"เดอะโมทย์" รวบ 2 หนุ่มควบ จยย.ตระเวนลักพระพุทธรูปตามหมู่บ้าน
วันที่ 9 ส.ค.68 ที่ สน.เพชรเกษม ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.อ.ปราโมทย์ จันทร์บุญแก้ว ผกก.สน.เพชรเกษม , พ.ต.ท.วรงค์กรณ์ ขจรบุญญาวัฒน์ รอง ผกก.สส.สน.
เพชรเกษม , พ.ต.ท.ธวัชชัย ทิพย์วงษ์สว.สส.สน.เพชรเกษม , และชุดสืบสวน สน.เพชรเกษมจับกุมนายเอกราช หรือเอก อายุ 44 ปี กับ นายพัฒนา หรือโต๊ด อายุ 23 ปี
พร้อมด้วยของกลางพระพุทธรูปปางมาวิชัย (ชนะมาร) ขนาดหน้าตัก 9 นิ้ว จำนวน 1 องค์,รูปหล่อหลวงพ่อรวย ขนาดหน้าตัก 9 นิ้ว จำนวน 1 องค์,เสื้อแจ็คเก็ตแขนยาว สีเขียว จำนวน 1 ตัว,กางเกงขางสั้น สีลายขาวสลับน้ำเงิน จำนวน 1 ตัว และรองเท้าแตะแบบสวม ยี่ห้อ Hello Polo สีตาลอ่อน จำนวน 1 คู่ โดยจับกุมได้ที่บริเวณหน้าห้องพักแห่งหนึ่ง ในซอยเพชรเกษม 65 แขวงหลักสอง เขตบางแค กรุงเทพฯ และบริเวณหน้าบ้านพักไม่มีเลขที่ ภายในชุมชนปู่เย็นฺย่าคำ ซอยเพชรเกษม 65 แขวงหลักสอง เขตบางแค กรุงเทพฯ
เบื้องต้นแจ้งข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ในเคหะสถานในเวลากลางคืนโดยทำลายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองทรัพย์นั้นโดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม”
พฤติการณ์ กล่าวคือก่อนวันเวลาจับกุมตัวผู้ต้องหาในคดีนี้ เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2568 เวลาประมาณ 04.00 น.ได้เกิดเหตุมีคนร้ายเป็นชายจำนวน 2 คน ได้ร่วมกันใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะก่อเหตุลักทรัพย์พระพุทธรูปจำนวน 3 องค์ ที่บ้านหลังหนึ่ง ในซอยเพชรเกษม 63 แขวงหลักสอง เขตบางแค กรุงเทพฯ จากนั้นได้ขับรถจักยานยนต์หลบหนีไป จึงได้รายงานเหตุให้กับผู้บังคับบัญชาทราบ และได้สั่งการให้สืบสวนหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้เร็วที่สุด ซึ่งจากการสืบสวนตัวคนร้ายโดยการตรวจสอบกล้องวงจรปิดสามารถบันทึกภาพขณะที่คนร้ายก่อเหตุไว้ได้ รวมทั้งเส้นทางมาก่อเหตุและเส้นทางหลบหนีหลังเกิดเหตุทำให้ทราบตำหนิรูปพรรณ ต่อมาตำรวจชุดจับกุมตัวได้ติดตามเส้นทางที่หลบหนีของคนร้ายจนทราบว่าคนร้ายหลบหนีมาอยู่บริเวณห้องพัก ในซอยเพชรเกษม 65 แขวงหลักสอง เขตบางแค กรุงเทพฯ จึงได้ไปตรวจสอบพบ นายเอกราช หรือเอก ผู้ต้องหาที่ 1 คนซ้อน (ทราบชื่อและนามสกุลจริงภายหลัง) ซึ่งมีลักษณะตำหนิรูปพรรณตรงกับคนร้ายที่ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์และเป็นผู้ลงมือก่อเหตุลักทรัพย์พระพุทธรูปที่บ้านหลังดังกล่าว ตามภาพกล้องวงจรปิด เมื่อนายเอกราช หรือเอก พบเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แสดงอาการมีพิรุธต้องสงสัย จึงได้แสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจขอตรวจค้น โดยก่อนตรวจค้นได้แสดงความบริสุทธิ์ให้ดูจนเป็นที่พอใจแล้ว ยินยอมให้ตรวจค้นผลการตรวจค้นไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย แต่จากการสอบถามนายเอกราช ผู้ต้องหาที่ 1 รับว่าตนเป็นบุคคลซ้อนท้ายและเป็นผู้ลงมือก่อเหตุลักทรัพย์พระพุทธรูปตามภาพในกล้องวงจรปิดที่เจ้าหน้าที่ตำรวจให้ดูจริง และยังได้นำเจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจยึดพระพุทธรูป และรูปหล่อหลวงพ่อรวย ซึ่งอยู่ในห้องพักของผู้ต้องหาที่ 1 รวมทั้งเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายที่ใช้ในการก่อเหตุ และรถจักรยานยนต์ที่ใช้เป็นยานพาหนะในการก่อเหตุ ซึ่งได้ตรวจสอบแล้วตรงกับภาพถ่ายวงจรปิดที่บันทึกไว้ได้ ทั้งยังรับว่าบุคคลที่ขับรถจักรยานยนต์และร่วมกันลักทรัพย์คือ นายพัฒนา หรือโต๊ด ผู้ต้องหาที่ 2 (ทราบชื่อและนามสกุลจริงภายหลัง) ซึ่งเป็นรุ่นน้องที่รู้จักกัน และหลังจากก่อเหตุได้แบ่งพระพุทธรูปจำนวน 1 องค์ ให้กับนายพัฒนา
จากนั้นได้นำเจ้าหน้าที่ตำรวจไปพบกับ นายพัฒนา ซึ่งพักอยู่ที่ภายในชุมชนปู่เย็นฺย่าคำ ซอยเพชรเกษม 65 แขวงหลักสอง เขตบางแค กรุงเทพฯ เมื่อไปถึงพบนายพัฒนา อยู่ที่หน้าบ้านพักดังกล่าว เมื่อพบเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้แสดงอาการมีพิรุธต้องสงสัย จึงได้แสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจขอตรวจค้น ผลการตรวจค้นไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย แต่จากการสอบถามนายพัฒนา รับว่าตนเป็นผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ตามคลิปจากล้องวงจรปิดที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ให้ดูจริง และยังได้นำเจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจยึดพระพุทธรูป จำนวน 1 องค์ และเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายที่ตนเองใช้สวมใส่ ซึ่งได้ตรวจสอบแล้วตรงกับภาพถ่ายวงจรปิดที่บันทึกไว้ได้ และได้ยินยอมให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการตรวจยึดไว้ ในเบื้องต้นเจ้าพนักงานชุดจับกุมพิจารณาแล้วเห็นว่าได้พบผู้ต้องหาทั้งสองนี้ พร้อมด้วยของกลางคือพระพุทธรูปที่ได้มาจากการกระทำผิดอยู่ในความครอบครองของผู้ต้องหาทั้งสอง ซึ่งเมื่อผู้เสียหายได้มาดูแล้วยืนยันว่าเป็นพระพุทธรูปของตนเองที่ถูกลักเอาไปจริง ซึ่งเป็นพยานหลักฐานอันเชื่อว่าผู้ต้องหาทั้งสองนี้ได้กระทำความผิดจริง ประกอบกับมีภาพถ่ายจากกล้องวงจรปิดซึ่งบันทึกภาพขณะเกิดเหตุไว้ได้ ผู้ต้องหาทั้งสองได้นี้รับว่าเป็นบุคคลตามภาพวงจรปิด และให้การรับสารภาพว่าได้ร่วมกันก่อเหตุลักทรัพย์จริง
จากการสอบถามผู้ต้องหาทั้งสองไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง หากเป็นการเนิ่นช้าที่จะเอาหมายจับมาได้ เกรงว่าจะหลบหนี จึงได้ร่วมกันแจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบควบคุมตัวพร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป