SET พุ่งแรง ผ่านไป 1 เดือนทะยาน 179 จุด
ดัชนีตลาดหุ้นไทยฟื้นตัวอย่างร้อนแรง บนความคาดหวังไทยได้ดีลภาษีสหรัฐอยู่ในระดับที่เหมาะสม ทำให้นักลงทุนแห่เข้ามาเก็งกำไรอย่างต่อเนื่อง
หากอิงดัชนีตลาดหุ้นไทยปิด ณ วันที่ 29 ก.ค.2568 ที่ระดับ 1,233.68 จุด เพิ่มขึ้นกว่า 179 จุด ในช่วงเวลาเพียงแค่ 1 เดือนเศษๆ เท่านั้น เมื่อเทียบกับจุดต่ำสุดเมื่อวันที่ 23 มิ.ย.68 อยู่ที่ระดับ 1,053.79 จุด
การฟื้นตัวของตลาดหุ้นไทยครั้งนี้ นักวิเคราะห์หลายสำนักต่างมองเป็นเสียงเดียวกันว่า “ฟื้นตัวบนความหวังของภาษีทรัมป์” เมื่อเทียบกับจุดต่ำสุดของปีเมื่อวันที่ 23 มิ.ย.68 ที่มีปัจจัยกดดันจากสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่าง อิสราเอล–อิหร่าน ที่ยกระดับมากขึ้นหลังสหรัฐแสดงบทบาทในความขัดแย้ง อีกทั้งกระแสข่าว อิหร่านเตรียมปิดช่องแคบฮอร์มุซ ทำให้นักลงทุนเกิดความกังวลในช่วงเวลานั้น
ขณะที่อีกหนึ่งความน่าสนใจ นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด มองว่า FUND FLOW มีโอกาสไหลเข้าหุ้นไทยต่อในช่วงนี้
ทั้งนี้เนื่องจาก IMF มีการปรับเป้า GDP โลกขึ้น โดยเฉพาะในฝั่งเอเซีย รวมถึงไทยที่ถูกปรับ GDP ขึ้นจาก 1.8% เป็น 2% อีกทั้งค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้อ่อนค่า 0.14%(WTD) น้อยกว่าค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่า 1.3%(WTD) ในช่วงนี้ แสดงว่า FUND FLOW ยังวนเวียนอยู่ในไทยไม่ได้ไปไหน หรืออาจจะไหลเข้าเพิ่มด้วยซ้ำ
ขณะที่ MOMENTUM เม็ดเงินในช่วงนี้เอนเอียงไปที่หุ้น VALUE โดยเฉพาะหุ้นพลังงาน สะท้อนได้จากในช่วง 1
สัปดาห์ที่ผ่านมา กลุ่มหุ้นสหรัฐที่ OUTPERFORM คือ กลุ่มพลังงาน +6%, กลุ่มโรงพยาบาล +2.2%, กลุ่มอุตสาหกรรม +1.9% ถือเป็น SENTIMENT ที่ดีต่อหุ้นไทยที่ส่วนใหญ่เป็นหุ้น VALUE และมีสัดส่วนหุ้นอิงราคา COMMODITY ถึง 1 ใน 3 ของตลาด
โดย FUND FLOW มีโอกาสไหลเข้าหุ้นไทยต่อในเดือน ส.ค. คือ หุ้นไทยมีโอกาสถูกปรับเพิ่มน้ำหนักในดัชนี MSCI (ประกาศ 12 ส.ค.) และ FTSE (ประกาศ 22 ส.ค.) หลังจากหุ้นไทยในเดือนที่ผ่านมา +13.3% ขึ้นแรง กว่าหุ้นโลก (MSCI ACWI) +1.9% เท่านั้น
ดังนั้นแนะนำ 10 หุ้นที่ต่างชาติซื้อเยอะสุดในรอบ 15 วัน ซึ่งต่างชาติซื้อสะสม 1.9 หมื่นล้านบาท คือ AOT, CPALL, KTC, KBANK, SCC, BBL, CPN, ADVANC, TOP, CPF