โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ต่างประเทศ

บัวแก้วเปิดรายละเอียด ไทยได้อะไรจากMOU43

MATICHON ONLINE

อัพเดต 3 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 3 ชั่วโมงที่ผ่านมา

บัวแก้วเปิดรายละเอียด
ไทยได้อะไรจากMOU43

ในห้วงเวลาที่ผ่านมา มีเสียงเรียกร้องจากบางฝ่ายให้ยกเลิกบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลกัมพูชา ว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก หรือ MOU 2543 และ บันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลกัมพูชาว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อนกัน หรือ MOU 2544 ด้วยการให้เหตุผลและตีความกันไปหลากหลาย ล่าสุดวุฒิสภาได้มีมติตั้งคณะกรรมาธิการเพื่อศึกษาหาข้อสรุปว่าควรจะมีการยกเลิก MOU ทั้งสองฉบับหรือไม่ เพื่อนำส่งข้อเสนอไปยังรัฐบาลต่อไป ขณะที่ในส่วนของสภาผู้แทนราษฎรยังไม่ได้ตั้งคณะกรรมาธิการขึ้น แต่ก็เป็นขั้นตอนที่จะต้องมีการดำเนินการต่อไปในลักษณะเดียวกันในเร็วๆ นี้

ทั้งหมดทั้งมวลต้องยอมรับว่า ประเด็นเรื่องเขตแดนระหว่างไทย-กัมพูชาเป็นเรื่องละเอียดอ่อนและเปราะบางอย่างยิ่ง ในสัปดาห์ที่ผ่านมา กระทรวงการต่างประเทศ ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับ MOU 2543 โดย นายเบญจมินทร์ สุกาญจนัจที อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย ร่วมกับ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ

นายนิกรเดชเน้นย้ำว่าประเทศไทยมีความตั้งใจที่จะแก้ไขปัญหาอย่างสันติวิธี โดยยึดมั่นในกลไกที่มีอยู่เช่น MOU 2543 แต่เนื่องจากปัจจุบันสังคมไทยยังมีความไม่เข้าใจเกี่ยวกับบันทึกความเข้าใจ และมีกระแสเรียกร้องให้ยกเลิกอยู่ จึงอยากให้ อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมายในฐานะผู้เชี่ยวชาญมาให้ความรู้ หลังจากที่อธิบดีเบญจมินทร์ได้อธิบายถึงประเด็นบ้านหนองจานอย่างละเอียดและชัดเจนไปก่อนหน้านี้แล้ว

นายเบญจมินทร์กล่าวว่า กฎหมายและเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนประกอบด้วย 1. หนังสือสัญญาระหว่างกรุงสยามกับกรุงฝรั่งเศส ลงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1907
2. หนังสือสัญญาระหว่างพระเจ้าแผ่นดิน สยามกับประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส ลงวันที่ 23 มีนาคม ค.ศ. 1907
3.แผนที่ที่จัดทำขึ้น ตามผลงานของคณะกรรมการปักปันเขตแดนระหว่างสยามกับอินโดจีน ตามสนธิสัญญาทั้งสองฉบับ
4.เอกสารอื่นที่เกี่ยวข้องกับการบังคับใช้อนุสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ค.ศ. 1904 และ ค.ศ. 1907
และ 5.บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก พ.ศ. 2543 (MOU 2543)

MOU 2543 เป็นการกำหนดกรอบความตกลง และกลไกเพื่อร่วมกันสำรวจและจัดทำหลักเขตแดน เพื่อให้ได้แผนที่ที่นำมาใช้ได้จริง โดยใช้อนุสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ค.ศ. 1904 และ ค.ศ. 1907 เป็นพื้นฐาน เนื่องจากหนังสือสัญญาดังกล่าวได้ให้อำนาจคณะกรรมการปักปันเขตแดน เพื่อให้ไปทำแผนที่โดยใช้ สันปันน้ำ แม่น้ำ และแนวเส้นตรง รวมถึงยังมีเอกสารอื่นๆ เช่น แผนที่ที่จัดทำขึ้นตามผลงานของคณะกรรมการ ปักปันเขตแดน และเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการบังคับใช้อนุสัญญาฉบับปี ค.ศ. 1904 และ 1907 ระหว่าง สยาม-ฝรั่งเศส

MOU 2543 มีกลไกลักษณะเดียวกับอนุสัญญาสยาม-ฝรั่งเศสฉบับปี ค.ศ. 1904 และ ค.ศ. 1907 โดยมีการสร้างกรอบความตกลงและจัดตั้งคณะกรรมาธิการปักปันเขตแดน คล้ายกับคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) เพื่อดำเนินการจัดทำ แผนที่ที่สามารถใช้งานได้จริง

คณะกรรมาธิการ JBC ไทย-กัมพูชา มีหน้าที่สำรวจจัดทำหลักเขตแดน ทำแผนแม่บทกำหนดอำนาจหน้าที่ กำหนดความเร่งด่วนของพื้นที่ และมอบหมายให้คณะอนุกรรมาธิการเทคนิค (JTSC) ลงพื้นที่ เพื่อสำรวจแนวเส้นเขตแดน และพิสูจน์ตำแหน่งที่แน่ชัดของหลักเขตแดนทั้ง 74 หลักเพื่อจัดทำแผนที่ รวมถึงการพิจารณารายงาน และข้อเสนอของคณะกรรมาธิการเทคนิค และที่สำคัญคือการผลิตแผนที่ที่ไทย-กัมพูชา สามารถนำมาใช้ร่วมกันได้จริง ซึ่งจะต้องผ่านกระบวนการตามรัฐธรรมนูญ เพื่อให้รัฐสภาพิจารณาให้ความ เห็นชอบก่อน

MOU 2543 มีความสำคัญเนื่องจากเป็นกรอบที่ความร่วมมือที่ถูกกำหนดไว้ โดยเฉพาะข้อ 3 ที่กำหนดให้คณะสำรวจพื้นที่ต้องได้รับการคุ้มครองความปลอดภัยจากทุ่นระเบิด ข้อ 5 ที่กำหนดให้ทั้งสองฝ่าย งดเว้นการดำเนินการใดๆ ที่อาจเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมของพื้นที่ชายแดน และข้อ 8 ที่เน้นย้ำให้ทั้งสองฝ่าย แก้ไขปัญหาชายแดนที่อาจเกิดขึ้นด้วยกลไกทวิภาคีอย่างสันติวิธี ทั้งนี้มีข้อสังเกตว่า การกระทำที่ผ่านมาของฝ่ายกัมพูชา เช่นการเสนอเรื่อง 4 พื้นที่ให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) พิจารณา และความพยายามที่จะดึงประเทศอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง มีลักษณะที่ขัดแย้งกับหลักการใน MOU และรู้สึกแปลกใจที่ฝ่ายกัมพูชาตัดสินใจดำเนินการไปในทิศทางดังกล่าว

อธิบดีเบญจมินทร์ย้ำว่า MOU 2543 กำหนดให้ทั้งไทยและกัมพูชาต้องงดเว้นการดำเนินการใดๆ ที่มีผลเป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมของพื้นที่ชายแดน เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อการสำรวจเขตแดน เช่น การไม่ขุดคูเลท หรือการไม่ควรมีที่ตั้งทางทหารเป็นต้น และหากเกิดปัญหาการตีความการบังคับใช้ MOU ทั้งสองฝ่ายต้องเจรจากันตามที่ MOU กำหนดไว้ โดยไม่หลีกเลี่ยงไปให้บุคคลที่ 3 หรือกลไกอื่นมาร่วมแก้ปัญหา นอกจากนี้ MOU 2543 ยังกำหนดให้ทั้งไทยและกัมพูชาร่วมกันดำเนินการกู้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลในพื้นที่ เพื่อให้อนุกรรมาธิการ JTSC สามารถลงพื้นที่เพื่อสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนและแผนที่ใหม่ได้อย่างปลอดภัยด้วย

การยกเลิก MOU 2543 ไม่สามารถทำให้หนีจากข้อเท็จจริงตามสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ค.ศ. 1904 และ ค.ศ. 0907 ได้ เพราะมีผลผูกพันทั้งไทยและกัมพูชา และไม่สามารถหนีแผนที่ 1:200,000 ได้ รวมทั้งเอกสารอ้างอิงทั้งหมดภายใต้ MOU 2543 และต้องกลับมาเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ทั้งหมด

การประชุม JBC ไทย-กัมพูชา เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ได้มีการเห็นชอบผลงานการสำรวจหลักเขตแดนของ JTSC แล้ว 45 หลัก จากจำนวน 74 หลัก โดยมี 29 หลักที่ยังไม่สามารถตกลงร่วมกันได้ ซึ่งพิสูจน์ได้แล้วว่า กลไกคณะกรรมาธิการร่วม JBC ไทย-กัมพูชา ตาม MOU 2543 สามารถใช้งานได้ และกำลังอยู่ระหว่างการดำเนินการ

เมื่อถามว่ากระแสสังคมในขณะนี้ตั้งคำถามว่าไทยจะได้ประโยชน์จากการมีอยู่ หรือยกเลิก MOU 2543 มากกว่ากัน และหากมีการยกเลิก MOU 2543 จริงๆ จะเป็นการปิดโอกาสที่ไทยจะร่วมมือกับ กัมพูชาเพื่อแก้ไขปัญหาหรือไม่ และจะเกิดอะไรขึ้นตามมา อธิบดีเบญจมินทร์กล่าวว่า ไทยมีข้อได้เปรียบจากกลไกที่มีอยู่ใน MOU 2543 อยู่แล้ว โดยเฉพาะข้อ 3, 5 และ 8 ที่ได้กล่าวถึง และหากยกเลิก MOU ก็ยังจำเป็นต้องกลับไปใช้เอกสารประวัติศาสตร์ที่มีอยู่โดยหลีกเลี่ยงไม่ได้ และก็คงต้องมีการจัดทำ MOU ฉบับใหม่ แต่โดยส่วนตัวแล้วนึกไม่ออกว่าเนื้อหาของ MOU ฉบับใหม่จะแตกต่างจากที่มีอยู่ในฉบับปัจจุบันอย่างไร เพราะอย่างไรก็ต้องอ้างอิงเอกสารตั้งต้นชุดเดียวกัน

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในสนธิสัญญาปี ค.ศ. 1904 และ ค.ศ. 1907 มีการกำหนดการใช้ แผนที่ 1:200,000 ไว้หรือไม่ นายเบญจมินทร์กล่าวว่า ไม่มีโดยตรง เพราะสนธิสัญญาดังกล่าวกำหนดให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการปักปันเขตแดนเพื่อจัดทำแผนที่ โดยแผนที่ที่ถูกทำขึ้นเป็นผลจากการดำเนินการของ คณะกรรมการปักปันเขตแดน

ด้านนายนิกรเดชสรุปว่า การที่ไทยและกัมพูชาเห็นชอบเรื่องที่ตั้งหลักเขตแดนไปแล้ว 45 จาก 74 หลัก หรือคิดเป็นราว 60% ของหลักเขตแดนทางบกระหว่างกัน สะท้อนว่าคณะกรรมาธิการ JBC ได้ดำเนินการที่ผ่านมาอย่างมีประสิทธิภาพ และหาก MOU 2543 ถูกยกเลิกก็จะทำให้ความคืบหน้าที่มาถึงจุดนี้สูญเสียไป

เมื่อพิจารณาจากบริบทข้างต้น หากเราต้องการให้การแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา เดินหน้าต่อไปได้ในกรอบทวิภาคี การมีกลไกที่ได้รับความเห็นชอบจากทั้งสองประเทศที่จะช่วยให้การเดินหน้าปักปันเขตแดนระหว่างกันเกิดความชัดเจนขึ้นจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง และต้องเป็นกลไกที่สามรถใช้งานได้ทันที ดังที่เราได้เห็นการประชุม JBC ครั้งที่ 6 เมื่อวันที่ 14 มิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการประชุมครั้งแรกหลังเว้นว่างไปถึง 13 ปี ที่ไม่ว่าใครจะพูดอย่างไร แต่อย่างน้อยที่สุดมันเปรียบได้กับการสตาร์ทเครื่องยนต์ของกลไกที่หยุดชะงักไปมานาน และคาดหวังว่าจะได้เห็นการประชุมรอบใหม่ในเร็วๆ นี้ ขณะที่การประชุมในกรอบอื่นๆ อย่างคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) และคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) ไทย-กัมพูชา ก็เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังเหตุปะทะกันครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายปี ซึ่งก็ช่วยลดความตึงเครียดลงไปได้ในระดับหนึ่ง

บรรยากาศในความสัมพันธ์ระหว่างกันที่ดี เป็นสิ่งที่เอื้อให้ทั้งสองฝ่ายเจรจากันได้ ซึ่งบรรยากาศที่เอื้อต่อการเจรจาดูเหมือนจะไม่แจ่มใสนักในเวลานี้ สิ่งที่เราต้องตระหนักคือ “ไม่เคยปัญหาใดที่จบได้ด้วยการสู้รบ แต่ต้องจบที่โต๊ะเจรจา” ยังเป็นคำกล่าวที่สะท้อนหนทางแห่งการแก้ปัญหาเสมอ ไม่ว่าจะในสถานการณ์ใดก็ตาม

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : บัวแก้วเปิดรายละเอียด ไทยได้อะไรจากMOU43

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก MATICHON ONLINE

ภูมิธรรม ยัน ไม่มีเรื่องยุบสภาในหัว ซัด พริษฐ์ ไม่เข้าใจปชต. ถามอีก ภูมิใจไทย น่าไว้ใจตรงไหน

24 นาทีที่แล้ว

ครบ 23 แข้ง! ปรเมศย์ สมทบทัพช้างศึก เตรียมฟิตซ้อมสู้ศึกคิงส์คัพ ครั้งที่ 51

29 นาทีที่แล้ว

ปชน.นัดเคาะบ่ายนี้ โหวตใครเป็นนายกฯ แย้มเทคะแนนให้สีน้ำเงิน นำลิ่ว

30 นาทีที่แล้ว

มาอีกประเทศ! ‘เบลเยียม’ จ่อรับรองรัฐปาเลสไตน์ใน UNGA เปิดประตูแนวทาง 2 รัฐ

32 นาทีที่แล้ว

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความต่างประเทศอื่น ๆ

ประธานาธิบดีจีน “สี จิ้นผิง” ประกาศช่วยกัมพูชาด้านมนุษยธรรม 90 ล้านบาท

PPTV HD 36

ซูดานสลด! เผชิญภัยพิบัติ "ดินถล่ม" คร่าชีวิตนับพันคน

สวพ.FM91

“ทรัมป์” เผย “อินเดีย” เสนอลดภาษีนำเข้าเป็นศูนย์ หลังสหรัฐขึ้นภาษี 50%

การเงินธนาคาร

ราคาทองคำโลกพุ่งทุบสถิติ นักลงทุนจับตาแบงก์ชาติสหรัฐ-ภาษีทรัมป์

เดลินิวส์
วิดีโอ

ทรัมป์ดันแผนเปลี่ยนชื่อ "กลาโหม" เป็น "กระทรวงสงคราม"

WeR NEWS

มาอีกประเทศ! ‘เบลเยียม’ จ่อรับรองรัฐปาเลสไตน์ใน UNGA เปิดประตูแนวทาง 2 รัฐ

MATICHON ONLINE

“อินเดีย” เข้มคุมซื้อขายออปชันดัชนีหุ้น จำกัดสถานะระหว่างวันสูงสุด 50,000 ล้านรูปี เริ่ม 1 ต.ค.

การเงินธนาคาร

‘จีน’ ครองอันดับ 1 คลัสเตอร์นวัตกรรมโลกปี 2568 แซงหน้า ‘ญี่ปุ่น’

เดลินิวส์

ข่าวและบทความยอดนิยม

บัวแก้วเปิดรายละเอียด ไทยได้อะไรจากMOU43

MATICHON ONLINE

อิซักรับดีใจเป็นนักเตะลิเวอร์พูลเสียที ลั่นอยากคว้าทุกแชมป์กับทีม แต่ดีลเกฮีล่ม

MATICHON ONLINE

กู้ภัยตะลึง สาวเปลือยกาย วิ่งตัดหน้ารถ กลางสุขุมวิท ก่อนนำตัวส่งรพ.

MATICHON ONLINE
ดูเพิ่ม
Loading...
Loading...
Loading...
รีโพสต์ (0)
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...