อนุสรณ์ชี้ผลกระทบเศรษฐกิจ-การลงทุนไทยรุนแรงหากสงครามยืดเยื้อ
รศ. ดร. อนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ และ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจดิจิทัล การลงทุนและการค้าระหว่างประเทศ (DEIIT) มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า เมื่อเสียงปืนดังขึ้นตามแนวชายแดน การเจรจาหารือกันด้วยเหตุผลก็จะหายไป เมื่อดำดิ่งเข้าสู่สงครามยืดเยื้อยาวนานเท่าไหร่ ความเสียหายจะยิ่งยากต่อการเยียวยามากขึ้นเท่านั้น สร้างบาดแผลและปัญหาติดตามมามากมาย
และเราจะสูญเสียทรัพยากรจำนวนมากในการแก้ปัญหาอื่นๆของสังคม ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ ความไม่เป็นธรรมทางสังคม จะถูกบดบังด้วยความเกลียดชังทางเชื้อชาติและสงครามได้
รัฐบาลไทยควรเปิดการเจรจากับกัมพูชาเพื่อให้มีการหยุดยิงรักษาชีวิตผู้คนและลดความเสียหายทางเศรษฐกิจ การยื่นข้อเสนอของประธานาธิบดีทรัมป์ให้หยุดยิงเพื่อการเจรจาเรื่องภาษีทางการค้าจะได้เดินหน้าต่อไปได้ เป็น ข้อเสนอที่ต้องได้รับการตอบสนองทั้งจากไทยและกัมพูชา หากไม่มีการเจรจาหยุดยิง
นอกจากไทยจะได้รับความเสียหายทางเศรษฐกิจจากผลกระทบของการปะทะกันทางการทหารแล้ว จะยังได้รับผลกระทบจากอัตราภาษี 36% อีกด้วย ผลกระทบเศรษฐกิจและภาคการลงทุนไทยรุนแรงหากสงครามชายแดนยืดเยื้อ เฉพาะหน้าการค้าชายแดนหยุดสิ้นเชิงเสียหายหนัก ปี 2567 ที่ผ่านมา การค้าชายแดนระหว่างสองประเทศมีมูลค่าสูงถึง 174,530 ล้านบาท
โดยไทยส่งออกผ่านการค้าชายแดนไปกัมพูชามากถึง 141,847 ล้านบาท และนำเข้า 32,684 ล้านบาท ทำให้ไทยได้ดุลการค้าเกินกว่า 109,163 ล้านบาท สินค้าหลักที่ไทยส่งออก ได้แก่ อัญมณีน้ำมันสำเร็จรูป เครื่องดื่ม น้ำตาล และวัสดุก่อสร้าง ซึ่งสะท้อนถึงบทบาทของไทยในฐานะผู้จัดหาสินค้าจำเป็นให้แก่กัมพูชา ปัจจัยที่สนับสนุนการขยายตัวของการค้าตามแนวชายแดนดังกล่าวได้แก่ ความต้องการบริโภคในกัมพูชาที่เพิ่มขึ้น การมีพรมแดนติดต่อกัน
รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานทางด้านการคมนาคมตามแนวชายแดน อย่างไรก็ตาม ความตึงเครียดทางการเมืองและทางการทหารตามแนวชายแดนตั้งแต่เดือน พ.ค. เป็นต้นมา ส่งผลกระทบต่อการค้าและการลงทุนตามแนวชายแดนและการดำเนินชีวิตของผู้คนจากการปิดด่าน มีความจำเป็นที่ผู้ประกอบการต้องประเมินความเสี่ยงเชิงยุทธศาสตร์จากสถานการณ์ดังกล่าว