ญี่ปุ่นทดสอบ จ่ายเงินด้วย “ใบหน้า” ทำธุรกรรมได้ทั้งหมด
งานโอซาก้า-คันไซ เอ็กซ์โป (Osaka-Kansai Expo) ของญี่ปุ่น งานระดับเวิลด์เอ็กซ์โปที่ให้ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกมาร่วม จัดแสดงนวัตกรรม เทคโนโลยี วัฒนธรรม และแนวคิดเพื่ออนาคต ภายใต้ธีมร่วมกัน โชว์การทดลองใช้งานระบบจ่ายเงินน่าสนใจ แค่ใช้ใบหน้าก็จ่ายเงินได้แล้ว พร้อมเผยความเป็นไปได้ของการใช้งานในอนาคต
แค่ใช้ “หน้า” ก็จ่ายเงินได้แล้ว ?
NEC บริษัทเทคโนโลยีสารสนเทศและอิเล็กทรอนิกส์สัญชาติญี่ปุ่น ประกาศนำระบบ “ยืนยันตัวตนด้วยใบหน้า” มาใช้ในสถานที่ต่าง ๆ กว่า 200 แห่ง ในงานโอซาก้า-คันไซ เอ็กซ์โป ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 13 เมษายน 2025 จนถึงวันที่ 13 ตุลาคม 2025 ณ เกาะยูเมะชิมะ (Yumeshima) ในอ่าวโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น คาดจะมีคนที่มาร่วมงานได้ทดลองใช้ระบบดังกล่าวหลายแสนคน ก่อนจบงานในช่วงเดือนตุลาคมนี้
ผู้ร่วมงานที่ต้องการจะทดสอบระบบ “ยืนยันตัวตนด้วยใบหน้า” จำเป็นต้องลงทะเบียนภาพใบหน้า และข้อมูลบัตรเครดิตผ่านแอปพลิเคชันของงานเอ็กซ์โปเสียก่อน
เมื่อลงทะเบียนเสร็จสมบูรณ์ ผู้เข้าร่วมงานก็สามารถเดินเข้าไปยังร้านค้าในงานที่รองรับระบบดังกล่าว และบอกพนักงานว่าจะชำระเงินโดยใช้การยืนยันตัวตนด้วยใบหน้าได้โดยตรง จากนั้นก็เพียงแค่หันหน้าเข้าหากล้องที่ติดอยู่กับเครื่องชำระเงิน ใช้เวลาเพียงเสี้ยววินาที ก็สามารถทำธุรกรรมการเงินได้สำเร็จ
ความสมบูรณ์ของเทคโนโลยีนี้ สามารถยืนยันใบหน้าของบุคคลได้ แม้ว่าคนคนนั้นจะใส่แว่นกันแดดอยู่ ระบบดังกล่าวจะใช้เพียงใบหน้าของเราเท่านั้น ดังนั้นผู้ใช้งานจึงไม่จำเป็นต้องพกกระเป๋าตังไว้กับตัว รวมไปถึงสมาร์ตโฟนก็ตาม
อนาคตและความเป็นไปได้…
ปัจจุบันระบบ “ยืนยันตัวตนด้วยใบหน้า” ได้ถูกนำมาใช้แล้วในตู้เอทีเอ็มของธนาคารบางแห่งในประเทศญี่ปุ่น เพื่อฝากและถอนเงิน แต่การนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้อย่างกว้างขวาง จำเป็นที่จะต้องมั่นใจเรื่องความปลอดภัยเสียก่อน
นับตั้งแต่ Apple ได้เปิดตัวเทคโนโลยีการยืนยันตัวตนด้วยใบหน้าใน iPhone เมื่อปี 2017 เทคโนโลยีนี้ได้กลายเป็นสิ่งที่พบเห็นได้ทั่วไปมากขึ้น นับตั้งแต่นั้นมาเทคโนโลยียืนยันตัวตนด้วยใบหน้า ได้ถูกนำมาใช้ในการตรวจคนเข้าเมืองที่สนามบิน และในการเข้าถึงของพนักงานโดยบริษัทโทรคมนาคมรายใหญ่ เช่น SoftBank อย่างไรก็ตาม การใช้งานในธุรกรรมการชำระเงินส่วนใหญ่มักจำกัดอยู่เพียงโครงการนำร่องขนาดเล็กเท่านั้น
การนำระบบ “ยืนยันตัวตนด้วยใบหน้า” ที่เกี่ยวกับการทำธุรกรรมด้านการเงินมาใช้กับงานโอซาก้า-คันไซ เอ็กซ์โป จึงเรียกได้ว่าเป็นครั้งแรกของโลก ที่ได้ทดสอบใช้งานกับผู้คนจำนวนมาก
ทั้งนี้ความคิดเห็นเกี่ยวกับระบบดังกล่าวของผู้ร่วมงานโอซาก้า-คันไซ เอ็กซ์โปนั้นค่อนข้างน่าสนใจ หลายคนชื่นชมเกี่ยวกับความสะดวกสบายของระบบ ที่ทำให้ไม่จำเป็นต้องถือเงินสดไว้กับมือ รวมไปถึงสมาร์ตโฟน
การใช้งานระบบดังกล่าว ยังพบว่าสามารถลดระยะเวลาในการชำระเงินลงเหลือไม่ถึง 1 ใน 4 ของเวลาในการใช้จ่ายด้วยเงินสด และด้วยระบบนี้ การชำระเงิน และการสะสมแต้มคะแนนจะทำได้โดยง่ายมากกว่าเดิม
ความ “ไม่ปลอดภัย”
อย่างไรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่น่ากังวลเกี่ยวกับระบบ “ยืนยันตัวตนด้วยใบหน้า” คือความกังวลว่าภาพใบหน้าที่ได้รับการบันทึกไว้จะรั่วไหลออกไป หรือบุคคลอื่นอาจเอาใบหน้าของเราไปชำระเงินโดยที่ตัวเราเองไม่รู้ตัว
จากข้อมูลของ NEC ภาพใบหน้าที่บันทึกไว้ระหว่างการทำธุรกรรม จะถูกแปลงไปเป็นข้อมูลตัวเลข ซึ่งหมายความว่าแม้ว่าภาพใบหน้าจะรั่วไหล แต่ก็ไม่สามารถระบุตัวตนของบุคคลได้
อย่างไรก็ตาม มีความเสี่ยงที่อาจเกิดการปลอมแปลงตัวตนด้วยเทคโนโลยี Deepfake ซึ่งเป็นการปลอมแปลงใบหน้าด้วย AI เพื่อแก้ไขปัญหานี้ ธุรกิจจำนวนมากกำลังนำระบบการยืนยันตัวตนแบบหลายปัจจัยมาใช้ร่วม หรือก็คือการยืนยันตัวตนด้วยหลายวิธีร่วมกัน ตัวอย่างเช่น ในงานเอ็กซ์โป ที่นอกจากใช้การสแกนใบหน้าแล้ว ผู้ใช้ก็ยังต้องป้อนรหัส PIN สำหรับเพื่อยืนยันตัวตนด้วย หากพบว่าการยืนยันใบหน้า ณ ตอนนั้นมีปัญหาเกิดขึ้น
แหล่งที่มา : japannews.yomiuri.co.jp
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ญี่ปุ่นย้ำปลอดภัย ไม่มีภัยสึนามิจากภูเขาไฟเลโวโตบีปะทุ
- นักธรณีวิทยา ชี้ “ร่องลึกคูริล” รัสเซีย เคลื่อนตัวเร็วที่สุดของโลก
- “มาริษ” ย้ำไทยยึดสันติวิธี เคลียร์สถานการณ์ชายแดนกัมพูชา กับ รมว.กต.ญี่ปุ่น
- ญี่ปุ่นกลายเป็นประเทศที่มีระบบตรวจจับแผ่นดินไหวและสึนามิใต้ทะเลลึกทันสมัยที่สุดในโลก
- ญี่ปุ่น-รัสเซีย เตือนสึนามิ หลังเกิดแผ่นดินไหวรุนแรง 8.7 ในพื้นที่ตะวันออกไกลของรัสเซีย