โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

ทำธุรกิจต้องรู้ วิธีเช็ก “ลูกค้าเก่า” ยังอยู่กับเราหรือไม่

TODAY

อัพเดต 15 สิงหาคม 2568 เวลา 2.21 น. • เผยแพร่ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา • workpointTODAY

ในการทำธุรกิจหลายคนอาจจะคิดว่าต้องโฟกัสไปที่การหา “ลูกค้าใหม่” ให้ได้เยอะที่สุด เพราะยิ่งธุรกิจมีลูกค้าเยอะ ทั้งรายได้และกำไรก็จะยิ่งมีโอกาสโตขึ้น

แต่รู้ไหมว่าอีกสิ่งสำคัญที่ธุรกิจควรโฟกัสไม่แพ้การหาลูกค้าใหม่ นั่นก็คือการ “รักษาลูกค้าเก่า”

เชื่อไหมว่าการรักษา “ลูกค้าเก่า” ใช้ทุนน้อยกว่าการหาลูกค้าใหม่ถึง 25 เท่า และถ้าบริษัทสามารถรักษาลูกค้าเก่าให้กลับมาซื้อซ้ำได้

บริษัทจะมีโอกาสสร้างกำไรได้มากขึ้น 25% เลยทีเดียว..

ทีนี้แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าเราสามารถรักษาลูกค้าเก่าไว้ได้ ? TODAYBizview จะมาแนะนำ 5 ตัวชี้วัดหลังบ้านที่เอาไว้ใช้ดูว่าลูกค้าเก่ายังอยู่กับเราเยอะแค่ไหน ?

พร้อมสูตรและวิธีคำนวณแบบเข้าใจง่ายๆ แชร์เก็บไว้อ่านได้เลย..

1. Repeat Purchase Rate หรือ “อัตราการซื้อซ้ำ”

ตัวเลขนี้จะบอกว่าลูกค้าเก่าของเรากลับมาซื้อสินค้าของเราเยอะแค่ไหนในช่วงเวลาที่กำหนด ในรูปแบบของเปอร์เซ็นต์

ตัวเลขนี้ “ยิ่งเยอะยิ่งดี” หมายความว่าธุรกิจของเราทำให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำได้เยอะ

Repeat Purchase Rate มีสูตรคำนวณคือ (จำนวนลูกค้าที่มีการซื้อมากกว่า 1 ครั้ง / จำนวนลูกค้าทั้งหมด) x 100 โดยตัวเลขทั้งหมดต้องมาจากช่วงเวลาเดียวกัน

ยกตัวอย่างเช่น สมมติว่าใน 1 ปี ร้านกาแฟของเรามีลูกค้า 1,000 คน โดยในจำนวนนั้นมีลูกค้าที่ซื้อกาแฟมากกว่า 1 ครั้ง จำนวน 200 คน

ในกรณีนี้ ร้านกาแฟของเราจะมี Repeat Purchase Rate ในรอบ 1 ปี เท่ากับ (200 / 1,000) x 100 = 20%

อธิบายง่ายๆ คือ ใน 1 ปีที่ผ่านมา ลูกค้าที่ซื้อกาแฟทุกๆ 100 คน จะกลับมาซื้อซ้ำ 20 คนนั่นเอง

2. Customer Churn Rate หรือ “อัตราการสูญเสียลูกค้า”

ตัวเลขนี้จะบอกว่าในช่วงเวลาที่กำหนดลูกค้าของเรา “เลิกใช้บริการ” หรือ “หายไป” มากน้อยแค่ไหนในรูปแบบของเปอร์เซ็นต์

โดยตัวเลขนี้ยิ่งเข้าใกล้ 0% จะยิ่งดี แปลว่าธุรกิจเราสามารถรักษาฐานลูกค้าไว้ได้

Customer Churn Rate มีสูตรการคำนวณ คือ (จำนวนลูกค้าที่หายไป / จำนวนลูกค้าทั้งหมด) x 100 โดยตัวเลขทั้งหมดต้องมาจากช่วงเวลาเดียวกัน

ยกตัวอย่างเช่น ธุรกิจฟิตเนสมีสมาชิกรายปีทั้งหมด 500 คน แต่พอถึงสิ้นปี มีสมาชิกไม่ต่ออายุ 75 คน

หมายความว่า Customer Churn Rate ของฟิตเนสคือ (75 / 500) x 100 = 15% อธิบายง่าย ๆ คือใน 1 ปี สมาชิกฟิตเนสทุก 100 คน จะมี 15 คนที่ไม่ต่ออายุสมาชิก

อย่างไรก็ดีต้องหมายเหตุไว้ด้วยว่า Customer Churn Rate จะเหมาะใช้วัดผลธุรกิจที่ขายสินค้าหรือบริการแบบ Subscription เป็นรายเดือน หรือรายปีมากกว่า เพราะ Customer Churn Rate จะโฟกัสไปที่ “จำนวนลูกค้าที่หายไป”

ทำให้ถ้าเอาไปใช้กับธุรกิจที่ นาน ๆ ที ลูกค้าจะซื้อสินค้า เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า อาจทำให้ได้ค่า Customer Churn Rate ที่สูงจนไม่สะท้อนความจริงได้

3. Customer Retention Rate (CRR) หรือ “อัตราการรักษาลูกค้า”

ตัวเลขนี้จะบอกว่าธุรกิจสามารถรักษาลูกค้าเดิมไว้ได้มากแค่ไหนในช่วงเวลาที่กำหนด เป็นรูปแบบของเปอร์เซ็นต์ ซึ่งยิ่งเยอะยิ่งดี

สูตรการคำนวณคือ [(จำนวนลูกค้าในช่วงท้ายสุด – ลูกค้าใหม่ที่เพิ่มในช่วงเวลานั้น) / จำนวนลูกค้าเริ่มต้น] x 100

ยกตัวอย่างเช่น สมมติว่าตอนต้นปีแอปสตรีมมิง A มีสมาชิก 1,000 คน และในระหว่างปีมีสมาชิกใหม่ 300 คน แต่ตอนสิ้นปีแอปสตรีมมิง A มีสมาชิกรวมทั้งหมด 1,100 คน

หมายความว่า Customer Retention Rate (CRR) ของแอปสตรีมมิง A จะอยู่ที่ = (800 / 1,000) x 100 = 80% (โดยตัวเลข 800 มาจาก จำนวนลูกค้าในช่วงท้ายสุด 1,100 คน – ลูกค้าใหม่ที่เพิ่มในช่วงเวลานั้น 300 คน )

แปลว่าในช่วงเวลา 1 ปี ลูกค้าแอปสตรีมมิง A ทุก ๆ 100 คน จะมี 80 คน ที่ตัดสินใจเป็นลูกค้าของแอปต่อ

โดย Customer Retention Rate เป็นอีกตัวชี้วัดที่เหมาะจะใช้กับธุรกิจที่ขายสินค้า หรือบริการแบบ Subscription เป็นรายเดือน หรือรายปี คล้าย ๆ กับ Customer Churn Rate เพราะโฟกัสไปที่ “จำนวนลูกค้า” เหมือนกัน

4. Purchase Frequency หรือ “ความถี่ในการซื้อ” ตัวเลขนี้จะบอกว่าลูกค้า 1 คนมีแนวโน้ม “ซื้อซ้ำบ่อยแค่ไหน” ในช่วงเวลาที่กำหนด โดยยิ่งค่านี้สูงจะยิ่งดี แปลว่าธุรกิจสามารถกระตุ้นให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำได้

สูตรการคำนวณคือ จำนวนการซื้อทั้งหมด / จำนวนลูกค้าไม่ซ้ำกัน โดยตัวเลขทั้งหมดต้องมาจากช่วงเวลาเดียวกัน

วิธีการคำนวณคือ สมมติว่าในไตรมาสที่ผ่านมา ร้านอาหารตามสั่ง มีคำสั่งซื้อทั้งหมด 450 ครั้ง และมีลูกค้าไม่ซ้ำหน้ากัน 150 คน

หมายความว่า Purchase Frequency ของร้านอาหารตามสั่งจะอยู่ที่ 450 / 150 = 3 ครั้ง

หรือก็คือเฉลี่ยแล้วลูกค้า 1 คนของร้านจะซื้ออาหารอย่างน้อย 3 ครั้งในไตรมาสที่ผ่านมา

5. Customer Lifetime Value (CLV) หรือ “มูลค่าตลอดอายุของลูกค้า”

ตัวเลขนี้จะบอกว่าลูกค้า 1 คนจะสร้างรายได้ให้กับธุรกิจของเราเท่าไหร่ตลอดระยะเวลาที่คนๆ นั้นเป็นลูกค้าเรา

โดยตัวเลขนี้ยิ่งเยอะยิ่งดี เพราะหมายความว่าเราสามารถสร้างรายได้จากลูกค้า 1 คนได้สูง

Customer Lifetime Value มีสูตรคือ มูลค่าเฉลี่ยต่อคำสั่งซื้อ x จำนวนครั้งที่ซื้อเฉลี่ยต่อเดือน x ระยะเวลาเฉลี่ยที่ลูกค้าอยู่กับแบรนด์

ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเราทำร้านกาแฟแล้วพบว่าลูกค้า 1 คน จะซื้อกาแฟเดือนละ 22 ครั้ง ครั้งละ 60 บาท และเฉลี่ยอยู่กับธุรกิจ 12 เดือน

แบบนี้ CLV ร้านกาแฟของเราจะเท่ากับ 22 x 60 x 12 = 15,840 บาท แปลว่าลูกค้าแต่ละคนจะสร้างรายได้ให้ธุรกิจเฉลี่ย 15,840 บาท นั่นเอง

ถึงตรงนี้ ต้องบอกก่อนว่าแม้สูตรที่ให้ไว้จะดูไม่มีอะไรซับซ้อน แต่ความท้าทายจริงๆ ของเรื่องนี้น่าจะเป็นเรื่อง “ข้อมูล” ของลูกค้า

เพราะการจะได้ข้อมูลเหล่านี้มาคำนวณ เราอาจต้องใช้เครื่องมือต่าง ๆ เช่น ระบบ POS สำหรับร้านอาหาร หรือระบบ CRM ต่าง ๆ ที่สามารถรวบรวมข้อมูลลูกค้าได้

แต่ถ้าสามารถทำได้.. ตัวชี้วัดเหล่านี้จะเป็นประโยชน์มาก ๆ ในพาร์ตของการกำหนดกลยุทธ์ว่าควรออกโปรโมชันแบบไหน

ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเจอว่าธุรกิจมีลูกค้าที่กลับมาซื้อซ้ำน้อยเกินไปเราก็อาจใช้โปรโมชันส่วนลดสำหรับลูกค้าเก่ามากระตุ้นให้คนเหล่านั้นกลับมาใช้บริการเยอะขึ้นนั่นเอง

สุดท้ายนี้ ต้องบอกด้วยว่าจริงๆ แล้ว หลังบ้านการตลาดยังมีเครื่องมือวัดผลอีกหลายตัวที่เกี่ยวข้องกับลูกค้าเก่า แต่อาจจะไม่ได้พูดถึงในบทความนี้

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก TODAY

‘จิมมี ไล’ ไพ่ใบใหม่บนโต๊ะเจรจา จีน–สหรัฐฯ เมื่อดีลการค้า เดิมพันด้วยคดีความมั่นคง และอนาคตของเสรีภาพในเงื้อมมือมหาอำนาจ

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

“กิฟฟารีน” เปิดตัว AI Coach เพิ่มขีดความสามารถนักขายด้วยเทรนเนอร์ส่วนตัว ผสานเทคโนโลยีและโซลูชั่นจาก “ไมโครซอฟท์” และ “ฟรอนทิส”

3 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความไอที ธุรกิจอื่น ๆ

ICHI โชว์ยอดขาย Q2 โต 30% เคาะปันผล 0.55 บาท รับทรัพย์ 11 ก.ย.68

ข่าวหุ้นธุรกิจ

SC กวาดรายได้ Q2 กว่า 5.2 พันล้าน ตุนแบ็กล็อกแกร่ง 1.96 หมื่นล.

ข่าวหุ้นธุรกิจ

DITTO อวดกำไร Q2 นิวไฮ 168 ล้าน แจกปันผล 0.25 บ. ขึ้น XD 27 ส.ค.นี้

ข่าวหุ้นธุรกิจ

ILINK กวาดรายได้ครึ่งปีกว่า 3,092 ล้านบาท เดินหน้าปรับแผนรุกตลาดเสริมแกร่ง 3 กลุ่มธุรกิจหลัก

THE STATES TIMES

สนข. ยืนยันทำ EHIA โครงการแลนด์บริดจ์ เป็นไปตามกฎหมายด้านสิ่งแวดล้อม รับฟังความคิดเห็นปชช. ครอบคลุมทุกพื้นที่จ.ชุมพร-จ.ระนอง

สยามรัฐ

หุ้นไทย VS หุ้นเวียดนาม ใครแกร่งกว่ากันในสนามลงทุน

Finnomena

ข่าวและบทความยอดนิยม

รู้จัก TAM SAM SOM ทำไมทำธุรกิจที่มีคู่แข่งเยอะ อาจไม่แย่เสมอไป

TODAY

10 แบรนด์ ทรงอิทธิพลสุดในโลก

TODAY

สรุป 10 อาชีพ ดาวรุ่ง ดาวร่วง ปี 2568

TODAY
ดูเพิ่ม
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...