โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

วิจัยเผย Gen Z เกือบครึ่งยอมรับว่า เคย “โกหกและตกแต่งเรซูเม่” ให้ดูดีเกินจริง

Mission To The Moon

เผยแพร่ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา • Mission To The Moon Media

ในโลกของการทำงานนั้น เรซูเม่คือ First Impression ของที่จะช่วยให้องค์กรนั้นสามารถมองเห็นตัวตน ความสามารถ และศักยภาพของตัวเรา ภายใต้กระดาษหน้าเดียว
.
แต่ในบริบทวันนี้ การหางานไม่ง่ายเหมือนเดิม ทั้งตำแหน่งใหม่เพิ่มช้าลง อัตราว่างงานขยับขึ้น และคนว่างงานระยะยาวเริ่มพุ่งสูงมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้การแข่งขันในตลาดหางานทวีความดุเดือดตั้งแต่การส่ง Resume หรือเขียนอีเมลสมัครงาน
.
เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับเด็กจบใหม่ที่ยังไม่มีประสบการณ์ที่จะเผชิญกับแรงกดดันมหาศาลในการหางานนี้ เพราะ“บันไดขั้นแรก” ของอาชีพมากยากที่สุดเสมอ แต่สำหรับทุกวันนี้ความกดดันนั้นยิ่งทวีคูนเข้าไปอีกหลายเท่า
.
จากผลสำรวจและรายงานของ Revilio Labs และ Bureu of Labour Statistics ชี้ให้เห็นว่างานระดับ Entry-Level Jobs นั้นลดลงอย่างเห็นได้ชัด สังเกตจากโพสต์ประกาศหางานสำหรับ Entry-Level ลดลงราว 50% เมื่อเทียบกับต้นปี 2022 ขณะที่ตำแหน่งงานว่างรวมยังทรงตัวแถว 7.4 ล้านอัตรา แปลว่าผู้สมัครต้องแย่งกันผ่านคอขวดเดิมๆ ที่แคบลงเรื่อยๆ จนทำให้กลุ่มคนรุ่นใหม่เริ่ม “โกหก” และ “ตกแต่ง” ใน Resume ของตัวเองให้ดูสวยหรูเกินกว่าความเป็นจริง
.
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะเริ่มชี้หน้าต่อว่าคนรุ่นใหม่นิสัยนั้นไม่มีความอดทน นิสัยไม่ดี และมองหาแต่ทางลัดนั้น ลองไปดูกันดีกว่าว่า เพราะเหตุใดกัน เหล่าคนทำงานรุ่นใหม่ ถึงกับโกหกในเรซูเม่ของตัวเองกันแน่?
.
.
คนรุ่นใหม่โกหกบน Resume ของตัวเองจริงไหม?
.
การวิจัยล่าสุดจาก Career.io เผยข้อมูลที่น่าตกใจ จากการสำรวจผู้ทำงานเต็มเวลา 1,000 คน พบว่า 47% ของ Gen Z ยอมรับว่าเคยโกหกในใบสมัครงาน เทียบกับ Baby Boomers ที่มีเพียง 9% เท่านั้น
.
ส่วนการสำรวจของ FlexJobs กับผู้ทำงาน 2,200 คน ก็เผยผลไม่ต่างกัน โดยพบว่า 1 ใน 3 ของผู้สมัครงานเคยบิดเบือนความจริงในเรซูเม่หรือจดหมายสมัครงานของพวกเขาดังนี้
.
[ ] 29% เกินจริงเรื่องความรับผิดชอบในที่ทำงานเก่า
[ ] 24% ขยายขนาดประสบการณ์การทำงานให้ดูเยอะกว่าความเป็นจริง
[ ] 19% แกล้งทำเป็นกระตือรือร้นกับเป้าหมายของบริษัท
[ ] 10% ปรับวันที่ทำงานเพื่อปกปิดช่วงเวลาที่ตัวเองว่างงาน
.
นอกจากนี้ ในเอเชียเอง สื่อ HR ในสิงคโปร์รายงานผลสำรวจสหรัฐฯ ว่า มากกว่าครึ่ง ของผู้สมัคร “ยอมโกหกเพื่อได้งาน” โดยรายการโกหกยอดนิยมคือ เงินเดือนเดิม (33%), ทักษะ (31%), และ ประสบการณ์ (31%) รวมถึง 73% บอกว่าจะพิจารณาใช้ AI เพื่อช่วย “โกหกอย่างแนบเนียน” ด้วย
.
.
คำถามต่อมาก็คือ เด็กรุ่นใหม่จะโกหกใน Resume ของตัวเองไปทำไม?
.
สาเหตุแรกเลยก็คือ พวกเขาต้องการที่จะฝ่าด่านแรกของการสมัครงาน ด้วยการทำให้อีเมลสมัครงานหรือเรซูเม่ของตัวเอง “ถูกมองเห็น” ไม่ใช่โดย HR ที่เป็นมนุษย์ แต่ถูกมองเห็นและคัดเลือกโดย “อัลกอริทึม” ขององค์กรใหญ่ๆ ที่เรียกว่า “Applicant Tracking System (ATS)”
.
โดย ATS นี้คือซอฟต์แวร์หรือระบบที่ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยองค์กรบริหารจัดการกระบวนการรับสมัครงาน ตั้งแต่การรับ/คัดกรองเรซูเม่ การติดตามสถานะผู้สมัคร การนัดสัมภาษณ์ ไปจนถึงการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อการตัดสินใจ ลดขั้นตอน manual และความผิดพลาดของคน ช่วยให้ HR ทำงานได้มีประสิทธิภาพและใช้เวลาน้อยลง ถือว่ามีประโยชน์มากสำหรับองค์กรที่ต้องการจัดการผู้สมัครจำนวนมาก
.
โดยข้อดีหลักๆ ของระบบ ATS ในงาน HR ก็คือเพิ่มประสิทธิภาพและความเร็ว สามารถคัดกรองเรซูเม่อัตโนมัติ ค้นหาข้อมูลผู้สมัครง่าย ลดเวลางานเอกสารหรือจัดการไฟล์ ลดโอกาสผิดพลาด ด้วยตรวจสอบข้อมูลซ้ำหรือข้อมูลไม่ครบถ้วนได้ทันที แถมยังทำเป็นสถิติและ Report ได้อย่างแม่นยำอีกด้วย
.
อย่างไรก็ตาม ข้อเสียหนึ่งที่เป็น Pain Point ของเหล่าคนทำงานที่ต้องต่อสู้กับระบบคัดกรองของ ATS ก็คือ ระบบ ATS นี้ จะใช้ “คีย์เวิร์ด” เป็นองค์ประกอบหลักในการคัดกรองเรซูเม่ของผู้สมัครทั้งหมด ซึ่งถ้าเกิดว่าเรซูเม่ของใครไม่ตรงกับ “คีย์เวิร์ดที่องค์กรต้องการ” ก็จะถูกตัดสิทธิ์ไปเลยโดยไม่มีโอกาสได้อธิบายหรือ Soft Skill อื่นๆ ที่มีประโยชน์เช่นเดียวกัน
.
นอกจากนี้ ระบบ ATS ก็จะสนใจเฉพาะข้อมูลที่กรอกลงในฟอร์มหรือเรซูเม่ อาจมองข้าม soft skill หรือประสบการณ์ที่อธิบายผ่านสัมภาษณ์หรือข้อมูลประกอบอื่นๆ แถมถ้าหากไม่ปรับ template เรซูเม่ให้เหมาะกับ ATS ผู้สมัครที่ส่งเรซูเม่เป็นไฟล์รูปภาพหรือจัด format แปลกๆ อาจถูกระบบมองข้ามไปเลยก็ได้
.
ยิ่งไปกว่านั้น จากรายงานของ Jobscan เองก็ระบุว่า กว่า 98% ของบริษัทที่อยู่ใน Fortune 500 ใช้ระบบ ATS ในการคัดกรองคนเข้าทำงาน ดังนั้นการสมัครงานในยุคปัจจุบันนี้จึงกลายเป็นเหมือนเกมจึงกลายเป็น “ใครปรับคำให้เข้าคีย์เวิร์ดได้ดีกว่า” มากกว่าการเล่าศักยภาพและประสบการณ์ของตัวเอง จึงทำให้คนทำงานหลายคน โดยเฉพาะ Gen Z จึงเริ่ม “แต่งเรื่องและโกหก” บนเรซูเม่นั่นเอง
.
.
ทางออกอาจต้องแก้ที่องค์กรและระบบ ไม่ใช่คนทำงาน
.
Camilo Izquierdo ผู้เชี่ยวชาญจาก Career.io อธิบายว่า การรับเด็กจบใหม่ในบริษัทยักษ์ด้านเทคฯ ลดลงกว่า 50% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนโควิด แนวโน้มนี้ทำให้ตลาด “เทคะแนน” ให้กับคนที่มีประสบการณ์พร้อมลุยทันที ส่งผลให้เด็กจบใหม่มีโอกาสน้อยลง และถูกกดดันให้ “แต่งเรซูเม่” เพื่อให้ถูกมองเห็นตั้งแต่ด่านแรก
.
นอกจากนี้ แรงกดดันที่ถาโถมเข้าสู่ชีวิตของชาว Gen Z ไม่ได้มาจากเศรษฐกิจอย่างเดียว แต่ยังมาจาก วัฒนธรรมโซเชียลมีเดีย ของคนรุ่นใหม่อีกด้วย โดย Gen Z เติบโตมากับโซเชียลมีเดีย ที่โชว์ไฮไลต์ชีวิตที่สวยเนี้ยบบน TikTok, Instagram, หรือ LinkedIn ที่ทำให้ทุกคนดูไปได้ดีตลอดเวลา ก็ยิ่งทำให้เด็กรุ่นใหม่หลายคนเริ่มรู้สึกว่าตัวเองกำลังโดนทิ้งไว้ข้างหลังและพยายามหาทางลัดให้กับชีวิตของตัวเองด้วยวิธีเหล่านี้
.
"พวกเขาใช้ชีวิตอยู่กับ TikTok, Instagram และ Snapchat ที่เต็มไปด้วยเนื้อหาสั้นๆ ที่ถูกขัดเกลาจนสมบูรณ์แบบ ทุกคนดูเหมือนจะประสบความสำเร็จไปหมด" Izquierdo ชี้ให้เห็น
.
โทนี ฟรานา ผู้จัดการด้านอาชีพจาก FlexJobs มองว่านี่คือ อาการของปัญหาเชิงระบบ มากกว่าจะเป็นเรื่องคุณธรรมส่วนบุคคล ผู้สมัครพยายาม “แต่ง” เพื่อไม่ให้ถูกมองข้าม ให้คะแนนดีขึ้นในระบบคัดกรองอัตโนมัติ (ATS) และดูเป็น “ตัวเลือกที่ใช่” ตั้งแต่แรกเห็น
.
แทนที่จะเข้มงวดแต่เรื่องตรวจสอบ หลายองค์กรเริ่ม เปลี่ยนวิธีคัดคน ไปสู่แนวทาง skills-based hiring —ให้ความสำคัญกับ “ความสามารถที่ทำได้จริง” มากกว่าปริญญาหรือปีประสบการณ์ ฝั่งผู้สมัครทุกวัยก็ได้ประโยชน์ หาก เขียนเรซูเม่ให้เน้นทักษะ และหนุนด้วย ตัวอย่างงานหรือผลลัพธ์ที่วัดได้แทน
.
“แต่สำหรับผู้จัดการฝ่ายจ้างงาน การยอมรับ skills-based hiring ต้องมาพร้อมกับการลงทุนในโปรแกรมฝึกอบรมและการต้อนรับพนักงานใหม่ที่ดีขึ้น โดยเฉพาะหากพวกเขาต้องการให้ talent ระดับ entry-level เติบโตและประสบความสำเร็จในองค์กร” เขาเสริม
.
แม้ว่าการโกหกจะเป็นเรื่องที่ผิด แต่เมื่อพิจารณาจากบริบททั้งหมดของสังคมการทำงานยุคปัจจุบัน ก็พอจะสามารถเข้าใจได้มากขึ้นว่า ทำไมเหล่าคนทำงานรุ่นใหม่เริ่มโกหกในเรซูเม่ของตัวเองมากขึ้น ไม่ใช่เพราะขาดจริยธรรมหรือพยายามหาทางลัด แต่เพราะระบบจ้างงานวันนี้ ให้รางวัลกับความเป๊ะตามเงื่อนไขของระบบ มากกว่าความสามารถจริงต่างหาก
.
.
อ้างอิง
- Gen Z are lying on their resumes and job applications — and it’s not why you think : Tonay Case, Worklifenews - https://bit.ly/3ULQ13n
- 2025 Applicant Tracking System (ATS) Usage Report: Key Shifts and Strategies for Job Seekers : Kelsey Purcell, Jobscan - https://bit.ly/4oEQqCq
- Nearly half of Gen Z admits to lying on job applications, survey finds - Taylor Penley, NewYorkPost - https://bit.ly/3H9HV1h
.
.
#GenZ
#การทำงาน
#สมัครงาน
#หางาน
#trend
#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก Mission To The Moon

MIT เผย AI ทำคนสมองฝ่อจริง! โดยคนใช้ ChatGPT ฝ่อหนักสุด และที่น่าห่วงกว่าคือ ‘เด็กรุ่นใหม่’

2 วันที่แล้ว

2025 นี้ยัง Ultra Luxury ได้เหรอ? เมื่อเที่ยวติดแกลมสวนทางเศรษฐกิจ แต่ทำไมคนยอมจ่าย?

07 ส.ค. เวลา 05.30 น.

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความไลฟ์สไตล์อื่น ๆ

TICC จัดงานแข่งขัน The BEST Tiramisù ค้นหาทีรามิสุอร่อยที่สุดในประเทศไทย

Gourmet & Cuisine

รองนายกฯ มอบเหรียญลูกเสือสดุดี-ยั่งยืน เชิดชูเกียรติ 436 ผู้ทำคุณประโยชน์ต่อกิจการลูกเสือ

MATICHON ONLINE

สตาร์บัคส์เกาหลี ห้ามลูกค้านำคอมพิวเตอร์พีซี พรินเตอร์ มาทำงานในร้าน

Amarin TV

ลดก๊าซเรือนกระจกระหว่างประเทศ สิงคโปร์ร่วมไทยพัฒนาคาร์บอนเครดิต

กรุงเทพธุรกิจ

ฟรีน สโรชา เผยน้ำหอมกลิ่นใหม่ที่ชอบ Raspberry Ripple จาก JO MALONE LONDON

THE STANDARD

เจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ เสด็จเป็นประธานงาน Symposium พร้อมพัฒนาผ้าไทยสู่สากล

Manager Online

ธี่หยด เตรียมเป็นบ้านผีสิงใน Halloween Horror Nights ที่ Universal Studios Singapore

THE STANDARD

“3 หัวเมืองเขมร” ในวรรณกรรมสมัยรัชกาลที่ 4 ที่ทุกวันนี้อยู่ในไทย มีเมืองอะไรบ้าง?

ศิลปวัฒนธรรม

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...