คิดแบบ ‘Klook’ กลยุทธ์เพิ่มบริการ หันมาจับตลาด ‘คอนเสิร์ต-อีเวนต์’ เติมพอร์ตให้ครบ
ภาวะเศรษฐกิจที่ไม่สู้ดีนัก เศรษฐกิจที่มาจากการท่องเที่ยวหลายประเทศยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ จุดประสงค์ของนักเดินทางเปลี่ยนไป เน้นกิจกรรม เน้นประสบการณ์ และใช้เงินซื้อความสะดวกสบายในราคาที่พวกเขาพอใจ มองว่าคุ้มค่า ซึ่งเป็นเทรนด์ของคนสมัยนี้
Kenny Sham General Manager of Hong Kong, Macau & Thailand จาก Klook แพลตฟอร์มที่สามารถจองกิจกรรมบันเทิงและท่องเที่ยวได้หลากหลายทั่วโลก เขาได้บินตรงจากฮ่องกง มาแชร์มุมมองน่าสนใจในงาน ‘Regional Trade Exponential Fest 2025’ ปีที่ 2 จัดโดย สถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (องค์การมหาชน) หรือ ITD
เขาแชร์ว่า สำหรับ Klook ไม่ได้คิดหรือวางแผนที่จะเจาะตลาดแค่ ‘ตลาดหลัก’ แต่ Klook ต้องการอยู่ในทุกๆ ตลาดทั่วโลก Klook สามารถอยู่ได้ทุกกิจกรรมของนักท่องเที่ยว แต่ช่วงโควิด-19 ทำให้การท่องเที่ยวของคนทั่วโลกเปลี่ยนไป
[ เราสร้างเทรนด์ใหม่ ‘Staycation’ ช่วงโควิด-19 ]
นับตั้งแต่ฮ่องกงยกเลิกคำสั่งกักตัวนักท่องเที่ยว และอีกหลายๆ ประเทศ การจองที่พักช่วงวันหยุดยาว หรือ Staycation มาแรงมากขึ้น คนเที่ยวใกล้ขึ้น แต่เลือกอยู่นานขึ้น นั่นเป็นความสำเร็จของ Kloom อย่างหนึ่งที่เราตอบโจทย์พฤติกรรมของกลุ่มที่ชอบ Staycation ได้ทันที
“ตอนนั้นจะพูดว่า Staycation เป็นที่นิยมมากขึ้นเพราะ Klook ก็ไม่ผิด เพราะยังไม่ค่อยมีใครให้บริการ หรือ ออกโปรโมชั่นตอบโจทย์”
“Staycation ทำให้หลายคนรู้จักเรา และทำถือว่า Klook จับตลาดโลคอลได้สำเร็จ”
“ปัจจุบันเรามีคนเข้ามาใช้บริการต่อเดือนราวๆ 70 ล้านคน Klook ร่วมมือกับผู้ให้บริการด้านการท่องเที่ยวกว่า 100,000 รายทั่วโลก เพื่อนำเสนอตัวเลือกที่หลากหลายให้กับผู้ใช้”
ในปี 2024 รายได้ของ Klook พุ่งสูงแตะ 201.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจาก 123.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2023
ต้องพูดว่า นับตั้งแต่ Klook เปิดตัวในปี 2012 รายได้เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี สะท้อนถึงฐานผู้ใช้ที่ขยายตัวและการใช้งานที่เพิ่มขึ้นในหลากหลายอุตสาหกรรม รวมไปถึงจุดเด่นของ Klook ที่มีทางเลือก ‘การจ่ายเงิน’มากกว่า 40 ทางเลือก ทำให้ผู้ใช้บริการสบายใจที่จะใช้แพลตฟอร์มนี้
[ คนเดินทางไม่ใช่แค่เที่ยว แต่ไปงานอีเวนต์ คอนเสิร์ต เยอะขึ้น ]
Kenny Sham แชร์บนเวทีเกี่ยวกับอินไซต์ของคนเดินทางในยุคนี้ว่า หลายกลุ่มไม่ได้จำกัดแค่ท่องเที่ยว แต่มีจุดประสงค์ และกิจกรรมที่หลากหลายขึ้น
70% ของคนเดินทาง เลือกที่จะใช้จ่ายกับ ‘ประสบการณ์’ หรือกิจกรรมที่เกิดขึ้นระหว่างท่องเที่ยว มากกว่าจ่ายแพงค่าเครื่องบิน หรือโรงแรม
นอกจากนี้ Kenny Sham ยังกางตัวเลขการเติบโตของ APAC (เอเชียแปซิฟิก) ว่ามีความน่าสนใจมาก เพราะภาคการท่องเที่ยวมีมูลค่ารวมมากกว่า 7,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
โดยในปี 2023 Klook มีส่วนเกี่ยวข้องและสนับสนุน ‘ทางตรง’ ราว 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ‘ทางอ้อม’ ประมาณ 2,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ข้อมูลที่ Klook ได้จากผู้ใช้บริการ จากประสบการณ์ที่พวกเขาต้องการได้รับในปี 2025 ดังนี้
เทศกาลทางวัฒนธรรม 55%
คอนเสิร์ต & เทศกาลดนตรี 44%
กิจกรรมเกี่ยวกับกีฬา 31%
“ตอนนี้เรามีขายตั๋วอื่นๆ นอกเหนือจากเรื่องท่องเที่ยว เช่น การขายตั๋วคอนเสิร์ต, การแข่งขันกีฬา หรือ นิทรรศการ ซึ่งมันเกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงโควิด-19 ทำให้เราเข้าใจว่า การเดินทางของพวกเขาต้องการอะไรมากกว่าท่องเที่ยวเฉยๆ”
“งานอีเวนต์จะมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ”
“Klook พยายามทำให้การเดินทางเป็นเรื่องความยั่งยืน คุณสามารถทำให้แบรนด์อยู่กับชุมชนได้มากแค่ไหน สร้างความเชื่อใจได้มากแค่ไหน”
สิ่งที่ Klook พูดทิ้งท้ายบนเวทีน่าสนใจตรงที่ เขาบอกว่า ไม่ว่าจะธุรกิจแบบไหน ต้องหาปัญหาให้ถูก หาโซลูชั่นให้เหมาะ และที่สำคัญ ทีมและพาร์ทเนอร์ชิพต้องถูกต้อง
จากทั้งหมดที่ Kenny Sham เล่ามา ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมก่อตั้งมาได้ 4 ปี ถึงกลายเป็น ‘ยูนิคอร์น’ ที่ระดมทุนได้แต่ 100 ล้านดอลลาร์ในปี 2018 ซึ่ง Klook ทุบสถิติไปหลายครั้งจากยอด ‘จองทริป’ ได้มากกว่าร้อยๆ ล้านครั้ง โดยทุบสถิติปัจจุบันอยู่ที่ 140 ล้านครั้ง