4 เรื่องต้องรู้ ก่อนยื่น Early Retirement
ในยุคที่บริษัทเอกชนทุกแห่ง ต้องรัดเข็มขัดคุมค่าใช้จ่าย ไม่รับคนใหม่ หาทางลดคนเก่า และเพิ่ม Productivity ของคนในองค์กร เพื่อให้บริษัทยังมีกำไรและอยู่รอดได้ในยุคนี้ ทำให้มนุษย์เงินเดือนหลายคนที่เหนื่อยกับงานที่ทำ เฝ้าตารอบริษัทเปิดโครงการ Early Retirement หรือเกษียณอายุก่อนกำหนด เพื่อรับเงินก้อนโดยไม่ต้องรอจนถึงวันเกษียณอายุ แต่ทว่า! ถ้าอยากเกษียณแบบมีความสุข อย่าเพิ่งรีบร้อนตัดสินใจเข้าโครงการดังกล่าว หากยังไม่อ่าน “4 เรื่องต้องรู้ ก่อนยื่น Early Retirement”
1.ส่วนต่างสูตรเงินก้อนที่ ได้ตอนนี้ vs รอได้ตอนเกษียณ
จำนวนเงินก้อนที่ได้รับวันเกษียณ ต้องไม่น้อยกว่าเงินชดเชยตามกฎหมายแรงงาน ซึ่งอัตราสูงสุดอยู่ที่ 13.3 ของเงินเดือน (ค่าจ้าง 400 วันสุดท้าย สำหรับคนที่มีอายุงานในที่ทำงานปัจจุบัน 20 ปีขึ้นไป) ดังนั้นเมื่อบริษัทต้องการจูงใจพนักงานให้ออกจากงานก่อนกำหนด ก็ต้องเพิ่มอัตราเงินที่พนักงานจะได้รับมากกว่าเงินชดเชยตามกฎหมายแรงงาน
ตัวอย่างเช่น บริษัทประกาศให้เงินก้อนโครงการ Early Retirement เท่ากับ เงินชดเชยตามกฎหมายแรงงานอ้างอิงตามอายุงานปัจจุบัน บวกเพิ่ม 10 เท่าของเงินเดือน หากนาย A อายุ 50 ปี มีอายุงาน 10 ปี หากเกษียณหรือถูกเลิกจ้างตอนนี้ ควรได้เงินชดเชยตามกฎหมายแรงงาน 10 เท่าของเงินเดือน เมื่อรวมกับเงินส่วนเพิ่มจากโครงการ จะรวมได้รับ 20 เท่าของเงินเดือน ซึ่งสูงกว่าอัตราสูงสุดของเงินชดเชยตามกฏหมายแรงงาน (สูงสุด 13.3 เท่า) จึงถือเป็นแรงจูงใจที่น่าสนใจ
อย่างไรก็ ตามสิ่งที่นาย A ต้องไม่ลืมคือ ฐานเงินเดือนตอนเกษียณควรสูงกว่าฐานเงินเดือนปัจจุบัน เช่น ปัจจุบันเงินเดือน 50,000 บาท
- หากเข้าโครงการ Early Retirement นาย A จะได้เงินก้อน 20 เท่าของเงินเดือน หรือ 1,000,000 บาท
- หากทำงานต่ออีก 10 ปี เพื่อเกษียณตอนอายุ 60 ปี สมมติอัตราการขึ้นเงินเดือนเฉลี่ยปีละ 5% นาย A จะมีเงินเดือนปีสุดท้ายอยู่ที่ประมาณ 75,448 บาท โดยจะได้รับเงินชดเชยตามกฏหมายแรงงาน 13.3 เท่าของเงินเดือน (เงินชดเชยฯ กรณีอายุงาน 20 ปี) หรือ 1,003,457 บาท
ดังนั้นหากอัตราการขึ้นเงินเดือนของนาย A มากกว่าปีละ 5% หรือเงินส่วนเพิ่มจากโครงการ Early Retirement น้อยกว่า 10 เท่าของเงินเดือน เงินก้อนที่ได้รับจากโครงการ ถือว่าน้อยกว่าเงินชดเชยตามกฎหมายแรงงาน ที่ควรได้รับตอนเกษียณอายุ
2.เงินเดือนที่หายไป ก่อนถึงวันเกษียณ
หลายคนโฟกัสเฉพาะเงินก้อนที่ได้รับ แต่ลืมไปว่าก็มีเงินหรือรายได้ที่ต้องทิ้งไปหากเลือกเข้าโครงการ Early Retirement เช่น นาย A ที่ปัจจุบันไม่มีความสุขกับงานที่ทำ ต่อให้ประเมินผลงานสิ้นปีไม่เคยได้ขึ้นเงินเดือนหรือได้โบนัสเลย แต่หากยังอดทนทำงานให้บริษัทต่อ ก็ยังคงได้รับเงินเดือน เดือนละ 50,000 บาท คิดเป็นปีละ 600,000 บาท ไปจนถึงวันเกษียณหรืออีก 10 ปี รวมเป็นเงิน 6,000,000 บาท
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่านาย A ควรกอดงานที่มีไว้เพียงเพราะแค่ให้มีเงินเดือนเข้าบัญชีทุกเดือน แต่หากมองว่าตนเองสามารถออกไปทำอาชีพอิสระที่มีโอกาสสร้างรายได้ไม่น้อยไปกว่าเดิมมากนัก หรือนำเงินก้อนที่ได้จากโครงการ Early Retirement ไปเป็นทุนเพื่อประกอบธุรกิจส่วนตัว เพื่อให้มีรายได้ทดแทนเงินเดือนที่หายไป ทำให้มีความสุขกับการใช้ชีวิตมากขึ้น ก็เป็นทางเลือกที่สามารถตัดสินใจได้ แต่ต้องพิจารณาถึงความเสี่ยงให้ดีเพราะหากผิดพลาดขึ้นมา อาจไม่มีโอกาสแก้ตัวได้ง่ายๆ เช่น เงินลงทุนทำธุรกิจมักเป็นเงินจมที่ต้องใช้เวลาคืนทุนหลายปี หรือผลประกอบการอาจขาดทุนจนสูญเงินที่ลงทุนไปได้ เป็นต้น
3.ภาษีที่ต้องจ่าย เมื่อได้เงินก้อน
เงินที่พนักงานที่เข้าโครงการ Early Retirement ได้รับจริงมักต่ำกว่าจำนวนเงินหรืออัตราที่บริษัทประกาศเพราะเงินก้อนดังกล่าวต้องถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย โดยใช้การคำนวณภาษีตามหลัก “เงินได้ที่นายจ้างจ่ายให้ครั้งเดียวเพราะเหตุออกจากงาน” หรือมักเรียกว่าคำนวณตามหลัก“ใบแนบ ภ.ง.ด.90,91” ซึ่งจำนวนภาษีที่หักนี้ มักเป็นจำนวนที่ต่ำเมื่อเทียบกับฐานภาษีของเงินเดือนหรือโบนัส
เช่น นาย A เงินเดือน 50,000 บาท เข้าโครงการ Early Retirement ตอนอายุ 50 ปี และมีอายุงาน 10 ปี ได้รับเงินก้อนจำนวน 1,000,000 บาท ภาษีตามใบแนบฯ จะอยู่ที่ 31,500 บาท เหลือเงินเข้าบัญชีจริงเพียง 968,500 บาท โดยรายละเอียดการคำนวณภาษีเป็นไปตามตาราง ดังนี้
หมายเหตุ: การคำนวณภาษีตามหลักใบแนบฯ เงินได้สุทธิ 150,000 บาทแรก ไม่ได้รับการยกเว้นภาษี
4.ทำยังไงกับ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
เงินในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพหากไม่มีการแจ้งอะไรไว้กับฝ่ายบุคคล เมื่อออกจากงานจะได้รับเงินส่วนนี้เพิ่มมาอีกก้อน แต่หากอายุยังไม่ถึง 55 ปีบริบูรณ์ เงินก้อนนี้ก็ต้องถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายตามหลัก“ใบแนบ ภ.ง.ด.90,91” ด้วยเช่นกัน
หากยังไม่รีบร้อนใช้เงินส่วนนี้ สามารถแจ้งฝ่ายบุคคล ให้โอนย้ายไปกองทุน RMF for PVD ของ บลจ.เดียวกับที่บริหารกองทุนสำรองเลี้ยงชีพนี้ และถือกองทุน RMF ส่วนนี้ไปจนถึงอายุ 55 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป (โดยไม่ต้องลงทุนเพิ่มทุกปี เหมือนการลงทุน RMF ทั่วไป) จึงค่อยทำการขายคืนหรือนำเงินออก เงินก้อนนี้ที่ได้รับก็ไม่ต้องเสียภาษีหรือถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย
เงินก้อนจากโครงการ Early Retirement ถึงดูเป็นเงินก้อนโต แต่ก็เป็นรายได้ก้อนสุดท้ายที่จะได้รับจากนายจ้าง หากวางแผนไม่ดีหรือพิจารณาไม่รอบคอบ ช่วงชีวิตหลังจากที่ไม่มีเงินเดือนอาจไม่มีความสุขยิ่งกว่าชีวิตพนักงานประจำที่ถูกเค้น Productivity อย่างทุกวันนี้
รายการ
คำนวณ
จำนวนเงิน
เงินก้อนที่ได้รับ
1,000,000
หักค่าใช้จ่าย ส่วนที่1
= 7,000 บาท x อายุงาน (ปี)
= 7,000 บาท x 10 ปี
70,000
เหลือ
930,000
หักค่าใช้จ่าย ส่วนที่2
= 50% ของเงินได้ส่วนที่เหลือ
= 50% x 930,000 บาท
465,000
รวมค่าใช้จ่ายส่วนที่1 และส่วนที่2
= 70,000 บาท + 465,000 บาท
535,000
เงินได้สุทธิ
= 1,000,000 บาท - 535,000 บาท
465,000
ช่วงรายได้สุทธิต่อปี
ฐานภาษี
เงินได้แต่ละขั้น
ภาษีแต่ละขั้น
0-300,000 บาท
5
%
300,000
15,000
300,001-500,000 บาท
10
%
165,000
16,500
500,001-750,000 บาท
15
%
0
0
750,001-1,000,000 บาท
20
%
0
0
1,000,001-2,000,000 บาท
25
%
0
0
2,000,001-5,000,000 บาท
30
%
0
0
5,000,001 บาท ขึ้นไป
35
%
0
0
ภาษีรวม
31,500