รมช.กลาโหม แถลงผลประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ยึดมั่นหยุดยิงเคร่งครัด ไม่เสริมกำลังทหาร หลีกเลี่ยงยั่วยุ
พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee: GBC) ไทย – กัมพูชา สมัยวิสามัญ ที่จัดขึ้น ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซียในวันนี้ (7 สิงหาคม) ภายหลังใช้เวลาประชุมกว่า 1 ชั่วโมง ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายเห็นพ้องแนวทางการปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิง 13 ข้อระหว่างกัน
โดยพล.อ.ณัฐพล สรุปผลการประชุมที่สำคัญแบ่งเป็น 5 ข้อดังนี้
- ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงจะยึดมั่นในการหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยในการหยุดยิงนั้นต้องครอบคลุมอาวุธทุกประเภท และทั้ง 2 ฝ่ายคงกำลังไว้ที่ตั้งเดิมตั้งแต่วันที่หยุดยิง โดยไม่มีการเสริมกำลังเข้าไปเพิ่มเติม
- ให้มีคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว ประกอบด้วยผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารอาเซียน ประจำประเทศไทยและกัมพูชา นำโดยผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารของมาเลเซียเข้าไปสังเกตการณ์ในพื้นที่อย่างสม่ำเสมอ โดยไม่มีการข้ามแดน และมีการประสานงานอย่างใกล้ชิดกับ RBC และ GBC ในแต่ละประเทศ เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีการละเมิดการหยุดยิงโดยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
- ทั้ง 2 ฝ่ายจะหลีกเลี่ยงการกระทำที่เป็นการยั่วยุ ทั้งในทางทหารและการให้ข้อมูลบิดเบือนหรือข่าวเท็จ เพื่อเสริมสร้างบรรยากาศที่เอื้ออำนวยต่อการพูดคุยเพื่อหาทางออกโดยสันติ
- ทั้ง 2 ฝ่ายจะปฏิบัติตามกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด โดยในระยะเวลาเฉพาะหน้าคือ การเร่งเก็บและส่งร่างผู้เสียชีวิตกลับประเทศอย่างมีเกียรติและมีศักดิ์ศรี ส่วนการส่งเชลยศึกตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ ให้ส่งกลับทันทีที่มีการยุติการใช้กำลังระหว่างกันโดยสมบูรณ์ เป็นไปตามอนุสัญญาเจนีวา ฉบับที่ 3 โดยในระหว่างนี้ฝ่ายไทยยืนยันว่าได้ให้การดูแลบุคคลเหล่านี้ตามหลักกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างครบถ้วน
- ทั้ง 2 ฝ่ายจะรักษาช่องทางการพูดคุยและการใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นไม่ให้ลุกลามบานปลาย โดยหลังจากนี้จะมีการประชุม RBC ภายใน 2 สัปดาห์ เพื่อประสานงานการปฏิบัติตามสิ่งที่ได้ตกลงกัน นอกจากนี้ จะมีการประชุม GBC อีกครั้งหนึ่งในอีก 1 เดือนข้างหน้า เพื่อติดตามความคืบหน้าในการดำเนินการตามผลการประชุมในครั้งนี้
สำหรับการประชุม GBC ในครั้งนี้ มีสหรัฐอเมริกาและจีนร่วมสังเกตการณ์ และเป็นการติดตามประเด็นต่าง ๆ ที่ผู้นำไทยและกัมพูชาได้หารือกันที่มาเลเซีย เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายได้ตกลงกันให้มีการหยุดยิง
โดย พล.อ.ณัฐพล ยืนยันเจตนารมย์ของไทย ในการหารือกับฝ่ายกัมพูชาอย่างตรงไปตรงมา ด้วยความจริงใจและสุจริตใจ เพื่อหาแนวทางที่ทำให้การหยุดยิงเดินหน้าต่อไปได้อย่างยั่งยืน นำสันติภาพและความสงบสุขกลับมาสู่ชายแดนไทย-กัมพูชาอีกครั้ง โดยมีวัตถุประสงค์สำคัญที่สุดคือเพื่อประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน 2 ฝ่ายได้กลับมาใช้ชีวิตเป็นปกติ
ขณะที่เขาย้ำในที่ประชุมว่า นับตั้งแต่เวลาเที่ยงคืนของวันที่ 28 กรกฎาคม ฝ่ายไทยปฏิบัติสิ่งตามที่ผู้นำทั้ง 2 ฝ่ายเห็นชอบร่วมกัน เรื่องการหยุดยิงอย่างเคร่งครัด อย่างไรก็ดี พบว่าฝ่ายกัมพูชายังคงละเมิดการหยุดยิงหลังเวลาเที่ยงคืนของวันที่ 28 กรกฎาคม ซึ่งฝ่ายไทยใช้ความอดทนอดกลั้นที่สุด และตอบโต้เพื่อป้องกันตนเองเท่านั้น แม้ปัจจุบันสถานการณ์ชายแดนมีความสงบ แต่ฝ่ายกัมพูชายังคงเสริมกำลังเข้าไปในพื้นที่ และยังมีการใช้อากาศยานไร้คนขับเข้ามาสอดแนมในพื้นที่ต่าง ๆ ของไทย ซึ่งเป็นการกระทำที่ยั่วยุ และอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดระหว่างกัน
นอกจากนี้ พล.อ.ณัฐพล ชี้ว่าฝ่ายกัมพูชา ยังมีการเผยแพร่ข้อมูลบิดเบือนและข่าวเท็จต่าง ๆ ซึ่งไม่สร้างสรรค์ และไม่ช่วยทำให้เกิดบรรยากาศที่เอื้ออำนวยต่อการเจรจาและการฟื้นฟูความไว้วางใจ
อย่างไรก็ตาม จากการประชุมร่วมกันในครั้งนี้ ฝ่ายกัมพูชาระดับนโยบายได้แสดงให้เห็นความจริงใจต่อมาตรการหยุดยิงที่ได้ตกลงกันไว้ ทำให้มองว่าการกระทำที่ละเมิดการหยุดยิงที่กล่าวมาแล้วข้างต้น จึงอาจเป็นการดำเนินการโดยพลการของหน่วยงานในพื้นที่
ขณะที่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวย้ำว่า สิ่งที่ทั้ง 2 ฝ่ายได้หารือและเห็นพ้องร่วมกันในวันนี้ จะเกิดผลที่เป็นรูปธรรมได้ต้องอาศัยความร่วมมือและความจริงใจของทั้ง 2 ฝ่าย แต่ยืนยันว่าฝ่ายไทยจะยึดมั่นในการให้ความร่วมมือและการพูดคุยอย่างสุจริตใจและจริงใจต่อไป บนพื้นฐานของการเป็นเพื่อนบ้านที่ดี และหวังว่าฝ่ายกัมพูชาจะปฏิบัติตามเช่นเดียวกัน
“ท้ายที่สุดแล้ว ไทยและกัมพูชาเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่มีพรมแดนติดกัน และย้ายหนีจากกันไม่ได้ เราเป็นสมาชิกของครอบครัวอาเซียนด้วยกัน หากทั้ง 2 ประเทศสามารถแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว ก็จะนำสันติภาพมาสู่พื้นที่ชายแดน และประชาชนของทั้ง 2 ประเทศก็จะได้กลับมาใช้ชีวิตเป็นปกติอย่างสงบสุขอีกครั้ง ขอบคุณครับ”