เศรษฐกิจจีน เดือน ก.ค.ชะลอตัวรอบด้าน ผลผลิต–ค้าปลีกต่ำคาด สงครามการค้าทรัมป์เริ่มกดดัน
เศรษฐกิจจีน เดือนกรกฎาคม ชะลอตัวในหลายภาคส่วน ทั้งภาคการผลิต ค้าปลีก และการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร ขณะที่อัตราว่างงานในเมืองเพิ่มขึ้นเกินคาด
วันที่ 15 สิงหาคม 2568 เวลา 09.27 น. สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า เศรษฐกิจจีน ชะลอตัวในเกือบทุกภาคส่วนในเดือนกรกฎาคม โดยทั้งกิจกรรมการผลิตและยอดค้าปลีกออกมาต่ำกว่าคาด บ่งชี้ว่าสงครามการค้ากับสหรัฐ ภายใต้การนำของโดนัลด์ ทรัมป์ เริ่มส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 2 ของโลก
ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) เมื่อวันศุกร์ระบุว่า ผลผลิตจากโรงงานและเหมืองแร่เพิ่มขึ้น 5.7% จากปีก่อน ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน และชะลอลงจาก 6.8% ในเดือนมิถุนายน ต่ำกว่าค่ากลางที่นักเศรษฐศาสตร์ในแบบสำรวจของบลูมเบิร์กคาดการณ์ไว้ที่ 6%
ยอดค้าปลีกเดือนกรกฎาคมเติบโตเพียง 3.7% เมื่อเทียบปีต่อปี ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในปีนี้ ลดลงจาก 4.8% ในเดือนก่อน ขณะที่การลงทุนในสินทรัพย์ถาวรช่วง 7 เดือนแรกของปีชะลอลงเหลือ 1.6% เนื่องจากภาคอสังหาริมทรัพย์หดตัวมากขึ้น อัตราการว่างงานในเขตเมืองเพิ่มขึ้นเกินคาดเป็น 5.2%
โฮมิน ลี นักกลยุทธ์เศรษฐกิจมหภาคอาวุโสจาก Lombard Odier ในสิงคโปร์ กล่าวว่า “ตัวชี้วัดเศรษฐกิจหลักของเดือนกรกฎาคมบ่งชี้ว่าผลกระทบจากภาษีเริ่มชัดเจน …แรงส่งที่หายไปทั้งในฝั่งอุปสงค์และอุปทานทำให้จำเป็นต้องปรับนโยบายการคลังกลางปี”
หลังการเปิดเผยข้อมูล ค่าเงินหยวนในตลาดนอกประเทศทรงตัว อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลจีนอายุ 10 ปีปรับลดลงเล็กน้อย ขณะที่ตลาดหุ้นจีนยังคงร่วง โดยดัชนี Hang Seng China Enterprises ลดลง 1% และดัชนี CSI 300 ในตลาดหุ้นในประเทศปรับลงเล็กน้อย
ภาพรวมเศรษฐกิจล่าสุดสะท้อนว่าจีนสูญเสียแรงส่งหลังจากที่เศรษฐกิจแสดงความแข็งแกร่งในช่วงต้นปี ซึ่งทำให้ปักกิ่งสามารถใช้ท่าทีรอดูท่าทีในการออกมาตรการกระตุ้นเพิ่มเติม ผู้นำระดับสูงส่งสัญญาณว่าจะยึดมาตรการสนับสนุนที่วางไว้แล้ว และพร้อมเพิ่มความช่วยเหลือเมื่อจำเป็น นักวิเคราะห์คาดว่านโยบายจะถูกปรับอย่างละเอียดขึ้นตามตัวเลขเศรษฐกิจในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
ในถ้อยแถลง NBS ระบุว่า “เศรษฐกิจจีนสามารถเอาชนะปัจจัยลบ รวมถึงสภาพแวดล้อมภายนอกที่ซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว และสภาพอากาศสุดขั้วภายในประเทศ และยังคงรักษาการเติบโตไว้ได้อย่างมีเสถียรภาพ เศรษฐกิจแสดงถึงความยืดหยุ่นและความมีชีวิตชีวาที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง”
แม้ว่าภาพรวมการค้าทั่วโลกยังเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน แต่กิจกรรมภาคอุตสาหกรรมและการก่อสร้างในจีนก็ได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศสุดขั้วในเดือนกรกฎาคม ทั้งอุณหภูมิสูง ฝนตกหนักผิดปกติ และน้ำท่วมในหลายพื้นที่ ซึ่งยิ่งซ้ำเติมช่วงฤดูกาลชะลอตัวของเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ยอดสินเชื่อใหม่ที่ออกเป็นเงินหยวนในเดือนกรกฎาคมยังหดตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปี สะท้อนความต้องการกู้ยืมและใช้จ่ายที่ซบเซา
อย่างไรก็ดีภาคการส่งออกยังคงเป็นจุดแข็งของเศรษฐกิจจีนในปีนี้ แม้ว่ายอดส่งออกไปสหรัฐ จะลดลงหลังจากทรัมป์ปรับขึ้นภาษีนำเข้า
แทนที่จะประกาศมาตรการกระตุ้นครั้งใหญ่ รัฐบาลปักกิ่งในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาได้เพิ่มความพยายามควบคุมการแข่งขันทางธุรกิจที่รุนแรง ซึ่งเป็นประเด็นที่นักลงทุนจับตา เนื่องจากเกี่ยวพันต่อความสามารถในการกระตุ้นเศรษฐกิจและผลกำไรของภาคธุรกิจในหลายอุตสาหกรรม ตั้งแต่เหล็กไปจนถึงพลังงานแสงอาทิตย์และรถยนต์ไฟฟ้า
นอกจากนี้ทางการยังมองหามาตรการเพิ่มการบริโภคภายในประเทศเพื่อลดการพึ่งพาความต้องการจากต่างประเทศในระยะยาว ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นกับสหรัฐฯ โดยในสัปดาห์นี้รัฐบาลได้ประกาศแผนชดเชยดอกเบี้ยบางส่วนของสินเชื่อผู้บริโภค หลังจากก่อนหน้านี้ประกาศว่าจะทยอยยกเลิกค่าเล่าเรียนระดับก่อนวัยเรียนเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษา และให้เงินอุดหนุนการดูแลเด็กแก่ครอบครัวทั่วประเทศ
เซียวเจีย จือ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จีนของ Citi กล่าวว่า “เมื่อมองไปข้างหน้า ข้อมูลเศรษฐกิจมีแนวโน้มจะแสดงสัญญาณชะลอตัวมากขึ้น และอาจชะลอเร็วกว่าที่คาดในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า”
อ้างอิง : bloomberg.com