“โรคสมาธิสั้นในผู้ใหญ่” วอกแวกง่าย มีปัญหากับคนอื่นบ่อย ต้องเช็ก!
โรคสมาธิสั้น (Attention Deficit Hyperactivity Disorder) ไม่ใช่อาการที่พบได้เฉพาะวัยเด็กเท่านั้น วัยหนุ่มสาวหรือวัยผู้ใหญ่ก็พบได้เช่นกัน ซึ่งสมาธิสั้นในผู้ใหญ่จะไม่ซนเหมือนในเด็ก แต่จะมีปัญหาเรื่องการวางแผน การแก้ไขปัญหา หงุดหงิด สมาธิไม่ดี ทำงานไม่เสร็จ เพราะมีความผิดปกติของสมองส่วนหน้าที่เกี่ยวข้องกับความคิด การวางแผน การบริหารจัดการชีวิตในเรื่องต่างๆ (Executive Functions-EF)
อาการโรคสมาธิสั้น ที่พบบ่อย
- วอกแวกง่าย
- ฟังอะไรจับใจความไม่ค่อยได้
- ทำงานไม่เสร็จทันเวลาที่กำหนด
- ขาดความสามารถในการบริหารจัดการเวลาที่ดี
- ทำงานผิดพลาดบ่อย
- หาอะไรไม่ค่อยเจอ
- ผัดวันประกันพรุ่ง
- มาสายเป็นประจำ
- หุนหันพลันแล่น
- ขาดความยับยั้งชั่งใจ
- ไม่คิดก่อนทำ ทำตามใจชอบ
- อารมณ์ขึ้นลงเร็ว โกรธง่าย หายเร็ว
- มีปัญหากับบุคคลรอบข้างบ่อยๆ เบื่อง่าย คอยอะไรนานๆ ไม่ค่อยได้ เครียด หงุดหงิดง่าย บางคนซึมเศร้าและวิตกกังวล นอนไม่หลับ
อาการโรคสมาธิสั้น เสี่ยงต่อปัญหาการติดสุราและยาเสพติดอื่นๆ รวมทั้งมีปัญหาเรื่องการขับรถและประสบอุบัติเหตุได้ง่ายกว่าคนปกติ เพราะไม่มีใจจดจ่อ จึงมักมีปัญหาเรื่องขับรถเร็วเกินพิกัดและฝ่าฝืนกฎจราจร เป็นต้น
หากสงสัยว่าตัวเองหรือคนใกล้ชิดเป็นโรคสมาธิสั้นหรือไม่นั้น ทางที่ดีควรรีบพบจิตแพทย์ เพื่อประเมิน วินิจฉัย และให้การรักษาอย่างถูกต้องต่อไป ซึ่งการรักษาโรคสมาธิสั้นนั้น รักษาได้ด้วยยาและการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้การรับประทานยาจะอยู่ภายใต้การวินิจฉัยและกำกับดูแลโดยแพทย์ ซึ่งโรคนี้เกิดจากสารเคมีในสมองส่วนหน้าไม่สมดุล การกินยาจะช่วยทำให้สมาธิดีขึ้นได้ และสามารถควบคุมตัวเองได้ดีขึ้น โดยส่วนใหญ่รักษาหายหรือควบคุมอาการได้ สามารถทำงานและใช้ชีวิตปกติได้ มีเพียงประมาณร้อยละ 30 ที่อาการอาจแย่ลงและมีปัญหาพฤติกรรม เช่น ติดยา ก้าวร้าว ครอบครัวและผู้ใกล้ชิดจึงต้องให้ความร่วมมือในการดูแล ให้กำลังใจและความเข้าใจ
วิธีการปฏิบัติตัวหรือปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
- ฝึกอารมณ์ตนเอง ไม่ดีใจหรือเสียใจเร็วเกินไป
- รู้จักสังเกตอารมณ์ของผู้อื่น รู้จักรอคอย รับฟัง เอาใจเขามาใส่ใจเรา เพื่อลดปัญหาการอยู่ร่วมกับผู้อื่น
- ลดพฤติกรรมใจร้อนหุนหันพลันแล่น เช่น ควรขับรถให้ช้าลง
- จัดตารางเวลาในการทำงานและใช้ชีวิต มีการวางแผนไว้ล่วงหน้า
- จัดวางสิ่งของเครื่องใช้ให้เป็นระเบียบเป็นที่เป็นทาง
- ทำประโยชน์ให้แก่ตัวเองและผู้อื่น เพื่อสร้างความภาคภูมิใจ เสริมความมั่นใจ และความมีคุณค่าให้ตัวเอง
- พักผ่อนนอนหลับให้เพียงพอ
- รับประทานอาหารที่เหมาะสม หลีกเลี่ยงอาหารประเภทน้ำตาลและกาเฟอีน
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
ทั้งนี้ ผู้ที่เป็นโรคสมาธิสั้น หากได้รับการวินิจฉัยและรับการรักษาได้เร็วจะทำให้ใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างไม่ลำบาก
ขอบคุณข้อมูลจาก : สถาบันราชานุกูล