“จีน” ติดตั้งกังหันลมลอยน้ำ OceanX ทรงพลังที่สุดในโลก รุกครองตลาดพลังงานสะอาด
"จีน" เดินหน้าสร้างกังหันลมทะเล OceanX ผลิตไฟฟ้าได้มากที่สุดในโลก สะท้อนบทบาทมหาอำนาจพลังงานสะอาด ขณะที่สหรัฐ-ยุโรป-ญี่ปุ่นสะดุดจากต้นทุนสูง
วันที่ 29 สิงหาคม 2568 เวลา 05.00 น. สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า นอกชายฝั่งทางตอนใต้ของจีน มีการติดตั้งกังหันลมยักษ์สองหัวที่ตั้งตระหง่านเหนือกังหันแบบดั้งเดิมรอบ ๆ โครงสร้างเหล็กไขว้กันคล้ายใยแมงมุม ยึดกับท้องทะเลผ่านจุดยึดสีเหลืองสด 3 จุด
กังหันรุ่น OceanX นี้ถือเป็นความก้าวหน้าสุดล้ำด้านวิศวกรรม สามารถผลิตไฟฟ้าได้มากกว่ากังหันลอยน้ำรุ่นใด ๆ ที่มีการใช้งานในโลกปัจจุบัน และยังสะท้อนให้เห็นถึงความทะเยอทะยานของบริษัทเทคโนโลยีพลังงานสะอาดจีน ที่กำลังก้าวขึ้นมาครองความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียนอีกแขนงหนึ่ง ขณะที่ยุโรป สหรัฐ และญี่ปุ่นต้องเผชิญกับอุปสรรคทางการเมืองและเศรษฐกิจ
จีน ซึ่งต้องพึ่งพาการนำเข้าพลังงานมายาวนาน มองว่าความมั่นคงด้านพลังงานคือหัวใจสำคัญ และได้กลายเป็นผู้นำโลกด้านการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ตั้งแต่ฟาร์มโซลาร์ขนาดมหึมาในทะเลทรายทางตะวันตก ไปจนถึงกังหันลมนอกชายฝั่งที่รับกระแสลมแรงและสม่ำเสมอ ปีนี้เพียงปีเดียว จีนจะติดตั้งกังหันลมนอกชายฝั่งใหม่เกือบ 3 ใน 4 ของทั้งโลก ตามข้อมูลของ BloombergNEF
ขณะที่สถานการณ์ในสหรัฐแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ วิจารณ์ฟาร์มกังหันลมว่า “น่าเกลียดและฆ่านก-วาฬ” เขาหยุดอนุมัติโครงการใหม่ตั้งแต่วันแรกที่เข้ารับตำแหน่ง และยกเลิกโครงการที่ใกล้เสร็จสิ้นแล้ว ส่งผลให้ราคาหุ้นของบริษัท Orsted A/S จากเดนมาร์ก ผู้บุกเบิกอุตสาหกรรมนี้มานานกว่า 30 ปี ดิ่งลงทันที
ยุโรปและญี่ปุ่นก็เจอแรงกดดันเช่นกัน ทั้งต้นทุนที่สูงขึ้น อัตราดอกเบี้ยแพง และห่วงโซ่อุปทานที่ตึงตัว ล่าสุด มิตซูบิชิ คอร์ป ประกาศถอนตัวจากโครงการกังหันลม 3 แห่งในญี่ปุ่น อ้างเหตุค่าใช้จ่ายสูงขึ้นนับจากการประมูลปี 2564
ยูเจีย ฮัน นักวิจัยจาก Global Energy Monitor กล่าวว่า “โครงการกังหันลมนอกชายฝั่งของจีนยังคงแข็งแกร่ง เพราะได้เปรียบด้านการเงิน ห่วงโซ่อุปทานครบวงจร การสนับสนุนนโยบาย และเทคโนโลยี”
ผู้ผลิตรายใหญ่ของจีน เช่น Goldwind และ Ming Yang Smart Energy (ผู้สร้าง OceanX) กำลังมุ่งสู่ตลาดโลก แข่งขันกับยักษ์ใหญ่ยุโรปอย่าง Vestas, Siemens Gamesa และ General Electric
โคซิโม รีส นักวิเคราะห์จาก Trivium China กล่าวเสริมว่า “ผู้ผลิตจีนจะกวาดส่วนแบ่งตลาดส่วนใหญ่เพราะได้เปรียบด้านต้นทุนมหาศาล และในขณะที่บริษัทยุโรปเผชิญปัญหา จีนกลับเดินหน้าลงทุนขยายกำลังการผลิตต่อเนื่อง”
แม้ในยุโรปซึ่งเป็นต้นกำเนิดพลังงานลมสมัยใหม่ตั้งแต่ยุควิกฤตน้ำมันปี 1970 ก็เริ่มลังเล โครงการใหญ่ในสกอตแลนด์เดินหน้าได้ แต่การประมูลในเยอรมนีเดือนนี้กลับไม่มีผู้ยื่นข้อเสนอ เนื่องจากต้นทุนสูง
จีนเองก็เผชิญความท้าทาย หลังจากรัฐบาลยกเลิกการอุดหนุนค่าไฟฟ้าส่วนเพิ่ม (feed-in tariff) สิ้นปี 2564 ทำให้โครงการทะลักติดตั้งก่อนหมดอายุและชะลอตัวลงหลังจากนั้น ผู้พัฒนายังต้องสร้างฟาร์มลึกออกไปกลางทะเล ซึ่งมีข้อจำกัดด้านการทหารและภูมิศาสตร์ แต่ก็นำไปสู่กังหันขนาดใหญ่ขึ้น ราคาพลังงานลมในจีนจึงลดลงเหลือเพียงครึ่งหนึ่งของสหราชอาณาจักร
ต่างจากโซลาร์ แบตเตอรี่ และรถยนต์ไฟฟ้าที่จีนกวาดตลาดโลกไปแล้ว การส่งออกกังหันลมยังไม่ราบรื่น เพราะกังหันมีขนาดมหึมา บางรุ่นสูงกว่าหอไอเฟล ต้องผลิตและประกอบใกล้พื้นที่ติดตั้งจริง
ที่เมืองหยางเจียง มณฑลกวางตุ้ง โรงงานของ Ming Yang ผลิตใบพัดยาวกว่า 100 เมตร โดยปัจจุบัน 15% ของกำลังผลิตส่งออก เช่นไปอิตาลี และคาดว่าจะเพิ่มเกือบสองเท่าภายในสิ้นปีนี้
โครงการในยุโรปยังมีข้อจำกัด ปัจจุบันเพียงฟาร์มเดียวในอิตาลี (Taranto) ใช้กังหันจีน ขณะที่โครงการในเยอรมนีถูกยกเลิกเพราะรัฐบาลกังวลด้านความมั่นคงและการแข่งขันไม่เป็นธรรม
จาง ฉีอิง ประธานฝ่ายธุรกิจระหว่างประเทศของ Ming Yang กล่าวว่า “สิ่งสำคัญคือทำให้รัฐบาลและบริษัทวิศวกรรมยุโรปเชื่อว่า ผู้ผลิตจีนจะอยู่ดูแล บำรุงรักษาได้จริงตลอด 25–30 ปีข้างหน้า”
เขาย้ำว่าตลาดต้องเปิดกว้างเพื่อรับนวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ “ผมมั่นใจว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้น เพราะพลังงานลมนอกชายฝั่งสะอาดและราคาถูกกว่า แต่เราทำไม่ได้หากยังมีอุปสรรคกีดกันอยู่”
อ้างอิง : www.bloomberg.com