เปิดกองกำลังพิทักษ์ “ฮุน เซน” ค่าชีวิต “คนกัมพูชา” ที่ไม่เท่ากัน
กองทัพของ “ฮุน เซ็น” แห่งกัมพูชาในแนวปะทะพระวิหาร การสู้รบตลอด 5 วันระหว่าง ทหารไทย-กัมพูชา กองทัพเขมร ระดมกำลังรบจากทหารหลัก ทหารบ้าน หน่วยองค์รักษ์ BHQ อีก 4 กองร้อย เข้าร่วมกับหน่วยปฏิบัติการพิเศษ 911 แม้ทุกหน่วยจะขึ้นตรงกับกองทัพกัมพูชา แต่สวัสดิการและการดูแลแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง โดยไม่ต้องเปรียบเทียบกับกองทัพไทย
11 แนวรบพระวิหาร ใน 4 จังหวัดบุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีษะเกษ และอุบลราชธานี ตลอดชายแดนไทย-กัมพูชา เทือกเขาพนมดงรัก จุดที่ตั้ง “ปราสาทตาควาย” หรือที่คนเขมรเรียก “ปราสาทกรอเบย” เป็น “สมรภูมิรบพื้นราบ” ทหารไทยและกัมพูชาต่างฝ่ายพยายามจะชิงพื้นที่ให้ได้มากที่สุด แม้ไม่ได้ 100% แต่ได้พื้นที่ควบคุมเพิ่มมากขึ้น ก่อนการปะทะเมื่อ 24 ก.ค.2568
ตั้งแต่วันที่ 23-27 ก.ค.ที่ผ่านมา การเปิดฉากปะทะเพื่อเข้าควบคุมพื้นที่ กองทัพกัมพูชาได้ทุ่มกำลังทหารพร้อมอาวุธ อีกทั้งยังพยายามเพิ่มเติมกำลังเข้ามาในแนวนี้ เพื่อเข้ายึดเนิน 350 ก่อนเวลาขีดเส้นตาย “หยุดยิง” ให้ได้ก่อนเที่ยงคืนวันที่ 28 ก.ค. 2568 ขณะที่ทหารไทยได้ส่งรบพิเศษจากหน่วย “ร.31 รอ.” เข้าผลักดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ปราสาทตาควายให้ได้ ท่ามกลางสภาพภูมิประเทศที่ไทยเสียเปรียบ
กองทัพของตระกูล “ฮุน” แห่งกัมพูชา ไม่ได้เพียงทหารหลัก แต่ยังมีทหารบ้านและผู้นำกำลังพลที่ได้สิทธิปลูกบ้านพักอาศัยอยู่ตลอดแนวชายแดน ยังมีหน่วยองค์รักษ์ BHQ จำนวนอีก 6,000 นาย และหน่วยปฏิบัติการพิเศษ หรือกรมปฏิบัติการพิเศษที่ 911 อีก 2,000 นาย เข้าปะทะกับกองทัพไทย
มีรายงานระบุว่า “ฮุน เซ็น” ส่งกองกำลังหน่วยองครักษ์ กองบัญชาการทหารสูงสุด กองทัพแห่งชาติกัมพูชา หรือ BHQ : Bodyguard Headquarters ที่มี พล.อ.ฮิง บุนเฮียง เป็นผู้บัญชาการ นำทหารหน่วยนี้จำนวน 4 กองร้อย เข้าสนับสนุนเพิ่มเติมกำลังทหารกัมพูชา โดยทหาร BHQ มีหน้าที่สนับสนุนอยู่บนเนิน 350 และควบคุมการยิงจรวดหลายลำกล้อง BM-21
ข้อมูลระบุว่า กองทัพกัมพูชา มีทหารประมาณ 1.2 แสนคน จำนวนนี้ มีทั้งทหารเขมร, ทหารบ้าน, หน่วยองครักษ์ และหน่วย 911 ถูกส่งเข้ามา ทหารหลักมีกำลังประมาณ 4-5 หมื่นคน ถูกส่งประจำเข้าไปอยู่ใน 2 จุด ด้าน จ. อุดรมีชัย ฝั่งตรงข้าม จ.สุรินทร์ และภูมะเขือ จ.พระวิหาร ด้าน จ.ศรีษะเกษ และอุบลฯ
สำหรับกองกำลัง BHQ ก่อตั้งในยุคที่ “ฮุน เซน” ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี มีต้นกำเนิดจาก Brigade 70 ถูกใช้เป็น “กองกำลังเฉพาะกิจ” มีภารกิจหลักคือ การคุ้มกัน นายกรัฐมนตรี ครอบครัวผู้นำ และบุคคลสำคัญชั้นสูงของประเทศ จึงมีความพร้อมทั้งกำลังและอาวุธ ไม่ว่าจะเป็นรถหุ้มเกราะ รถถัง รวมทั้งจรวดหลายลำกล้องทั้ง BM-21 และ PHL-03 ที่สั่งซื้อมาจากจีน และถูกเก็บไว้โรงเก็บอาวุธใน จ.กำปงฉนัม และกำปงโสม
ข้อมูลระบุว่า เดิมหน่วยองครักษ์ BHQ ถูกสร้างขึ้นมาพร้อม “กองพลน้อยที่ 70” และได้รับการสนับสนุนด้านอาวุธจากกองทัพเวียดนามในระยะแรก ต่อมาปี 2540 กองพลน้อยที่ 70 ที่มี “ฮุน มาเนต” เป็น ผบ.กองพลน้อยที่ 70 ในขณะนั้น คือหน่วยทหารหลักในการทำรัฐประหาร เจ้านโรดม รณฤทธิ์ และทำให้ “ฮุน เซน” ยึดกุมอำนาจเบ็ดเสร็จในกัมพูชา
ต่อมาหลังเหตุการณ์วินาศกรรม 911 ในสหรัฐอเมริกา “ฮุน มาเนต” ได้ขอความช่วยเหลือด้านการ ทหารจากรัฐบาลสหรัฐฯ โดยมีการส่งทหารเขมรเข้าไปฝึกหลักสูตรต่อต้านการก่อการร้ายสากล พร้อมยกระดับกองพลน้อยที่ 70 เป็นหน่วยต่อต้านการก่อการร้ายสากล
กองพลน้อยที่ 70 และหน่วยทหารองครักษ์ BHQ ตั้งอยู่ในพื้นที่ อ.ตาขะเมา จ.กันดาล และครอบครัวของตระกูล “ฮุน” ส่วนใหญ่อาศัยมีบ้านพักอยู่ในค่ายทหารรบพิเศษดังกล่าว
ขณะเดียวกัน “ฮุน เซน” ยังส่ง “หน่วยปฏิบัติการพิเศษที่ 911” หรือ Special Forces Command (SF‑911) เข้ามาเป็นกำลังเสริม มีการประมาณการณ์ว่า ทหารหน่วยดังกล่าว มีจำนวน 5,000 นาย และเคยผ่านการฝึกจาก “โคปัสซุส” หรือ Kopassus หน่วยรบพิเศษอินโดนีเซีย
ส่วนใหญ่จะเป็นกองพลน้อยต่อต้านการก่อการร้าย แบ่งกำลังพลประจำหน่วยปฏิบัติการ เช่น หน่วย 1 - 4 จะเป็นทหารพลร่ม คล้ายกับพลร่มป่าหวาย, หน่วย 5 - 9 จะเป็นหน่วยจู่โจม, หน่วย 10 - 12 จะเป็นหน่วยสนับสนุน, หน่วย 13 จะเป็นหน่วยคุ้มกันบุคคลสำคัญ และหน่วย 14 จะเป็นหน่วยต่อต้านการก่อการร้าย
หน่วยนี้อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาโดยตรงของกองบัญชาการทหารสูงสุดแห่งกองทัพกัมพูชา มีรายงานว่า หน่วย 911 ของกัมพูชา เป็นหน่วยหลักที่เข้าปะทะกับทหารหน่วยรบพิเศษเคลื่อนที่เร็ว ร.31 รอ.ของไทยที่ “พื้นที่สังหาร” ด้านปราสาทตาควาย
มีรายงานระบุว่า ตลอดการสู้รบในช่วง 5 วัน ก่อนเจรจาหยุดยิง มีข้อมูลว่า ฝั่งกัมพูชาสูญเสียทหารระดับนายพลและนายพัน จำนวนไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็น พล.ต.ดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 สังกัดกองกำลังภาคพื้นดิน กองทัพราชอาณาจักรกัมพูชา (RCA) พล.อ.สรัย ดึ๊ก รองผู้บัญชาการทหารบกกัมพูชา ผู้บัญชาการกองพลสนับสนุนที่ 3 พลจัตวา สิน เจีย และ พ.อ.จัน มุนี ผบ.กองพันแทรกแซงที่ 8 กองพลแทรกแซงที่ 3
และล่าสุด คือ พล.อ.ฮิง บุนเฮียง เป็นผู้บัญชาการ BHQ ที่ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูลว่า ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ส่วนทหารชั้นผู้น้อยคงไม่ต้องกล่าวถึง ตั้งแต่เหตุการณ์วันแรกจนถึงปัจจุบัน หากบาดเจ็บไม่มากคงรอดชีวิต และหากเจ็บหนัก ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ในยามวิกฤต ครอบครัวคงทำได้เพียงการรอคอยเท่านั้น
การสูญเสียกำลังพล ทำให้มีรายงานระบุว่า ทางการกัมพูชา ได้ว่าจ้าง “นักรบรับจ้าง” เข้ามากองกำลังเพื่อเสริมทัพในการปะทะกับฝ่ายทหารไทยอีกด้วย ส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติที่อยู่ใน “ศูนย์สแกมเมอร์" (Scammer) ตามเมืองต่าง ๆ มีทั้ง รัสเซีย อาเซอร์ไบจาน และปากีสถาน
นักรบรับจ้างกลุ่มนี้ส่วนใหญ่อาจเป็นทหารเก่า มีหน้าที่ควบคุมการทำงานของคนที่อยู่ในศูนย์หลอกลวง และกลุ่มจีนเทาจ้างให้เป็นผู้ดูแลความปลอดภัย
“สแกมเมอร์ ทำเงินให้กับ ฮุน เซน มหาศาล จึงมีเงินจ่าย นักรบรับจ้างต่างชาติ ให้เข้ามาช่วย และการส่งโดรนขึ้นบินหลายจุดที่แนวชายแดน หลังจากหยุดยิง จึงมองข้ามไม่ได้ ว่ามีใครบ้างที่แอบดำเนินอยู่เบื้องหลังหรือไม่” แหล่งข่าวระบุ
แนวปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา อาจยุติลงชั่วคราว แต่สถานการณ์โดยรอบยังยากไว้วางใจ แม้ทหารบ้านของกัมพูชาจะหายไป ทว่านักรบองครักษ์พิทักษ์ “ฮุน เซน” ผู้นำกัมแห่งกัมพูชา ยังมีกำลังเงินที่ได้จากสแกมเมอร์อีกเหลือเฟือ
อ่านข่าว : แนวรบชิง "ปราสาทตาควาย" เขมรปั่นกระแส "สงครามไซเบอร์"
"มนุษยธรรม" จุดยืนไทย "ม้าอารี" กลางสมรภูมิรบไทย-กัมพูชา
“โดรน” กลยุทธ์เทคโนโลยี ส่งตรงเป้าหมาย “พื้นที่เสี่ยง” ต้องระวัง