‘จิมมี ไล’ ไพ่ใบใหม่บนโต๊ะเจรจา จีน–สหรัฐฯ เมื่อดีลการค้า เดิมพันด้วยคดีความมั่นคง และอนาคตของเสรีภาพในเงื้อมมือมหาอำนาจ
ไม่บ่อยนักที่คดีความมั่นคงภายในประเทศใด จะกลายเป็นแรงสั่นสะเทือนบนเวทีการค้าโลก แต่นี่ไม่ใช่กับกรณีของ ‘จิมมี ไล’ เจ้าพ่อสื่อฮ่องกง ผู้ก่อตั้ง Apple Daily ซึ่งถูกคุมขังมากว่า 1,600 วัน ภายใต้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติที่จีนบังคับใช้ในฮ่องกง
ในสายตาชาติตะวันตก ไลเป็นสัญลักษณ์แห่งการต่อสู้เพื่อเสรีภาพ แต่สำหรับจีน เขาคือภัยต่อความมั่นคง จึงเกิดแรงกดดันจากนานาชาติให้ปล่อยตัว โดยเฉพาะอังกฤษซึ่งมองว่า ในฐานะพลเมืองอังกฤษ การดำเนินคดีกับเขาละเมิด ปฏิญญาร่วมจีน–อังกฤษ ปี 1984 ที่รับประกันเสรีภาพและหลักนิติธรรม 50 ปีหลังส่งมอบ
ขณะที่สหรัฐฯ แม้กำลังอยู่ในช่วงเร่งปิดดีลการค้ากับรัฐบาลจีน แต่ก็เผชิญแรงกดดันจากกลุ่มสิทธิมนุษยชนและสภาคองเกรสไม่ให้เพิกเฉย เพราะไลและ Apple Daily เคยเป็นกระบอกเสียงสนับสนุนประชาธิปไตยและเรียกร้องให้วอชิงตันช่วยเหลือ ทำให้คดีนี้มีน้ำหนักเชิงสัญลักษณ์และอาจกลายเป็น ‘ไพ่ต่อรอง’ บนโต๊ะเจรจา
การไต่สวนของไลเพิ่งเข้าสู่ช่วงแถลงปิดคดี แต่ต้องเลื่อนเพราะอิทธิพลไต้ฝุ่น ทว่าความสนใจจากนานาชาติกลับพุ่งสูงขึ้น โดยเฉพาะเมื่อคดีนี้เดินคู่มากับช่วงเวลาอ่อนไหวทางการทูต ทำให้นักวิเคราะห์บางรายมองว่าผลลัพธ์อาจไม่เพียงชี้ชะตาของชายวัย 77 ปี แต่ยังอาจสร้างแรงสะเทือนต่อสมดุลความสัมพันธ์ระหว่างสองมหาอำนาจเศรษฐกิจโลก
เส้นทางชีวิต ‘จิมมี ไล’ สู่การท้าทายอำนาจจีน
จิมมี ไล เกิดในครอบครัวมีฐานะ ในเมืองกวางโจว ก่อนที่ครอบครัวของเขาจะสูญเสียความมั่งคั่งไป หลังจากพรรคคอมมิวนิสต์ยึดอำนาจในปี 1949 ทำให้ไลต้องแอบหนีขึ้นเรือประมงไปฮ่องกง ตั้งแต่ตอนมีอายุเพียง 12 ปี ทำงานเป็นแรงงานเด็กในโรงงานเสื้อผ้า และค่อยๆ ไต่เต้าจนก่อตั้งแบรนด์เสื้อผ้า Giordano สำเร็จ
เหตุการณ์สังหารหมู่เทียนอันเหมินในปี 1989 กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ไลตัดสินใจขายธุรกิจแฟชั่นแล้วหันมาสู่วงการสื่อ ก่อตั้ง Apple Daily ในปี 1995 เพื่อเป็นกระบอกเสียงให้ประชาธิปไตย เสรีภาพสื่อ และตรวจสอบอำนาจรัฐ สื่อของเขามีจุดยืนชัดเจนในการวิพากษ์รัฐบาลจีน และสนับสนุนการเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิของชาวฮ่องกง
ไลได้รับสัญชาติอังกฤษเต็มตัวในปี 1994 แม้ไม่เคยถือพาสปอร์ตจีนหรือฮ่องกง แต่ภายใต้กฎหมายฮ่องกง เขายังถูกจัดว่าเป็น ‘พลเมืองจีน’ เส้นทางสื่อและการเคลื่อนไหวทางการเมืองทำให้เขาถูกเพ่งเล็งอย่างหนัก และปะทุถึงจุดเดือดในปี 2019 เมื่อไลและ Apple Daily สนับสนุนการประท้วงต้านร่างกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดน เหตุการณ์นี้กลายเป็นชนวนให้เขาถูกตั้งข้อหาภายใต้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติในปี 2020
การบุกค้น Apple Daily และจับกุม จิมมี ไล
วันที่ 10 สิงหาคม 2020 ตำรวจนับร้อยนายบุกเข้าไปในสำนักงานใหญ่ Apple Daily พร้อมหมายค้นภายใต้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติที่เพิ่งมีผลบังคับใช้ไม่ถึง 6 สัปดาห์ เพื่อจับกุม จิมมี ไล ในวัย 72 ปี เขาถูกใส่กุญแจมือและพาตัวออกจากอาคารต่อหน้ากล้องสื่อมวลชน ภาพนี้กลายเป็นสัญลักษณ์ของการปราบปรามเสรีภาพสื่อที่ถูกส่งต่อไปทั่วโลก
การจับกุมครั้งนั้นมาพร้อมข้อกล่าวหาหนักหลายกระทง รวมถึง สมคบคิดกับต่างชาติ และ สมรู้ร่วมคิดเพื่อปลุกปั่นความไม่พอใจต่อรัฐบาลจีนและฮ่องกง ตำรวจยังเข้ายึดเอกสาร คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์สื่อสารของบรรณาธิการและพนักงานจำนวนมาก
ในเดือนมิถุนายน 2021 ศาลสั่งอายัดทรัพย์สินของไลและบริษัท Next Digital ซึ่งเป็นเจ้าของ Apple Daily มูลค่ากว่า 18 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง ทำให้หนังสือพิมพ์ที่ก่อตั้งมากว่า 26 ปี ต้องปิดตัวลงภายในเวลาไม่กี่วัน การปิด Apple Daily ถูกมองว่าเป็นการปิดฉากหนึ่งในสื่อเสรีที่ทรงอิทธิพลที่สุดของฮ่องกง และเป็นการส่งสัญญาณว่า กฎหมายความมั่นคงฯ จะถูกใช้จัดการกับเสียงวิจารณ์ทุกระดับ
การดำเนินคดีและวันเวลาหลังลูกกรง
หลังถูกจับกุม ไลเผชิญข้อหาเพิ่มเติมหลายกระทง ทั้งภายใต้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ และข้อหาที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมโดยไม่ได้รับอนุญาตระหว่างการประท้วงปี 2019–2020 ศาลฮ่องกงปฏิเสธการประกันตัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยให้เหตุผลว่ามี ‘ความเสี่ยงสูง’ ที่เขาอาจกระทำความผิดซ้ำหากได้รับการปล่อยตัว
ตั้งแต่ปลายปี 2020 ไลถูกควบคุมตัวต่อเนื่องในเรือนจำความมั่นคงสูง จนถึงปัจจุบันคิดเป็นเวลากว่า 1,600 วันที่เขาถูกคุมขัง โดยไลต้องเผชิญการพิจารณาคดีจากหลายสำนวนคู่ขนาน รวมถึงคดี ‘สมคบคิดกับต่างชาติ’ ซึ่งมีโทษสูงสุดจำคุกตลอดชีวิต และคดีอื่นที่เกี่ยวกับการใช้สื่อและการติดต่อกับต่างประเทศ
การไต่สวนคดีความมั่นคงฯ เริ่มต้นในเดือนมกราคม 2024 คาดว่าจะใช้เวลาหลายเดือนเนื่องจากพยานหลักฐานจำนวนมาก และการซักค้านพยานผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงและสื่อสารมวลชน ล่าสุด การแถลงปิดคดีซึ่งเดิมกำหนดในเดือนสิงหาคม 2025 ต้องเลื่อนออกไปอย่างกะทันหันเพราะ ไต้ฝุ่นซาวลา พัดถล่มฮ่องกง ทำให้ศาลปิดทำการและกระบวนการทั้งหมดต้องหยุดชั่วคราว ส่งผลให้การตัดสินคดีซึ่งจะกำหนดอนาคตของชายวัย 77 ปีนี้ถูกเลื่อนไปโดยไม่มีกำหนดแน่ชัด
‘อังกฤษ’ เดินหน้ากดดัน จีนปล่อยตัว จิมมี ไล
ในฐานะพลเมืองอังกฤษ กรณีของจิมมี ไลถูกรัฐบาลสหราชอาณาจักรประกาศว่าเป็น ‘เรื่องสำคัญ’ ทั้งในเชิงหลักสิทธิมนุษยชนและในฐานะสัญลักษณ์ของเสรีภาพสื่อ ย้อนกลับไปในปี 2020 โดมินิก ราบ รัฐมนตรีต่างประเทศในขณะนั้น เรียกร้องให้ฮ่องกงยุติการดำเนินคดี พร้อมระบุว่าการจับกุมไลเป็นการละเมิด ปฏิญญาร่วมจีน–อังกฤษ ปี 1984 ซึ่งรับประกันเสรีภาพและหลักนิติธรรมให้ฮ่องกง
ต่อมาในปี 2024 นายกรัฐมนตรีเซอร์ เคียร์ สตาร์เมอร์ แถลงต่อรัฐสภาว่ารัฐบาลติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ขณะที่เดวิด แลมมี รัฐมนตรีต่างประเทศ ได้นำประเด็นนี้ขึ้นหารือกับฝ่ายจีนอย่างเป็นทางการ ความเคลื่อนไหวล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อเดือนพฤษภาคม 2025 เมื่ออดีตนักโทษและผู้ที่เคยถูกคุมขังอย่างไม่เป็นธรรมหลายรายร่วมกันส่งจดหมายเปิดผนึกถึงสตาร์เมอร์ เรียกร้องให้เร่งเจรจาปล่อยตัวไล ก่อนที่สุขภาพของเขาจะทรุดหนักเกินเยียวยา
แม้ในช่วงแรกจะมีเสียงวิจารณ์ว่าท่าทีของรัฐบาลอังกฤษยังไม่เด็ดขาดเพียงพอ แต่ตลอดปีที่ผ่านมา แรงกดดันจากลอนดอนต่อปักกิ่งได้ทวีความเข้มข้นอย่างชัดเจน ผสมผสานทั้งการยืนหยัดในหลักสิทธิมนุษยชนและการคำนึงถึงสมดุลความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศ
ครอบครัวไม่หมดหวัง
เซบาสเตียน ไล ลูกชายของ จิมมี ไล ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อหลายครั้ง โดยย้ำว่าพ่อของเขากำลังเผชิญการคุมขังเดี่ยวเป็นเวลานาน ซึ่งส่งผลกระทบต่อร่างกายอย่างหนัก ทั้งยังวิพากษ์วิจารณ์ว่ารัฐบาลอังกฤษยังแสดงท่าทีไม่เด็ดขาดเพียงพอ พร้อมเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ ยกระดับการผลักดันเรื่องนี้ในเวทีระหว่างประเทศ เช่น การประชุม G7
ตลอดช่วงที่ผ่านมา เซบาสเตียนเดินสายเข้าพบนักการเมือง สื่อมวลชน และองค์กรสิทธิมนุษยชนทั่วโลก เพื่อสร้างแรงกดดันต่อรัฐบาลจีน รวมถึงยื่นจดหมายเปิดผนึกถึงดาวนิงสตรีท และกล่าวถ้อยแถลงในเวทีคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ โดยย้ำว่าคดีนี้ไม่ใช่เพียงเรื่องของครอบครัวหนึ่ง แต่เป็นบททดสอบอนาคตของเสรีภาพสื่อในเอเชีย
เขายังระบุว่า การปรับความสัมพันธ์ระหว่างอังกฤษกับจีนให้กลับสู่ ‘ภาวะปกติ’ ควรมีเงื่อนไขรวมถึงการปล่อยตัวจิมมี ไลด้วย พร้อมแสดงความตั้งใจว่า หากมีการปล่อยตัวเกิดขึ้น เขาพร้อมพาบิดากลับสหราชอาณาจักรทันที
คดี ‘จิมมี ไล’ กับเดิมพันการทูตสหรัฐฯ–จีน
แม้คดีของจิมมี ไล จะอยู่ภายใต้กฎหมายความมั่นคงฯ ที่จีนประกาศใช้ในฮ่องกง แต่สถานะของเขากลับโยงเข้าสู่เวทีการทูตระดับโลกอย่างเลี่ยงไม่ได้ ทั้งในฐานะพลเมืองอังกฤษ และเจ้าของสื่อที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลจีนอย่างตรงไปตรงมา พร้อมเรียกร้องให้สหรัฐฯ สนับสนุนขบวนการประชาธิปไตยในฮ่องกง
ในมุมมองของอังกฤษ การควบคุมตัวไลถือเป็นการละเมิด ปฏิญญาร่วมจีน–อังกฤษ ปี 1984 ข้อตกลงส่งมอบฮ่องกงที่รับประกันสิทธิเสรีภาพและหลักนิติธรรมอย่างน้อย 50 ปีหลังปี 1997 การเรียกร้องให้ปล่อยตัวเขาจึงไม่ใช่เพียงการปกป้องพลเมือง แต่ยังเป็นการรักษาความน่าเชื่อถือของลอนดอนบนเวทีโลก
ขณะเดียวกัน สหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังเร่งปิดดีลการค้าครั้งใหญ่กับปักกิ่ง แต่ก็เผชิญแรงกดดันจากสภาคองเกรสและองค์กรสิทธิมนุษยชนให้ไม่เพิกเฉยต่อกรณีนี้ เพราะไลและ Apple Daily เคยเป็นกระบอกเสียงสำคัญของเสรีภาพ และเปิดพื้นที่ให้ขบวนการประชาธิปไตยได้สื่อสารสู่โลกภายนอก
ความทับซ้อนระหว่างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจกับประเด็นสิทธิมนุษยชน ทำให้ จิมมี ไล อาจกลายเป็น‘ไพ่ต่อรอง’ ในเกมการทูตระหว่างสองมหาอำนาจ เกมที่ผลลัพธ์ไม่เพียงชี้ชะตาชายวัย77 ปีผู้นี้ แต่ยังอาจส่งผลต่อทิศทางความสัมพันธ์สหรัฐฯ–จีน ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของเศรษฐกิจโลก