โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

MIT เผย AI ทำคนสมองฝ่อจริง! โดยคนใช้ ChatGPT ฝ่อหนักสุด และที่น่าห่วงกว่าคือ ‘เด็กรุ่นใหม่’

Mission To The Moon

เผยแพร่ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา • Mission To The Moon Media

ChatGPT ทำเด็กรุ่นใหม่สมองฝ่อได้จริงไหม?
.
เทคโนโลยีถูกสร้างขึ้นมาเพื่อทุ่นแรงและประหยัดเวลาซึ่งเป็นทรัพยากรที่มีอยู่จำกัดของมนุษย์ แต่การพึ่งพาเทคโนโลยีมากเกินไปก็ทำให้เรา ‘เสียนิสัย’ บางอย่างไป
.
หากลองสังเกตดูจะรู้ว่า เทคโนโลยีที่รวดเร็วอาจทำให้คนเราอดทนรอได้น้อยลง เทคโนโลยีที่สะดวกสบายอาจทำให้คนเราทนทานต่อความยากและอุปสรรคได้น้อยลงด้วย ไม่ต่างอะไรกับ ChatGPT หรือ โปรแกรมแชตบอต AI ที่ตอนนี้น่าจะกลายเป็นเครื่องมือ Search Engine ของเด็กรุ่นใหม่แทนที่ Google ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
.
แต่ปัญหาก็คือ ChatGPT ที่โต้ตอบกับเราได้มีโทนเสียง มีบุคลิกราวกับมนุษย์คนหนึ่งที่ทำงานได้ด้วยฐานข้อมูลมหาศาล อีกทั้งอยู่ในชีวิตประจำวันของผู้คนไม่ว่าจะเป็นตอนเรียน ตอนทำงาน ตอนหาข้อมูลหรือคำตอบของอะไรสักเรื่อง หรือแม้กระทั่งตอนเหงา นานวันเข้ากลับเริ่มทำให้มนุษย์มีวิธีคิดที่เปลี่ยนไปในทางแย่ลง
.
AI โดยเฉพาะ ChatGPT ส่งผลกระทบต่อการทำงานของสมองเราอย่างไร? แล้วทำไม ‘เด็กรุ่นใหม่’ ถึงน่าเป็นห่วงกว่าใครในยุคนี้?
.
.
MIT เผย ChatGPT ทำคนสมองฝ่อหนักที่สุดในยุคนี้!
.
เป็นที่รู้กันดีว่าโปรแกรมแชตบอต AI โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ChatGPT ถือเป็นเครื่องมือแห่งยุคใหม่ที่สอดแทรกอยู่ในทุกมิติชีวิตของผู้คน วัยนักเรียนนักศึกษามักเคยใช้ ChatGPT ในการหาข้อมูลหรือหาความรู้ในเรื่องต่างๆ
.
ส่วนวัยทำงานก็มักจะใช้ ChatGPT เป็นตัวช่วยที่ทำให้งานของพวกเขาง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสายพัฒนาซอฟต์แวร์ (Software Development) สายครีเอทีฟ หรือสายคอนเทนต์ก็มักจะเปิด ChatGPT ร่วมกับทำงานไปด้วยเสมอ
.
อย่างไรก็ตาม ความธรรมดาที่เกิดขึ้นในโลกยุคใหม่นี้กลับทำให้ผู้เชี่ยวชาญเป็นกังวล เนื่องจากผลการวิจัยล่าสุดจากสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์หรือ MIT ระบุว่า ChatGPT อาจส่งผลร้ายต่อทักษะความสามารถในการคิดเชิงวิพากษ์ (Critical Thinking) ของมนุษย์ได้มากกว่าที่คิด
.
โดย MIT ได้ทำการสำรวจกลุ่มเป้าหมายจำนวน 54 คน ซึ่งมีอายุตั้งแต่ 18 ปีถึงอายุ 39 ปีในพื้นที่เมืองบอสตัน โดยแบ่งกลุ่มเป้าหมายเป็นสามกลุ่ม และให้กลุ่มเป้าหมายเขียนเรียงความ SAT (ข้อสอบที่วัดทักษะการอ่าน การวิเคราะห์ และการเขียน) เป็นจำนวนหลายชิ้น โดยใช้ ChatGPT ของ OpenAI ใช้เครื่องมือค้นหาของ Google และให้เขียนโดยไม่ใช้อะไรเลยตามลำดับ
.
การทดลองดังกล่าวนี้ นักวิจัยใช้เครื่องตรวจวัดคลื่นไฟฟ้าสมอง (EEG) บันทึกกิจกรรมสมองของกลุ่มเป้าหมาย และพบว่าจากทั้งสามกลุ่มเป้าหมายที่ใช้ ChatGPT ในการเขียนเรียงความมีประสิทธิภาพในการทำงานของสมองต่ำสุด กล่าวง่ายๆ คือในขณะที่เขียนเรียงความ สมองของกลุ่มเป้าหมายที่ใช้ ChatGPT ไม่ได้ทำงานอย่างเต็มที่ และใช้ความสามารถในการคิดวิเคราะห์น้อยกว่ากลุ่มเป้าหมายอื่นๆ นั่นเอง
.
ยิ่งไปกว่านั้น ผลคะแนนของเรียงความยังสะท้อนให้เห็นว่ากลุ่มเป้าหมายที่ใช้ ChatGPT มีระดับของทักษะทางภาษา และทักษะการคิดเชิงวิเคราะห์ที่ต่ำกว่ากลุ่มเป้าหมายที่ใช้เครื่องมือค้นหา Google และกลุ่มที่ต้องทำเรียงงานด้วยตัวเอง
.
อีกทั้งยังเขียนเรียงความออกมาในแบบที่ ‘ขาดความเป็นตัวเอง’ เหมือนคัดลอกมาจากแหล่งข้อมูลเดียวกันอีกด้วย เพราะเครื่องมือนี้เอื้อต่อการ Copy-paste ที่ช่วยให้ประหยัดเวลาและพลังงานมากที่สุด
.
ในขณะที่ กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ Google มีคะแนนของกิจกรรมทางสมอง ทักษะด้านภาษาและทักษะการคิดเชิงวิพากษ์สูงกว่า และกลุ่มเป้าหมายที่ทำเรียงความด้วยตัวเอง โดยไม่ใช้เครื่องมืออื่นๆ ช่วยเหลือมีคะแนนสูงที่สุด
.
ดังนั้นจะเห็นได้ว่าการใช้ ChatGPT เป็นประจำ ไม่ว่าจะด้วยวัตถุประสงค์ใดก็ตาม อาจก่อให้เกิด ‘ภาวะสมองฝ่อ’ หรือ Cognitive Atrophy ซึ่งไม่ได้หมายถึงเซลล์สมองถูกทำลายอย่างที่ทางการแพทย์เคยให้คำนิยามไว้ แต่หมายถึงการที่เราผลักภาระหรือหน้าที่ของสมองในการคิดวิเคราะห์ และคิดวิพากษ์ให้ AI ทำงานแทนเป็นประจำ จนสมองขาดความสามารถส่วนนั้นไปในที่สุด
.
.
ตอนนี้ ‘เด็กรุ่นใหม่’ เสี่ยงสมองฝ่อเพราะ AI มากที่สุด
.
นักวิจัยกล่าวว่าการใช้ AI หรือโปรแกรมแชตบอตอย่าง ChatGPT เพื่อทำงาน หรือหาข้อมูลข่าวสารและวิเคราะห์ปัจจัยต่างๆ เป็นประจำอาจสร้างความสะดวกสบายและความรวดเร็วให้กับใครหลายคนได้ก็จริง
.
แต่การผลักภาระหน้าที่ของสมองให้ AI ทำแทนเป็นประจำ (Cognitive Offloading) ก็คล้ายกับการไม่ใช้กล้ามเนื้อเป็นเวลานาน จนกล้ามเนื้อไม่สามารถทำงานต่อไปได้ในที่สุด
.
ยิ่งไปกว่านั้นแล้ว Cognitive Offloading ยังทำให้คนขาดความรู้สึกว่าตัวเองเป็นเจ้าของงาน ความพยายามทางจิตใจในงานชิ้นต่างๆ ก็ลดลงไปด้วย ซึ่งตรงกับการศึกษาของ Harvard ที่เผยแพร่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาว่า AI แบบสร้างสรรค์ทำให้ผู้คนมีประสิทธิผลมากขึ้น แต่มีแรงจูงใจน้อยลง
.
นี่อาจส่งผลกระทบไปถึงสภาวะทางอารมณ์และอาจก่อให้เกิดภาวะ Burnout ขึ้นในกลุ่มคนทำงานในระยะยาวได้เหมือนกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่ม ‘เด็กรุ่นใหม่’ ที่อาจจะเผชิญกับความเสี่ยงตรงนี้มากกว่าคนรุ่นวัยอื่นๆ ในยุคเดียวกัน
.
จากงานวิจัยของ Michael Gerlich นักวิจัยจาก Swiss Business School (SBS) ระบุว่า Cognitive Offloading ทำให้ทักษะ Critical Thinking ของผู้คนลดลง โดยกลุ่มคนที่ใช้ AI บ่อยจนทำให้สมองขาดทักษะนี้ไปมากที่สุดก็คือกลุ่มเป้าหมายในวัย 17-25 ปี
.
จากงานวิจัยทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้นสะท้อนให้เห็นว่าการพึ่งพาโปรแกรมแชตบอต AI อย่าง ChatGPT เป็นประจำ ไม่ว่าจะด้วยเรื่องงาน หรือแม้แต่การตัดสินใจในเรื่องต่างๆ ของชีวิตก็ตาม อาจทำให้สมองของเราไม่เคยถูกฝึกฝนและขาดการพัฒนาทางปัญญาอย่างเต็มที่ จนสูญเสียทักษะ Critical Thinking ไปในที่สุด
.
ยิ่งเด็กรุ่นใหม่ที่ยังขาดประสบการณ์ชีวิต เพิ่งเผชิญกับวัยผู้ใหญ่เป็นครั้งแรก อีกทั้งยังเป็น Digital Native ที่คุ้นชินกับการมีเทคโนโลยีเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต และหากต้องขาด AI ไปสักวันก็อาจทำให้เด็กยุคใหม่รู้สึกขาด ‘ผู้ช่วยเสมือนจริง’ คู่ใจไป
.
ทักษะ Critical Thinking ถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้เราคิดอย่างมีเหตุผลและเป็นระบบ เพื่อวิเคราะห์ ประเมิน และสังเคราะห์ข้อมูล เพื่อนำไปสู่การตัดสินใจหรือแก้ปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพในยุคที่ต้องเจอกับข้อมูลมหาศาล และมีตัวแปรที่ซับซ้อนเกิดขึ้นมากมายในชีวิต
.
.
แล้วเราจะอยู่กับ AI อย่างไรให้รอดจาก ‘ภาวะสมองฝ่อ’?
.
ผู้เชี่ยวชาญจาก MIT กล่าวว่า “สมองของเรายังคงต้องการการพัฒนาในรูปแบบที่เป็น Analog อยู่”
.
ดังนั้นในยุคที่หันไปทางไหนก็เจอแต่ AI และดูเหมือนจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าสำหรับคนที่ต้องการประหยัดระยะเวลา และพลังงานในการคิดประมวลผล หรือตัดสินใจเรื่องต่างๆ ทางออกที่พอจะเป็นไปได้มากที่สุดคือการใช้เครื่องมือ AI อย่างถูกต้องและเหมาะสม
.
Michael Gerlich ให้ความเห็นว่า AI มีส่วนช่วยในการรองรับ ขับเคลื่อน และปรับปรุงคุณภาพงานของผู้คน รวมถึงยังเป็น ‘ผู้ช่วยเสมือนจริง’ ที่ทำให้เราตัดสินใจเรื่องซับซ้อนต่างๆ ในชีวิตประจำวันได้ก็จริง แต่เพื่อไม่ให้มันเปลี่ยนวิธีคิด และลดทอนทักษะ Critical Thinking ของเรา
.
ดังนั้นจึงจำเป็นต้องเพิ่มหลักสูตรหรือโครงการที่เสริมสร้างทักษะ Critical Thinking ในระบบการศึกษา เช่น โรงเรียน มหาวิทยาลัย หรือสถาบันการเรียนรู้ต่างๆ ให้มากขึ้น เพื่อให้ Digital Native หรือคนรุ่นใหม่ รวมถึงวัยรุ่นยุคใหม่ที่เติบโตมาพร้อมกับเทคโนโลยี และกระตือรือร้นที่จะให้ AI มีส่วนร่วมกับชีวิตประจำวันของพวกเขาได้พัฒนาทักษะทางปัญญา ประสิทธิภาพการทำงานของสมอง และเรียนรู้ชีวิตผ่านประสบการณ์จริงได้ในช่วงเวลาที่เหมาะสม
.
นอกจากนี้ นักพัฒนาระบบ AI ยังควรต้องพิจารณาผลกระทบทางสมอง และประสิทธิภาพการทำงานของระบบประสาทที่อาจเกิดขึ้นด้วย โดยสามารถทำได้ด้วยการกำหนดนโยบาย หรือสนับสนุนโปรแกรมที่ช่วยพัฒนาทักษะ Critical Thinking ให้กับผู้ใช้งานมากขึ้น เป็นต้น
.
หรือวิธีการง่ายๆ ที่เราสามารถทำได้ด้วยตัวเอง และไม่ปล่อยให้ AI มากำหนดความคิดของเรามากเกินไปก็คือ ‘ลองฝึกวิธีการแบบ Analog ดูก่อน’ นั่นเอง เช่น ลองหาคำตอบของคำถามง่ายๆ ด้วยตัวเองก่อน หรือไม่ก็รวบรวมข้อมูลที่ช่วยในการตัดสินใจ ผ่านคำแนะนำของผู้คนที่อยู่ในชีวิต และเป็นคนใกล้ตัวเรา อย่างครอบครัว เพื่อนฝูง หรือครูที่ให้คำปรึกษาแก่เราได้
.
การเรียนรู้ประสบการณ์จริงผ่าน ‘คนจริง’ จะช่วยให้สมองของเราพัฒนาและทำให้ระบบประสาทต่างๆ ทำงานประสานกับความคิด การประมวลผล ซึ่งวิธีนี้จะทำให้เราสามารถตัดสินใจเรื่องราวต่างๆ ที่สำคัญในชีวิตได้ดีกว่าพิมพ์คำถามให้ ChatGPT อย่างแน่นอน
.
.
ปัจจุบันนี้เราอาจพูดได้อย่างเต็มปากว่าคงไม่มีใครปฏิเสธหรือหลีกเลี่ยงการอยู่ร่วมกับ AI ได้อีกแล้ว และเป็นไปได้มากทีเดียวว่าการพัฒนาของเทคโนโลยีและ AI อาจจะเป็นประตูสู่โอกาสใหม่ที่ช่วยยกระดับชีวิต และความเป็นอยู่ของผู้คนในอนาคตได้ด้วย
.
อย่างไรก็ตาม AI เป็นเหมือนดาบสองคมที่ทั้งผู้สร้าง ผู้ใช้ และผู้ที่เสพข้อมูลข่าวสารต้องมีทักษะ Critical Thinking ที่เป็นเหมือนตาข่ายในการกรองเนื้อหาต่างๆ ด้วยประสบการณ์และวิจารณญาณส่วนตัว เพราะเป็นสิ่งที่มีพลังมาในยุคนี้ และอาจเปลี่ยนแปลงวิธีที่เราใช้มองโลกไปเลยก็ได้
.
เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้แล้วคุณคิดว่าตอนนี้ AI เปลี่ยนวิธีคิด และมุมมองชีวิตของคุณไปบ้างหรือยัง?
.
.
อ้างอิง
- ChatGPT May Be Eroding Critical Thinking Skills, According to a New MIT Study: Andrew R. Chow, TIME - https://bit.ly/3UPwlLF
- Increased AI use linked to eroding critical thinking skills: Justin Jackson, Phys.org - https://bit.ly/3Uk50RF
.
.
#criticalthinking
#AI
#trend
#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก Mission To The Moon

2025 นี้ยัง Ultra Luxury ได้เหรอ? เมื่อเที่ยวติดแกลมสวนทางเศรษฐกิจ แต่ทำไมคนยอมจ่าย?

07 ส.ค. เวลา 05.30 น.

ใครว่า Fake News แค่เรื่องเล็ก! การท่องเที่ยวญี่ปุ่นหดตัวกว่า 30% เพราะคำทำนายภัยพิบัติจากมังงะ

05 ส.ค. เวลา 05.30 น.

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความไลฟ์สไตล์อื่น ๆ

เจมีไนน์ บินร่วมงาน The House of Creed Pop-Up ที่กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์

THE STANDARD

‘อนุญาโตตุลาการ’ ทางเลือกในโลกธุรกิจ ยุติข้อพิพาทอย่างมืออาชีพ ไม่ต้องถึงศาล

BT Beartai

รัชกาลที่ 5 ทรงมี “พี่น้อง” ร่วมพระราชบิดาและพระราชมารดากี่พระองค์?

ศิลปวัฒนธรรม

“รัตนโกสินทร์ Insinght” เสวนาวิชาการ 70 ปีคณะโบราณคดี ถึง “บ้าน” ที่ชื่อกรุงรัตนโกสินทร์

ศิลปวัฒนธรรม

5 อาหารบำรุงสุขภาพสำหรับคุณแม่วัย 40+

Manager Online

สพฐ. ยัน สอบรองผอ.สพท. โปร่งใส-กรณีวุฒิปลอมเป็นการสอบครูผู้ช่วย ตัดสิทธิทันทีตั้งแต่ต้น

MATICHON ONLINE

ริ้วรอยวัย 40+ ควรระวังยังไง ? อัปเดต 15 เซรั่มลดริ้วรอย คืนผิวอ่อนเยาว์

SistaCafe

ย่ำเท้าลัดเลาะผืนป่า สองตาส่องสัตว์จิ๋ว ณ อุทยานมรดกแห่งชาติเขาใหญ่

a day magazine

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...