เอสซีบี เอกซ์ กวาดกำไรครึ่งปี 2.5 หมื่นล้านบาท
เอสซีบี เอกซ์ กวาดกำไรครึ่งปี 2.5 หมื่นล้านบาท ดีกว่าที่ตลาดคาด 20%
น่าสนใจทีเดียวสำหรับการประกาศผลการดำเนินงานงวดล่าสุดไตรมาส 2 ปี 2568 ของบริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) (มหาชน) หรือหุ้น SCB ผู้ดำเนินธุรกิจในลักษณะบริษัทลงทุน (Investment Holding Company) ในกลุ่มธุรกิจทางการเงิน การลงทุน และธนาคาร เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำหนด
นั่นก็เพราะว่า "เอสซีบี เอกซ์" รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2/2568 ที่ 12,786 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้น 27.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนและเพิ่มขึ้น 2.3% จากไตรมาสที่ผ่านมา ดีกว่าที่ตลาดคาดประมาณ 20.8% ที่ระดับ 10,583 ล้านบาท นอกจากนี้ กำไรในช่วงครึ่งปีแรก 2568 จำนวน 25,288 ล้านบาท คิดเป็น 58.2% ของประมาณการกำไรทั้งปี
คำอธิบายในงบการเงินของบริษัทรายงานว่า การเติบโตดังกล่าวมาจากกำไรจากเงินลงทุนที่เพิ่มขึ้น การตั้งสำรองที่ลดลง และการควบคุมต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้งวดครึ่งแรกของปี 2568 บริษัทมีกำไรสุทธิจำนวน 25,288 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้น 18.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
แม้ว่าในไตรมาส 2 ของปี 2568 รายได้ดอกเบี้ยสุทธิมีจำนวน 30,404 ล้านบาท ลดลง 6.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการลดลงของส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ และยอดสินเชื่อโดยรวมที่ลดลง 1.8% ภายใต้การปล่อยสินเชื่ออย่างระมัดระวัง ส่วนรายได้ค่าธรรมเนียมและอื่นๆ มีจำนวน 10,008 ล้านบาท ลดลง 3.1% จากปีก่อน
อย่างไรก็ตาม บริษัทมีรายได้จากการลงทุนและการค้ามีจำนวน 3,239 ล้านบาท จากกำไรของพอร์ตการลงทุนของธนาคาร และของบริษัท เอสซีบี เท็นเอกซ์ จำกัด ประกอบกับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานมีจำนวน 17,530 ล้านบาท ลดลง 5.6% จากปีก่อน เพราะการควบคุมค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ โดยบริษัทมีอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ลดลงมาอยู่ที่ 40.2%
ทั้งนี้ SCB ตั้งสำรองลดลง 13.0% จากปีก่อน เนื่องจากคุณภาพสินทรัพย์อยู่ในระดับที่ควบคุมได้ โดยเฉพาะการปรับตัวดีขึ้นของบริษัท คาร์ด เอกซ์ จำกัด เมื่อรวมสำรองพิเศษเพื่อรองรับผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น จากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจในอนาคต อัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่า จะเกิดขึ้นต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage Ratio) คงอยู่ในระดับสูงที่ 159%
จะเห็นว่าภาพรวมผลประกอบการของบริษัทยังคงแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง จากการบริหารจัดการให้เกิดแหล่งที่มาของรายได้ที่หลากหลาย การควบคุมต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ และการบริหารคุณภาพสินทรัพย์ที่รอบคอบ ส่งผลให้การก่อตัวของสินเชื่อด้อยคุณภาพอยู่ในระดับที่ควบคุมได้
พร้อมกันนี้ ยังได้รับความเห็นชอบให้จัดตั้งธนาคารพาณิชย์ไร้สาขาอย่างเป็นทางการ จะช่วยเพิ่มการเข้าถึงบริการทางการเงินผ่านช่องทางดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบและสร้างการเติบโตในระยะยาว
มุมมองบทวิเคราะห์ บล. บัวหลวง ระบุว่า กำไรสุทธิของ SCB สูงกว่าที่เราคาด 20% เหนือกว่าตลาดคาด 17% เนื่องจากกําไรจากเงินลงทุน เกิดจากเครื่องมือทางการเงิน อย่างไรก็ดี แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 3/2568 คาดว่า SCB จะอ่อนตัวลง YoY และ QoQ กดดันจากแนวโน้ม NIM อ่อนตัวลง และ Credit Cost ปรับเพิ่มขึ้น
แต่ประเมินว่า SCB น่าจะยังสามารถจ่ายปันผลในระดับสูงที่ราว 8% ได้ในปีนี้ เพราะฉะนั้น จึงยังคงคำแนะนำ "ถือลงทุน" เพื่อรับเงินปันผล
ในขณะที่มุมมองบทวิเคราะห์ บล. กรุงศรี แสดงความเห็น Positive ต่อผลประกอบการของ SCB เนื่องจาก
1. สามารถบริหารคุณภาพสินทรัพย์ได้ดี
2. กำไรสุทธิดีกว่าตลาดคาดมากเพราะการเพิ่มขึ้นของเงินลงทุน (FVTPL และ Investment) รวมถึงการลดลงของค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (OPEX) และการลดลงของค่าใช้จ่ายสำรอง (ECL)
โดยภาพรวมแล้วมองว่า SCB มีปันผลเด่น Dividend Yield สูงติดอันดับต้นๆ ในกลุ่มธนาคารที่ประมาณ 9% ต่อปี ในช่วงครึ่งปีแรก 2568 คาดประกาศจ่ายปันผล 2.00 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็น Dividend Yield ที่ระดับ 1.7%
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- หุ้นไทยพ้นจุดต่ำสุดแล้ว !? หลัง SET รีบาวด์แรงสุดในโลก
- ทิศทางหุ้นไทยสัปดาห์หน้า คาดแกว่งกรอบ 1,175 - 1,255 จุด จับตาเฟด!
- คาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้าแกว่ง 1,125-1,255 จุด จับตาส่งออกไทย-เจรจาภาษีทรัมป์
ติดตามเราได้ที่