แต่ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร ทุกภาคส่วน โดยเฉพาะSMEs และเกษตรกร จะได้รับผลกระทบแน่นอน เช่น ราคาข้าวตกต่ำ ส่งออกข้าวลดลง ยางล้อที่ไทยครองตลาดในสหรัฐฯ 19.3% ก็มีแนวโน้มได้รับผลกระทบ ราคายางลดลงเหลือเพียงกิโลกรัมละ 10 บาท และมันสำปะหลังที่จีนไม่รับซื้อก็ยังคงราคาต่ำอยู่ที่กิโลละ 1 บาท รวมถึงผลไม้และหมู ในฐานะคนไทยคนหนึ่ง ตนอยากให้ประเทศไทยเสียหายน้อยที่สุด และหวังเห็นรัฐบาลสามารถรักษาผลประโยชน์ของประเทศได้มากที่สุด ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่ทำงานเพื่อบ้านเมือง ขอให้โชคดี