"ดร.ชนินทร์ ชลิศราพงศ์" สัมภาษณ์โบรกใหญ่ดีลภาษีสหรัฐ มั่นใจขั้นต่ำ 20 % พร้อมเงื่อนไขเฉพาะสินค้าอาหาร
บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ได้สรุปการจัดประชุมกับ ดร.ชนินทร์ ชลิศราพงศ์ รองประธานกรรมการ หอการค้าไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมเจรจาภาษีศุลกากรของประเทศไทยด้วย โดย ดร. ชนินทร์ คาดว่าภาษีนำเข้าของประเทศไทยจะปรับตัวให้อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน (ประมาณ 20% หรือต่ำกว่านั้นเล็กน้อย) พร้อมมีความเป็นไปได้ที่จะมีข้อยกเว้นเฉพาะสำหรับอุตสาหกรรมอาหาร ซึ่งอาจได้อัตราภาษีที่ต่ำกว่า 20% ทั้งนี้อาจมีการกำหนดภาษีพิเศษสำหรับสินค้าผ่านแดน (transshipment) เช่นเดียวกับเวียดนาม
อย่างไรก็ตาม ดร.ชนินทร์ ชี้ให้เห็นว่าสินค้าผ่านแดนคิดเป็นสัดส่วนที่น้อยมากของการส่งออกไทยไปยังสหรัฐฯ โดยคาดว่าการประกาศเรื่องภาษีนี้จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ เหลือเพียงรายละเอียดเล็กน้อยที่ยังต้องตกลงกันระหว่างสองฝ่ายโอกาสในการเปลี่ยนแปลงและปฏิรูป ดร. ชนินทร์ มองว่าการที่ไทยอาจต้องมีการยอมรับบางเงื่อนไข เช่น การเปิดตลาดภายในประเทศให้กับสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ นั้น ถือเป็นโอกาสในการเปลี่ยนแปลงและปฏิรูป เขาชี้ว่า กฎระเบียบในหลายภาคส่วน โดยเฉพาะภาคเกษตรกรรม มีความล้าสมัยและเป็นอุปสรรคต่อขีดความสามารถในการแข่งขันของไทย
ผลจากข้อตกลงด้านภาษีครั้งนี้ ประเทศไทยน่าจะเห็นการเปลี่ยนแปลงสำคัญ 5 ประการ ได้แก่ 1. การปฏิรูปเชิงนโยบายและการลดกฎระเบียบ 2.โอกาสในการเข้าสู่ตลาดใหม่ 3. การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต 4. แหล่งจัดหาทรัพยากรต้นทุนต่ำแห่งใหม่ และ 5. การเพิ่มนวัตกรรมและการวิจัยพัฒนา (R&D)
ทั้งนี้ ดร.ชนินทร์ มองว่าการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จะเป็นผลดีต่อขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยในระยะยาวการเปิดตลาดสินค้าเกษตรสหรัฐฯจะช่วยลดต้นทุนของผู้ผลิตไทยประเทศไทยมีแนวโน้มที่จะเปิดตลาดสำหรับสินค้าส่วนใหญ่จากสหรัฐฯ โดยเฉพาะวัตถุดิบอาหารสัตว์ ซึ่งอาจช่วยลดต้นทุนวัตถุดิบของผู้ผลิตเนื้อสัตว์ในประเทศไทยลงได้ประมาณ 10–15%
ขณะเดียวกัน เพื่อสนับสนุนผู้ผลิตในประเทศ ดร. ชนินทร์ เชื่อว่ารัฐบาลสามารถให้ความช่วยเหลือผ่านงบประมาณที่จัดสรรเพื่อยกระดับประสิทธิภาพการผลิต ให้สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ไทยมองหาตลาดใหม่เพื่อลดผลกระทบจากภาษีสหรัฐฯ
ดร. ชนินทร์ กล่าวถึงความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างไทยและสหภาพยุโรป (FTA ไทย–EU) ซึ่งคาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในไตรมาส 2/69 โดยข้อตกลงนี้จะช่วยลดผลกระทบจากภาษีที่เพิ่มขึ้นของสหรัฐฯ ด้วยการเปิดตลาดของ 27 ประเทศในยุโรป ผู้ส่งออกปลาทูน่าอาจได้รับประโยชน์จากข้อตกลงนี้ เนื่องจากปัจจุบันต้องเสียภาษี 24% ในการส่งออกไปยัง EU ดร. ชนินทร์กล่าวว่า ผู้ส่งออกไทยจำเป็นต้องมองหาตลาดใหม่เพื่อบรรเทาผลกระทบจากภาษีของสหรัฐฯ โดยตะวันออกกลาง ยูเรเชีย และลาตินอเมริกา เป็นตลาดที่มีศักยภาพเติบโตสูง โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยง
อย่างไรก็ตาม ยังเชื่อว่าผู้ส่งออกไทย โดยเฉพาะในกลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยงและปลาทูน่า ยังมีความได้เปรียบในการแข่งขันเหนือประเทศคู่แข่ง เช่น เวียดนาม